ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Best Practice ครูผู้สอนระดับปฐมวัย (กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยใช้สื่อที่หลากหลายเพื่อพัฒนาความมีวินัยในตนเอง)

ความสำคัญของผลงานหรือนวัตกรรมที่นำเสนอ

กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ เป็นสื่อที่ควรพัฒนาให้เกิดกับนักเรียนทุกระดับชั้น โดยเฉพาะนักเรียนอนุบาล นักเรียนอนุบาลเป็นวัยที่สำคัญที่สุดสำหรับพัฒนาการของชีวิตมนุษย์ สิ่งที่นักเรียนอนุบาลได้รับประสบการณ์และการเรียนรู้ในช่วง 6 ปีแรกของชีวิตจะมีผลต่อการวางรากฐานที่สำคัญต่อบุคลิกภาพของนักเรียนอนุบาลที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ นักเรียนอนุบาลมีการพัฒนาช่วงอายุระหว่าง 0-6 ปี ถือว่าเป็นช่วงโอกาสทองของการเรียนรู้ ในวัยนี่สมองเติบโตอย่างรวดเร็ว ถ้านักเรียนอนุบาลได้รับการพัฒนาและได้รับการกระตุ้นด้วยวิธีการที่ถูกต้อง จะช่วยส่งเสริมให้มีความพร้อมสมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคม และสติปัญญา (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ. 2543: 16) นักเรียนอนุบาลอายุ 3-6 ปี เป็นวัยที่ร่างกายและสมองกำลังเจริญเติบโต ต้องการความรัก ความเอาใจใส่ ดูแลอย่างใกล้ชิด นักเรียนอนุบาลวัยนี้มีโอกาสเรียนรู้จากการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้สำรวจ เล่น ทดลอง ค้นพบด้วยตนเอง ได้มีโอกาสคิดแก้ปัญหา เลือก ตัดสินใจ ใช้ภาษาสื่อความหมาย ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข (กระทรวงศึกษาธิการ. 2546: ความนำ) ดังนั้นการจัดการศึกษาให้แก่นักเรียนอนุบาลหากได้รับการส่งเสริมและช่วยเหลือออย่างถูกวิธี และเป็นไปตามขั้นตอนของการพัฒนาแล้ว จะทำให้นักเรียนอนุบาลเหล่านั้นมีความพร้อมและมีศักยภาพต่อไปอย่างสูงสุด จากสถานการณ์ในปัจจุบันสังคมมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คนในสังคมก็มีวิถีการดำรงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้คนในสังคมละเลยส่วนรวม ให้ความสำคัญรวมทั้งนึกถึงประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก ไม่เข้าใจถึงการปฏิบัติตนที่เหมาะสมในสังคม ทำให้คนในสังคมไทยในปัจจุบันขาดความมีวินัยทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่น ดังนั้นการสร้างวินัย ควรเริ่มตั้งแต่วัยเด็กเล็กเนื่องจากเป็นวันแห่งการเรียนรู้ เป็นวัยที่กำลังสร้างลักษณะนิสัยต่อเนื่อง หากถูกปลูกฝังวินัยหรือพฤติกรรมที่ดีตั้งแต่ยังเด็กย่อมส่งผลให้เด็ก เมื่อเติบโตขึ้นจะเป็นบุคคลที่มีระเบียบวินัยในตนเองและเห็นประโยชน์ส่วนร่วมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน การส่งเสริมให้เด็กมีวินัยในตนเองนั้น จะช่วยให้เด็กมีพฤติกรรมที่เหมาะสม การมีวินัยในตนเอง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาอุปนิสัยของเด็กและความมีวินัยในตนเอง จะเป็นพื้นฐานของบุคคลในการควบคุมตนเองให้มีวินัยทางสังคมต่อไป ( สุชา จันทรเอม. 2511:49-53) การปลูกฝังวินัยสำหรับเด็กช่วยให้เด็กมั่นใจว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำ ทำให้เด็กสามารถหลีกเลี่ยงการทำผิด หรือรู้สึกอายต่อการทำผิด อีกทั้งยังช่วยให้เด็กอยู่ในมาตรฐานการยอมรับของสังคมและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ช่วยให้เด็กพัฒนาจิตสำนึก มโนธรรม หรือเสียงจากภายในตนเอง ซึ่งช่วยทำให้สามารถตัดสินใจและควบคุมพฤติกรรมด้วยตนเอง (Hurlock. 1984:393) เด็กสามารถประพฤติปฏิบัติตนในเป็นไปในลักษณะที่สังคมยอมรับและเกิดความสำนึกว่า เป็นค่านิยมที่ดีในด้านต่างๆ ได้แก่ ความรับผิดชอบ การรู้จักเวลาความเชื่อมั่นในตนเอง ความซื่อสัตย์ ความเป็นผู้นำ (กลมจันทร์ ชื่นฤทธิ์. 2550:19) การปลูกฝังวินัยให้กับเด็กจึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการปลูกฝังวินัยในช่วงปฐมวัย เนื่องจากเป็นการบ่มเพาะเมล็ดพืชแห่งวินัยในตัวเด็กตั้งแต่ระยะเริ่มแรก เพื่อให้วินัยหยั่งรากลึกลงอย่างมั่นคงมากขึ้น (พระธรรมปิฎก. 2538: 18-22)

จากการสังเกตพฤติกรรมความมีวินัยในตนเองพบว่า การจัดการเรียนการสอนในระดับปฐมวัยของโรงเรียนเมธาศึกษา มีการนำสื่อการสอนประเภทศิลปะสร้างสรรค์ มาใช้ในการจัดประสบการณ์เพื่อส่งเสริม พัฒนาการทั้ง 4 ด้าน สิ่งที่ยังไม่ได้มีการให้ความสำคัญอย่างจริงจังคือ การพัฒนาเด็กในด้านคุณธรรม จริยธรรม และวินัย แต่พฤติกรรมด้านวินัยของเด็กนั้น ยังคงพบพฤติกรรมที่เป็นปัญหา เช่น การเข้าแถว ชอบแซงคิว แกล้งเพื่อน เล่นกันในเวลาที่ครูสอน และจากการทดสอบความมีวินัยพบว่า เด็กบางคน ไม่ทราบว่าพฤติกรรมเหล่านั้นไม่เหมาะสมอย่างไร ทำให้เด็กแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและไม่ทราบว่าควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรในการดำเนินชีวิตต่อไป ซึ่งหากปล่อยให้เป็นปัญหาเช่นนี้ จะส่งผลต่อความคิดและจิตใจของเด็ก เมื่อเติบโตขึ้นก็อาจก่อให้เกิดเป็นปัญหาแก่สังคมได้

การพัฒนาความมีวินัยในตนเองสำหรับนักเรียนอนุบาล การทำกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้เด็กเกิดความสนใจและมีความสุขแสดงออกผ่านผลงานศิลปะ และทำให้เด็กเกิดความมีวินัยในตนเองขณะทำกิจกรรม การพัฒนาความมีวินัยในตนเองสามารถปฏิบัติได้หลายวิธี เช่น การเสริมแรงทางบวก เป็นการทำให้เกิดความพึงพอใจ ตัวอย่างการเสริมแรงทางบวกที่ง่ายและได้ผล คือ การพูดชมเชย การพูดให้กำลังใจ รอยยิ้ม การปรบ มือ รวมถึงการให้รางวัลเล็กๆน้อยๆที่เด็กชอบเพื่อเสริมแรงพฤติกรรมพึงประสงค์ จะเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้เด็กๆ ทำตามระเบียบวินัยอย่างเต็มใจ การเบี่ยงเบนความสนใจ การอธิบายด้วยคำพูด การตั้งกฎ การกักบริเวณ การงดรางวัลหรือสิ่งที่ชอบหรือวิธีอื่นๆ เป็นต้น

กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถพัฒนาความมีวินัยในตนเองเนื่องจากกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมให้เด็กได้แสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และจินตนาการ เด็กได้ทำกิจกรรมเพื่อฝึกให้เด็กรู้จักการวางแผน การทำงานร่วมกับผู้อื่น ฝึกความเป็นระเบียบ วินัย เก็บของเข้าที่ ปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกัน รู้จักการรอคอย รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น การมีมารยาททางสังคมเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เป็นกิจกรรมประจำวันสำหรับนักเรียนอนุบาล เป็นกิจกรรมเสรีที่เด็กอยากทำสนใจที่จะทำเมื่อทำแล้วมีความสุข สามารถพัฒนาเด็กด้านต่างๆ ทั้งด้านร่างกายอารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญา ซึ่งเด็กทุกคนต้องการแสดงออกด้านความคิดและความรู้สึกต้องการบอก ต้องการพูดต้องการเขียนเพื่อ ถ่ายทอดความรู้และความรู้สึกของตน วิธีการของเด็กในการถ่ายทอดความคิดและอารมณ์ความรู้สึกจากจินตนาการจะถ่ายทอดสู่งานศิลปะ (กุลยา ตันติผลาชีวะ. 2547: 188)

ครูผู้สอนมีความสนใจที่จะพัฒนาความมีวินัยในตนเองโดยนำกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ มาจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความมีวินัยในตนเองของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 ทำให้ครูได้นำกิจกรรมสร้างสรรค์ มาใช้ในการส่งเสริมความมีวินัยในตนเองของนักเรียนหรือประยุกต์ใช้ในกิจกรรมอื่นต่อไป

วัตถุประสงค์

1. เพื่อพัฒนาความมีวินัยในตนเองของนักเรียนอนุบาลชั้นปีที่ 2 โดยใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์

2. เพื่อให้เด็กได้แสดงออกซึ่งความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

3. เพื่อให้เด็กได้ผ่อนคลายอารมณ์ให้ร่าเริงแจ่มใส และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้

กลุ่มเป้าหมาย

นักเรียนอนุบาลชั้นปีที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนเมธาศึกษา จำนวน 20 คน

นวัตกรรม

กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์โดยใช้สื่อที่หลากหลายเพื่อพัฒนาความมีวินัยในตนเอง

เครื่องมือ

- กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์

- แบบสังเกตความมีวินัยในตนเองของนักเรียน

วิธีดำเนินงาน

1. ศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 และคู่มือการใช้หลักสูตร ในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ มาตรฐานและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของเด็กปฐมวัยคุณลักษณะตามวัยของเด็กปฐมวัย สาระการเรียนรู้ขอบข่ายของกิจกรรมที่จัดให้กับเด็ก และพบว่ากิจกรรมสร้างสรรค์เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับงานศิลปะต่างๆ

2. ศึกษาหลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนเมธาศึกษา พุทธศักราช 2560 โดยครูได้ออกแบบการจัดกิจกรรม สร้างสรรค์ ตามหน่วยการเรียนรู้ต่างๆ ตามแผนการจัดประสบการณ์ของชั้นอนุบาลปีที่ 2 ทั้งหมด 40 หน่วยการเรียนรู้

3. จัดกิจกรรมศิลปะตามหน่วยการเรียนรู้

4. ประเมินผลและสรุปผลรายงานผล

ผลการดำเนินงาน

ผลที่เกิดกับผู้เรียน

1. หลังการใช้กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ นักเรียนอนุบาลชั้นปีที่ 2 มีวินัยในตนเองมากขึ้น

2. นักเรียนสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

3. นักเรียนมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถสร้างชิ้นงาน สร้างสรรค์งานศิลปะแสดงต่อ

สาธารณชนได้

ผลที่เกิดกับครู

1. ครูมีความรู้ความเข้าใจ และตระหนักในการพัฒนาคุณภาพนักเรียน ตามมาตรฐานและพัฒนาตนเองสู่ครูมืออาชีพ

2. ครูได้พัฒนาความรู้และทักษะการจัดการเรียนการสอนเพิ่มขึ้นทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ

ผลที่เกิดกับโรงเรียน

โรงเรียนได้รับความไว้วางใจในการส่งบุตรหลานมาเข้าเรียน

ผลที่เกิดกับชุมชน

ชุมชนมีความมั่นใจต่อการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน ชุมชนมีความภาคภูมิใจ ศรัทธาต่อโรงเรียน และสนุบสนุนโรงเรียนมากขึ้น

ปัจจัยความสำเร็จ

1. ผู้บริหารมีภาวะผู้นำและให้ความสำคัญสนับสนุนในการดำเนินกิจกรรม

2. เด็กๆให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการร่วมกิจกรรมเกิดความสนุกสนานกับกิจกรรมการจัด

ประสบการณ์การเรียนรู้

3. ผู้ปกครองให้การร่วมมือสนับสนุนในการจัดหาสื่อเพื่อใช้ในการจัดกิจกรรม

4. มีการประเมินพัฒนาการและปรับปรุงผลการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง

บทเรียนที่ได้รับ

1. เด็กไดรับประสบการณตรงและมีวินัยในตนเองมากขึ้น

2. เด็กมีความคิดสรางสรรคสามารถสรุปองคความรูไดดวยตนเอง

3. เด็กมีความมั่นใจในการทํางานและทํางานรวมกับผูอื่นได

4. เด็กภาคภูมิใจในผลงานของตนเอง

ข้อเสนอแนะในการพัฒนาต่อไป

การจัดกิจกรรมเน้นให้นักเรียนอนุบาลได้ปฏิบัติด้วยตนเองทุกๆ กิจกรรม และคิดรูปแบบกิจกรรมที่น่าสนใจ ให้เด็กอยากเรียนรู้และอยากทำกิจกรรมมากขึ้น และเด็กเกิดความสุข สนุกสนานกับการทำกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์

โพสต์โดย Kru.kamon : [25 มิ.ย. 2563 เวลา 12:08 น.]
อ่าน [15694] ไอพี : 1.1.130.23
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 7,357 ครั้ง
เข้าใจนวัตกรรม การศึกษาฟินแลนด์
เข้าใจนวัตกรรม การศึกษาฟินแลนด์

เปิดอ่าน 22,626 ครั้ง
iPrice เจาะลึก! จริงหรือไม่? กรุงเทพฯ เป็นเมืองมีค่าครองชีพแพงที่สุดในภูมิภาค
iPrice เจาะลึก! จริงหรือไม่? กรุงเทพฯ เป็นเมืองมีค่าครองชีพแพงที่สุดในภูมิภาค

เปิดอ่าน 1,838 ครั้ง
แนะนำ 5 อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์ เพิ่มขีดจำกัดในการใช้งานให้ทะลุหลอด
แนะนำ 5 อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์ เพิ่มขีดจำกัดในการใช้งานให้ทะลุหลอด

เปิดอ่าน 427,887 ครั้ง
หมดยุค"ปริญญาแปะฝาบ้าน"!! "ทักษะอาชีพ-ชีวิต"สำคัญกว่า?
หมดยุค"ปริญญาแปะฝาบ้าน"!! "ทักษะอาชีพ-ชีวิต"สำคัญกว่า?

เปิดอ่าน 9,939 ครั้ง
ตรวจสอบคุณภาพยางรถ
ตรวจสอบคุณภาพยางรถ

เปิดอ่าน 69,727 ครั้ง
เครื่องแบบข้าราชการ
เครื่องแบบข้าราชการ

เปิดอ่าน 14,816 ครั้ง
29 ก.ค. วันภาษาไทยแห่งชาติ
29 ก.ค. วันภาษาไทยแห่งชาติ

เปิดอ่าน 48,816 ครั้ง
ทฤษฎีบทขิองปิทาโกรัส
ทฤษฎีบทขิองปิทาโกรัส

เปิดอ่าน 10,884 ครั้ง
กินแบบไทย ไล่มะเร็ง
กินแบบไทย ไล่มะเร็ง

เปิดอ่าน 21,168 ครั้ง
"ว่านกาบหอย" ไม่ใช่แค่ไม้ประดับแต่เป็นยาสมุนไพร
"ว่านกาบหอย" ไม่ใช่แค่ไม้ประดับแต่เป็นยาสมุนไพร

เปิดอ่าน 44,726 ครั้ง
มาแล้ว "ตารางสอบครูผู้ช่วย" สพฐ. 2/2558 (อย่างเป็นทางการ)
มาแล้ว "ตารางสอบครูผู้ช่วย" สพฐ. 2/2558 (อย่างเป็นทางการ)

เปิดอ่าน 11,029 ครั้ง
ใช้คณิตศาสตร์ ศึกษาภาพฝาผนัง
ใช้คณิตศาสตร์ ศึกษาภาพฝาผนัง

เปิดอ่าน 15,581 ครั้ง
นวดหน้าลดริ้วรอย
นวดหน้าลดริ้วรอย

เปิดอ่าน 10,871 ครั้ง
เทคนิคการเรียนรู้ของไฟยน์แมน (Feynman Learning Technique)
เทคนิคการเรียนรู้ของไฟยน์แมน (Feynman Learning Technique)

เปิดอ่าน 11,991 ครั้ง
เห็ดหลินจือ มีดีเช่นไร?
เห็ดหลินจือ มีดีเช่นไร?

เปิดอ่าน 17,566 ครั้ง
วิธีดูแลรักษาโซฟาหนัง
วิธีดูแลรักษาโซฟาหนัง
เปิดอ่าน 12,533 ครั้ง
 วางมินวู (Hwang Min Woo) หนูน้อยกังนัม ที่ชาวเน็ตต่างพากันหลงรัก และกล่าวถึงมากที่สุดในตอนนี้
วางมินวู (Hwang Min Woo) หนูน้อยกังนัม ที่ชาวเน็ตต่างพากันหลงรัก และกล่าวถึงมากที่สุดในตอนนี้
เปิดอ่าน 9,862 ครั้ง
สิ่งที่ลูกได้จากน้ำนมแม่
สิ่งที่ลูกได้จากน้ำนมแม่
เปิดอ่าน 26,408 ครั้ง
อนาคตหนังสือเรียนไทยในยุคก้าวไกลของ IT
อนาคตหนังสือเรียนไทยในยุคก้าวไกลของ IT
เปิดอ่าน 10,551 ครั้ง
จัดการผมยุ่งเหยิงยามเช้าตรู่อย่างไรดี
จัดการผมยุ่งเหยิงยามเช้าตรู่อย่างไรดี

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ