Advertisement
น้องสอง สร้างประวัติศาสตร์ คว้าเหรียญเงินเทควันโดให้ไทย
การแข่งขันเทควันโด ในกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 29 ที่สนามยูเอสทีบี ยิมเนเซียม กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในรุ่น 49 กิโลกรัมหญิง เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม "น้องสอง" บุตรี เผือดผ่อง ในรุ่น 49 กิโลกรัมหญิง ไม่ทำให้คนไทยผิดหวัง สามารถคว้าเหรียญเงินโอลิมปิกมาครองได้ ท่ามกลางความภาคภูมิใจของครอบครัว ครู และโค้ช รวมทั้งกองเชียร์ชาวไทยทุกคน
ทั้งนี้ รอบชิงชนะเลิศรุ่น 49 กิโลกรัม น้องสอง บุตรี พบกับมือ 1 ของจีน "หวู จิน หยู" ดีกรีแชมป์โลกคนล่าสุด เปิดฉากยกแรก นักเทควันโดไทยโดนยันที่ต้นขาขวา แต่ยังกัดฟันขึ้นมาสู้ และมาโดน หวู จิน หยู เตะนำไปก่อน 1-0 คะแนน ยกที่สอง "น้องสอง" พยายามเร่งออกอาวุธแต่แต้มไม่ขึ้น จึงตามหลังไปอีก 1-0 คะแนน เข้าสู่ยกสาม สถานการณ์ของ บุตรี ไม่สู้ดีนัก
เมื่อแชมป์โลกจากจีนเดินเร่งออกอาวุธเต็มที่ จน น้องสอง บุตรี โดนตัดเคียงโก้เป็นครั้งที่สอง ก่อนที่ บุตรี จะแพ้ หวู จิน หยู ไป 2-0 คะแนน คว้าเหรียญเงินเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการเทควันโดไทย หลังจากเมื่อ 4 ปีที่แล้วโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่กรีซ ได้เหรียญทองแดงมาจาก "น้องวิว" เยาวภา บุรพลชัย ในรุ่นเดียวกัน
ส่วนบรรยากาศที่โรงเรียนสตรีมหาพฤฒาราม ย่านหัวลำโพง ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ "น้องสอง" บุตรี เผือดผ่อง กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่เช้า โดย อ.รัตนา เชาว์ปรีชา ผู้อำนวยการ ได้ตั้งทีวีจอยักษ์และให้นักเรียนมาเชียร์จอมเตะสาวคนเก่งเกือบทั้งโรงเรียน โดยมีคุณพ่อนายชวลิต เผือดผ่อง อายุ 50 ปี และคุณแม่นางสุวรรณา เผือดผ่อง อายุ 49 ปี เดินทางมาเชียร์ลูกสาวในครั้งนี้ด้วย
ขณะที่บรรยากาศที่โรงพยาบาลธัญญารักษ์ จ.ปทุมธานี นายวิจิตร และนางนันทนา ขาวละออ พ่อแม่ของ ชัชวาล เผยว่า รู้สึกเสียดายที่ลูกชายไม่สามารถผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้ เพราะที่ผ่านมาแม็กตั้งใจกับโอลิมปิกครั้งนี้อย่างเต็มที่ เนื่องจากเป็นความฝันสูงสุดตั้งแต่มาเล่นเทควันโดแล้ว และสิ่งที่ลูกชายตั้งใจมาถือว่าดีที่สุดแล้ว จากนี้ไปคงจะเดินทางไปรับที่สุวรรณภูมิ พร้อมกับให้เจ้าตัวคิดเองว่า จะเล่นต่อหรือไม่ เพราะครอบครัวให้การสนับสนุนมาโดยตลอด
สำหรับในส่วนของเงินรางวัลอัดฉีด ทั้งจากภาครัฐและเอกชน หลังจาก “น้องสอง” บุตรี คว้าเหรียญเงินมาครองได้นั้น เบื้องต้นในส่วนของเงินสด กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ให้ 6 ล้านบาท (3 ล้านบาทเป็นเงินสด จ่ายทันที ส่วนอีกครึ่ง แบ่งจ่ายเป็นรายเดือน ภายใน 5-10 ปี) เอไอเอส 5 แสนบาท แมคโดนัลด์ 5 แสนบาท โอสถสภา 5 แสนบาท สิงห์ 5 แสนบาท และสยามสปอร์ต 3 แสนบาท เงินเดือนจากคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ เดือนละ 1 หมื่นบาท เป็นเวลา 20 ปี เป็นเงิน 2.4 ล้านบาท เฉพาะเงินสดรวมเป็นเงิน 10.7 ล้านบาท นอกจากนี้ ในส่วนของสิ่งของโอสถสภา ให้ทองคำหนัก 5 บาท มูลค่า 6 หมื่นบาท โตโยต้าให้รถกระบะ มูลค่า 6 แสนบาท และยามาฮ่า ให้จักรยานยนต์ มูลค่า 4.75 หมื่นบาท รวมเบ็ดเสร็จทั้งเงินสดและสิ่งของเป็นเงินกว่า 11.4 ล้านบาท
หลังการแข่งขัน "น้องสอง" บุตรี ยังมีสีหน้าแจ่มใส ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้พยายามทำดีที่สุดแล้ว ขอขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่านที่สนับสนุนตนมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นสมาคม หรือจะเป็นอาจารย์พงษ์เกษียร บัวสุวรรณ อาจารย์คนแรกที่สอนตนมาตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ และพี่น้องคนไทยทั่วประเทศ สำหรับในเกม ตอนรอบแรกๆ ก็มีเสียว เหมือนกัน กลัวพลาด เพราะต้องซัดเดนเดธถึง 2 ครั้ง
"อยากบอกว่ารักพ่อกับแม่มาก จริงๆ แล้วก็ไม่ ค่อยได้พูดในเรื่องนี้ ส่วนพ่ออยากได้บ้านใหม่ กลับไปก็จะซื้อให้ ตั้งแต่เด็กมีความฝันมาตลอดว่าอยากไปแข่งโอลิมปิก ได้มาก็เป็นฝันที่ทำสำเร็จแล้วและยังมาได้เหรียญเงินอีก ทำให้ดีใจที่สุด สำหรับเงินรางวัลจะแบ่ง 15 เปอร์เซ็นต์ให้เพื่อนร่วมทีมด้วย" บุตรีกล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า จากความสำเร็จได้เหรียญเงินโอลิมปิก และได้เงินรางวัลจำนวนมาก ชีวิตจะเปลี่ยนไปหรือไม่ บุตรีกล่าวว่า "หนูก็ยังเป็นหนูคนเดิม ส่วนอนาคตในการเล่นทีมชาติ โดยเฉพาะโอลิมปิก 2012 ยังไม่รู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็จะทำเต็มที่เหมือนเดิม"
ด้าน นางสุวรรณา แม่น้องสอง ซึ่งเคยเป็นมะเร็งเต้านม แต่รักษาจนหายขาด กล่าวว่า อดทนมาได้ก็เพราะต้องการเห็นความสำเร็จของลูกสาวคนเล็ก ตนเคยป่วยเป็นมะเร็ง แต่ก็รักษาตัวอย่างเต็มที่ เพราะมีลูกทั้ง 2 คนเป็นกำลังใจ ลูกคนแรกแม้จะไม่ได้มีโอกาสเล่นเทควันโด แต่ก็ไม่เคยเกเร ส่วนสองนั้นเป็นอีกหนึ่งกำลังใจสำคัญให้แม่สู้กับโรคมะเร็งจนหายในที่สุด เคยบอกกับเมื่อ 4 ปีที่แล้วว่าโอลิมปิกเกมส์ ที่ปักกิ่ง ไม่รู้แม่จะอยู่ถึงไหม สองเขาก็บอกว่าไม่ต้องเครียดหรอกแม่ ใครเขาก็เป็นกันทั้งนั้น
"วันนี้ดีใจที่ลูกสาวสามารถสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองให้วงศ์ตระกูล โรงเรียน และประเทศชาติได้แล้ว ส่วนเงินรางวัลอัดฉีดต่างๆนั้น ปกติสองจะให้แม่ประจำ เขาให้เราช่วยดูแลเข้าธนาคารให้ โดยพ่อเป็นคนเก็บบัญชี ครอบครัวของเราไม่ได้ลำบากอะไร เงินตรงนี้ก็จะเป็นของสอง ไว้เป็นหลักเป็นฐานในอนาคตทั้งหมด คงไม่อยากลงทุนทำอะไร แต่สองมักจะพูดเล่นประจำว่า อยากเปิดเซเว่นอีเลฟเว่น เพราะทุกวันนี้เสียเงินซื้อของในเซเว่นแทบทุกวัน" นางสุวรรณากล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.kapook.com
Advertisement
เปิดอ่าน 9,811 ครั้ง เปิดอ่าน 8,572 ครั้ง เปิดอ่าน 8,836 ครั้ง เปิดอ่าน 8,224 ครั้ง เปิดอ่าน 15,388 ครั้ง เปิดอ่าน 15,481 ครั้ง เปิดอ่าน 13,607 ครั้ง เปิดอ่าน 11,438 ครั้ง เปิดอ่าน 14,967 ครั้ง เปิดอ่าน 11,644 ครั้ง เปิดอ่าน 32,501 ครั้ง เปิดอ่าน 14,645 ครั้ง เปิดอ่าน 10,140 ครั้ง เปิดอ่าน 13,490 ครั้ง เปิดอ่าน 10,611 ครั้ง เปิดอ่าน 12,046 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 16,016 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 13,976 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 2,219 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 5,883 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 19,909 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 11,040 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 12,367 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 14,039 ครั้ง |
เปิดอ่าน 2,219 ครั้ง |
เปิดอ่าน 58,201 ครั้ง |
เปิดอ่าน 13,231 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,057 ครั้ง |
|
|