ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประก

วิจัยเรื่อง: รูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความ

และทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทาน

ประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา

ผู้วิจัย: นางณฐมน ทรงเจริญ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

หน่วยงาน: โรงเรียนบางคูลัด อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี สังกัดกองการศึกษา ศาสนา

และวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี

ปีที่วิจัย: 2562

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีความมุ่งหมายของวิจัย ได้แก่ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา และ 4) เพื่อประเมินความคิดเห็นของรูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนบางคูลัด อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี สังกัดกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 43 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยวิธีการจับสลากโดยใช้ห้องเรียนในการสุ่ม ซึ่งผู้วิจัยเป็นครูประจำวิชากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เครื่องมือขั้นศึกษาข้อมูลพื้นฐาน จำนวน 2 ชนิด ได้แก่ 1) แบบสอบถามสภาพปัจจุบันในการจัดการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความทักษะการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนบางคูลัด จำนวน 27 ข้อ และ 2) แบบสอบถามความต้องการในการจัดการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนบางคูลัด เครื่องมือที่ใช้ในทดลองใช้ มี 5 ชนิด ดังนี้ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานร่วมกับการสอนแบบ SQ4R วิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้ นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา จำนวน 23 แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความจากนิทานประกอบภาพ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 7 เล่ม 3) แบบทดสอบทักษะการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทย (ท13101) ของนักเรียนชั้นประถม ศึกษาปีที่ 3 ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ 4) แบบทดสอบทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ วิชาภาษาไทย (ท13101) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ และ 5) แบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา จำนวน 10 ข้อ และเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินรูปแบบ ได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็นรูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหาของผู้เชี่ยวชาญและครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนบางคูลัด จำนวน 24 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบ สมมติฐานโดยใช้การทดสอบค่าที และค่าดัชนีประสิทธิผล

ผลการวิจัยและพัฒนา พบว่า

1. ระยะที่ 1 การวิจัย (Research: R1) คือ การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน (Analysis : A) ในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า

1.1 สภาพปัญหาปัจจุบันในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบางคูลัด ของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนบางคูลัด จำนวน 5 คน อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄= 4.47, S.D. =0.64)

1.2 ความต้องการในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบางคูลัด ของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนบางคูลัด จำนวน 5 คน อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄= 4.59, S.D. =0.58)

2. ระยะที่ 2 การพัฒนา (Development : D1) คือ การออกแบบและพัฒนา (Design and Development: D & D) รูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา ผลการพัฒนา พบว่า

2.1 ความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานร่วมกับการสอนแบบ SQ4R วิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า มีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด คะแนนเฉลี่ย (x̄) ระหว่าง 3.51 ถึง 5.00 ซึ่งถือว่าเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่สามารถนำไปใช้ได้

2.2 ความเหมาะสมของแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความจากนิทานประกอบภาพ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่า มีระดับความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก คะแนนเฉลี่ย (x̄) ระหว่าง 4.27 ถึง 4.60

2.3 คุณภาพแบบทดสอบทักษะการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทย (ท13101) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของข้อสอบ อยู่ระหว่าง 0.60 ถึง 1.00 ทุกข้อ แสดงว่าข้อสอบแต่ละข้อมีค่า IOC ใช้ได้ทุกข้อ มีค่าความยากง่าย (p) ระหว่าง 0.43-0.70 มีค่าอำนาจจำแนก (B) ระหว่าง 0.31-0.56 และมีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.932

2.4 คุณภาพแบบทดสอบทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์วิชาภาษาไทย (ท13101) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของข้อสอบ อยู่ระหว่าง 0.60 ถึง 1.00 ทุกข้อ แสดงว่าข้อสอบแต่ละข้อมีค่า IOC ใช้ได้ทุกข้อ มีค่าความยากง่าย (p) ระหว่าง 0.43-0.70 มีค่าอำนาจจำแนก (B) ระหว่าง 0.31-0.59 และมีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ เท่ากับ 0.898

2.5 คุณภาพแบบสอบถามวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหามีค่า IOC ระหว่าง 0.5 ถึง 1.00 และค่าความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค เท่ากับ 0.802

2.6 รูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา ซึ่งผู้วิจัยสร้างและพัฒนาขึ้นโดยนำการเรียนรู้ตามแนวคิดสมองเป็นฐาน (Brain-based Learning) มาบูรณาการร่วมกับการสอนการสอนอ่านแบบ SQ4R ในขั้นเสนอความรู้ใหม่ คือ การวางแบบแผนหรือลักษณะการจัดประสบการณ์ที่มุ่งเน้นให้เด็กได้ฝึกปฏิบัติจริง ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย เชื่อมโยงความรู้เดิมกับประสบการณ์ใหม่ โดยใช้การจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการทำงานของสมอง จำนวน 7 ขั้น โดยขั้นความรู้ใหม่ผู้วิจัยได้นำการสอนแบบอ่าน SQ4R คือ วิธีการสอนอ่านรูปแบบหนึ่งที่ใช้พัฒนาความสามารถในการอ่านจากบทอ่านประเภทต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความรู้และความเข้าใจในเรื่องที่อ่าน มีจำนวน 6 ขั้นในขั้นความรู้ใหม่ ดังนี้

1) ขั้นนำสู่บทเรียน หมายถึง ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้โดยการวางแผนการสนทนากับนักเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมในการทำความเข้าใจสิ่งที่เรียนในภาพรวม และสามารถเชื่อมโยงไปสู่เรื่องที่จะเรียน

2) ขั้นแจ้งกระบวนการเรียนรู้ หมายถึง ขั้นการจัดการเรียนรู้ซึ่งการแจ้งถึงรายละเอียดกิจกรรมแก่นักเรียนว่าจะต้องกิจกรรมใดบ้าง อย่างไร และใช้วิธีการวัดและประเมินผลอย่างไร

3) ขั้นเสนอความรู้ใหม่ด้วยวิธีการสอนอ่านแบบ SQ4R หมายถึง ขั้นการจัดประสบการณ์เชื่อมโยงประสบการณ์ความรู้ต่าง ๆ เพื่อสร้างให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ ด้วยการจัดประสบการณ์หรือการสร้างความคิดรวบยอดให้แก่นักเรียน จำนวน 6 ขั้นย่อย ดังนี้

(1) ขั้นย่อยที่ 1 ขั้นตอนการสำรวจ (Survey)

(2) ขั้นย่อยที่ 2 ขั้นตอนการตั้งคำถาม (Question)

(3) ขั้นย่อยที่ 3 ขั้นตอนการอ่าน (Read)

(4) ขั้นย่อยที่ 4 ขั้นตอนการทบทวน (Record)

(5) ขั้นย่อยที่ 5 ขั้นตอนการเขียนสรุปใจความสำคัญ (Recite)

(6) ขั้นย่อยที่ 6 ขั้นตอนการวิเคราะห์วิจารณ์ (Reflect)

4) ขั้นฝึกทักษะ หมายถึง ขั้นการจัดการเรียนรู้ที่นักเรียนเข้ากลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้ และสร้างผลงานจากการศึกษาค้นคว้า การฝึกปฏิบัติ การสังเกต การทำใบงาน การวาดภาพ และการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ จนประสบความผลสำเร็จได้ผลงานออกมา

5) ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หมายถึง ขั้นการจัดประสบการณ์ที่ตัวแทนของแต่ละกลุ่ม ออกมานำเสนอผลงาน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่ต่างกันภายในห้องเรียน

6) ขั้นสรุปความ หมายถึง ขั้นการจัดประสบการณ์ที่ร่วมกันสรุปความรู้ และร่วมกันเฉลยคำตอบที่ถูกต้องเพื่อให้นักเรียนได้รับทราบคำตอบให้ถูกต้องที่สุด โดยใช้โครงสร้างเนื้อหา

7) ขั้นเกมตอบคำถาม หมายถึง ขั้นการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกมในการประเมินรายบุคคลที่เกี่ยวกับทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์โดยไม่ถามกัน นำมาหาค่าเฉลี่ยของแต่ละกลุ่ม ประกาศผลคะแนนของแต่ละกลุ่ม

2.7 ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา เท่ากับ 84.85/82.64 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80

3. ระยะที่ 3 การวิจัย (Research : R2) คือ การนำไปใช้ (Implementation: I) รูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า

3.1 ทักษะการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทย (ท13101) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนโดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3.2 ดัชนีประสิทธิผลของทักษะการอ่านจับใจความวิชาภาษาไทย (ท13101) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนโดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา เท่ากับ 0.7327 คิดเป็นร้อยละ 73.27

3.3 ทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์วิชาภาษาไทย (ท13101) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนโดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3.4 ดัชนีประสิทธิผลของทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์วิชาภาษาไทย (ท13101) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนโดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา เท่ากับ 0.7135 คิดเป็นร้อยละ 71.35

3.5 ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้ นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา อยู่ในระดับมากที่สุด ( =4.80, S.D=0.70)

4. ระยะที่ 4 การพัฒนา (Development : D2) คือ การประเมินผลและปรับปรุง (Evaluation : E) ประเมินความคิดเห็นและปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา ผลการพัฒนา พบว่า ความคิดเห็นที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนวิชาภาษาไทย (ท13101) เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความและทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้นิทานประกอบภาพร่วมกับแผนภาพความคิดตามโครงสร้างเนื้อหา อยู่ในระดับมากที่สุด (x̄= 4.55, S.D. =3.41)

คำสำคัญ วิชาภาษาไทย, การอ่านจับใจความ, คิดวิเคราะห์ ประถมศึกษาปีที่ 3, นิทานประกอบภาพ แผนภาพความคิด, โครงสร้างเนื้อหา, สมองเป็นฐาน, การสอนอ่าน, SQ4R

โพสต์โดย ครูณฐมน โรงเรียนบางคูลัด : [9 ก.ย. 2564 เวลา 04:00 น.]
อ่าน [2412] ไอพี : 14.207.48.7
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 9,247 ครั้ง
เสียงหัวเราะ ให้คุณมากกว่าความสดใส
เสียงหัวเราะ ให้คุณมากกว่าความสดใส

เปิดอ่าน 12,853 ครั้ง
นมปั่นสูตรเพิ่มพลังงาน
นมปั่นสูตรเพิ่มพลังงาน

เปิดอ่าน 40,716 ครั้ง
เพลง "อิ่มอุ่น"
เพลง "อิ่มอุ่น"

เปิดอ่าน 14,290 ครั้ง
วิธีทำให้ความจำดีขึ้น
วิธีทำให้ความจำดีขึ้น

เปิดอ่าน 21,678 ครั้ง
แนวทางในการพัฒนาระบบ
แนวทางในการพัฒนาระบบ

เปิดอ่าน 10,259 ครั้ง
วิธีดูแลรักษาที่นอน
วิธีดูแลรักษาที่นอน

เปิดอ่าน 16,013 ครั้ง
รับอากาศบริสุทธิ์ เพิ่มพลังให้สมอง
รับอากาศบริสุทธิ์ เพิ่มพลังให้สมอง

เปิดอ่าน 2,470 ครั้ง
อุตสาหกรรมยุคใหม่ ทำไมต้องเข้าใจเรื่อง Smart Warehouse
อุตสาหกรรมยุคใหม่ ทำไมต้องเข้าใจเรื่อง Smart Warehouse

เปิดอ่าน 18,590 ครั้ง
คุณครูที่กำลังมองหาวิธีเพิ่มความน่าสนใจของนักเรียนในห้องเรียน ลองใช้วิธีนี้ดูสิ
คุณครูที่กำลังมองหาวิธีเพิ่มความน่าสนใจของนักเรียนในห้องเรียน ลองใช้วิธีนี้ดูสิ

เปิดอ่าน 9,459 ครั้ง
เสียงสะท้อนจากนิทานเรื่องมดน้อย ของลุงตู่ ต่อการปฏิรูปการศึกษา : โดย เพชร เหมือนพันธุ์
เสียงสะท้อนจากนิทานเรื่องมดน้อย ของลุงตู่ ต่อการปฏิรูปการศึกษา : โดย เพชร เหมือนพันธุ์

เปิดอ่าน 1,534 ครั้ง
"ขุนหลวงท้ายสระ" พระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 30 แห่งอาณาจักรอยุธยา
"ขุนหลวงท้ายสระ" พระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 30 แห่งอาณาจักรอยุธยา

เปิดอ่าน 17,443 ครั้ง
เปิดจุดแข็ง-จุดอ่อนของคน 12 ราศี
เปิดจุดแข็ง-จุดอ่อนของคน 12 ราศี

เปิดอ่าน 15,736 ครั้ง
เส้นทางการศึกษาใหม่ ให้ทางเลือกเยาวชน
เส้นทางการศึกษาใหม่ ให้ทางเลือกเยาวชน

เปิดอ่าน 17,110 ครั้ง
การออกแบบสาร (Message Design) เพื่อการนำเสนอ
การออกแบบสาร (Message Design) เพื่อการนำเสนอ

เปิดอ่าน 19,733 ครั้ง
ตามไปดูการศึกษานอกหลักสูตร : จับตามองครูในศตวรรษที่ 21 "ครูหัวใจสะเต็ม"
ตามไปดูการศึกษานอกหลักสูตร : จับตามองครูในศตวรรษที่ 21 "ครูหัวใจสะเต็ม"

เปิดอ่าน 19,291 ครั้ง
ปลูกเมล่อนหน้าแล้ง
ปลูกเมล่อนหน้าแล้ง
เปิดอ่าน 12,323 ครั้ง
ไอพ่นเกือบยิงจานผีร่วง เครื่องบินขับไล่อังกฤษกระหน่ำจานบิน
ไอพ่นเกือบยิงจานผีร่วง เครื่องบินขับไล่อังกฤษกระหน่ำจานบิน
เปิดอ่าน 23,113 ครั้ง
ความหมายของตัวเลขบนตั๋วรถเมล์
ความหมายของตัวเลขบนตั๋วรถเมล์
เปิดอ่าน 22,352 ครั้ง
ไข้เลือดออก ฉบับการ์ตูนเข้าใจง่าย สไตล์หมอหมึกดุ๋ย
ไข้เลือดออก ฉบับการ์ตูนเข้าใจง่าย สไตล์หมอหมึกดุ๋ย
เปิดอ่าน 14,938 ครั้ง
เสียงประทัดส่งผลกระทบผู้ป่วย "โรคหัวใจ-ความดันโลหิต"
เสียงประทัดส่งผลกระทบผู้ป่วย "โรคหัวใจ-ความดันโลหิต"

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ