ชื่อเรื่อง การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นางดลนภา วงษ์ศิริ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
ปีที่พิมพ์ 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะ การฟังและการพูดภาษาอังกฤษ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 2) ศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลของกิจกรรมการเรียนรู้ 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างก่อนเรียนกับหลังเรียน 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่สร้างขึ้น กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาลสวนสนุก สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 ห้อง 2/2 จำนวน 35 คน โดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยมีนักเรียนที่เรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อนภายในชั้นเรียนเดียวกัน ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง คือภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 5 สัปดาห์ สอนสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง รวมระยะเวลา 15 ชั่วโมง รูปแบบที่ใช้ในการทดลอง คือ One Group Pre-test Post- test Design เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 5 ชุด 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 14 ข้อ 4) แผนการจัดการเรียนรู้ 15 แผน แผนละ 1 ชั่วโมง รวม 15 ชั่วโมง 5) ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง จำนวน 5 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง รวม 15 ชั่วโมง การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าสถิติ ร้อยละ ( %) ค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่า t - test แบบ Dependent
ผลการศึกษาพบว่า
1. ประสิทธิภาพของการเรียนรู้ โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการ
ฟังและการพูดภาษาอังกฤษ โดยรวม มีคะแนนเฉลี่ย เท่ากับ 40.26 หรือมีค่าประสิทธิภาพคิดเป็นร้อยละ 80.52 และคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนมีค่า เท่ากับ 24.09 หรือมีค่าประสิทธิภาพคิดเป็นร้อยละ 80.29 แสดงว่าประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ มีค่าเท่ากับ 80.52/80.29 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 75/75
2. ดัชนีประสิทธิผลของชุดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 0.6153 นั่นคือ นักเรียนมีความก้าวหน้าเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 61.53 เมื่อเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริม
ทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนสูงกว่าก่อน
เรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.52 (S.D. = 0.18) เมื่อพิจารณารายข้อพบว่า ข้อที่มีความพึงพอใจมากที่สุดคือ ผู้เรียนทุกคนได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเองหรือร่วมกลุ่มทำกิจกรรม มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.78 (S.D. = 0.41) รองลงมาคือ เนื้อหานำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ซึ่งมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.77 (S.D. =0.42) และข้อที่มีความพึงพอใจต่ำสุด คือ มีการวัดและประเมินผลด้วยวิธีการที่หลากหลายซึ่งมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.20 (S.D. = 0.52)