การวิจัยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับภาวะผู้นำการเรียนรู้และภาวะผู้นำแบบร่วมพลังของผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อการเป็นองค์การนวัตกรรม 2) เพื่อตรวจสอบความสอดคล้องเชิงประจักษ์และ 3) เพื่อศึกษาอิทธิพล โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงสาเหตุ กลุ่มตัวอย่าง 300 โรงเรียน ใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยมีความเชื่อมั่น 0.978 ในการวิเคราะห์โมเดลใช้โปรแกรมเอ็มพลัสและโปรแกรมเอสพีเอสเอส ผลการวิจัยได้ดังนี้

1.ระดับภาวะผู้นำการเรียนรู้ พบว่า ด้านที่มีค่าสูงสุด คือ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ รองลงมา คือ การใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการและเรียนรู้ น้อยที่สุด คือ การเรียนรู้เป็นทีม ระดับภาวะผู้นำแบบร่วมพลัง พบว่า ด้านที่มีค่าสูงสุด คือ ความก้าวหน้า รองลงมา คือ ความผูกพันต่อองค์กร น้อยที่สุด คือ การจัดการความเสี่ยง ส่วนระดับการเป็นองค์การนวัตกรรม พบว่า ด้านที่มีค่าสูงสุด คือ การบริหารทรัพยากรบุคคล รองลงมาคือ บรรยากาศวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรม และน้อยที่สุดคือ กลยุทธ์เชิงนวัตกรรม

2.โมเดลภาวะผู้นำการเรียนรู้และโมเดลภาวะผู้นำแบบร่วมพลัง มีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์

3.ภาวะผู้นำการเรียนรู้และภาวะผู้นำแบบร่วมพลังมีอิทธิพลทางตรงเชิงบวกต่อการเป็นองค์การนวัตกรรม โดยค่าอิทธิพลเท่ากับ 0.805 และ 0.831 ตัวแปรทั้ง 2 สามารถอธิบายความแปรปรวนของการเป็นองค์การนวัตกรรมได้ร้อยละ 64.80 และ 69.10 ตามลำดับ เมื่อพิจารณาการคัดเลือกโมเดล พบว่าโมเดลภาวะผู้นำแบบร่วมพลัง เป็นโมเดลที่สามารถอธิบายการเป็นองค์การนวัตกรรมของโรงเรียนประถมศึกษาในจังหวัดขอนแก่นได้มากกว่าโมเดลภาวะผู้นำการเรียนรู้

เว็บน่าสนใจ