รายงานการประเมินโครงการพัฒนากิจกรรมผู้เรียนด้วยกระบวนการลูกเสือ ในศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบลูกเสือ
ผู้ประเมิน ว่าที่ร้อยตรีหญิงอัจฉรา รัตตะมาน
ตําแหน่งผู้อํานวยการสถานศึกษา วิทยฐานะผู้อํานวยการชํานาญการพิเศษ
ปีทปี่ระเมิน 2563
บทคัดย่อ
การประเมินโครงการครั้งนี้โดยใช้รูปแบบการประเมิน CIPPIEST Model มีวัตถุประสงค์ ของการประเมินเพื่อ 1.ประเมินโครงการพัฒนากิจกรรมผู้เรียนด้วยกระบวนการลูกเสือ ในศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบลูกเสือ 2. ศึกษาผลการดําเนินกิจกรรมตามโครงการพัฒนากิจกรรม ผู้เรียนด้วยกระบวนการลูกเสือในศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบลูกเสือ 3. ศึกษาความ คิดเห็นของนักเรียนต่อการดําเนินงานการประเมินโครงการพัฒนากิจกรรมผู้เรียนด้วยกระบวนการ ลูกเสือในศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบลูกเสือ 4. ศึกษาความพึงพอใจของผู้ปกครอง นักเรียนและนักเรียนต่อการดําเนินงานโครงการพัฒนากิจกรรมผู้เรียนด้วยกระบวนการลูกเสือใน ศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบลูกเสือ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียน ชุชนวัดท่าสุธาราม ปีการศึกษา 2563 แยกออกเป็น ผู้บริหารสถานศึกษา จํานวน 1 คน ครู จํานวน 14 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จํานวน 7 คน (ยกเว้นผู้อํานวยการสถานศึกษาและ ตัวแทนครู) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 จํานวน 57 คน และผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4-6 จํานวน 57 คน รวมทั้งสิ้น 136 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จํานวน 6 ฉบับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการประเมินโครงการ พบว่า
1. ผลการประเมินโครงการพัฒนากิจกรรมผู้เรียนด้วยกระบวนการลูกเสือ ในศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบลูกเสือ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูและ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโดยรวมอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า มีผล การประเมินอยู่ในระดับมากทุกด้าน เรียงตามค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย 3 อันดับแรก ได้แก่ ดา้ นการ วางแผน ด้านการดําเนินงานและดา้ นการปรับปรุง
2. ผลการดําเนินกิจกรรมตามการประเมินโครงการพัฒนากิจกรรมผู้เรียนด้วย กระบวนการลูกเสือในศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบลูกเสือ โดยรวมมีผลการประเมินอยู่ใน ระดับมาก เรียงตามค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย 3 อันดับ ได้แก่ ด้านการวางแผน ด้านการปฏิบัติและด้าน การตรวจสอบ
3. ผลการการประเมินเมื่อสิ้นสุดการประเมินโครงการพัฒนากิจกรรมผู้เรียนด้วย กระบวนการลูกเสือในศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบลูกเสือ โดยรวมมีผลการประเมินอยู่ใน ระดับมาก เรียงตามค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย 3 อันดับ ได้แก่ ด้านผลกระทบ ด้านผลผลิตและด้านความ ยั่งยืน
4. ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนต่อการดําเนินโครงการพัฒนากิจกรรมผู้เรียน ด้วยกระบวนการลูกเสือในศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบลูกเสือ ต้นแบบลูกเสือเกี่ยวกับ คุณค่าและประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เรียงตามค่าเฉลี่ยมากไปหา น้อย 3 อันดับ นักเรียนสามารถนําความรู้และประสบการณ์จากการร่วมกิจกรรมของโครงการไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจําวันฯ กิจกรรมในโครงการที่โรงเรียนจัดขึ้นเหมาะสมกับวัยและพฤติกรรมของ นักเรียนและการเข้าร่วมกิจกรรมทําให้นักเรียนได้รับความรู้และเกิดความเข้าใจว่ามีประโยชน์ต่อการ ดําเนินชีวิต
5. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนและผู้ปกครองมีที่มีต่อการดําเนินงานการ ประเมินโครงการพัฒนากิจกรรมผู้เรียนด้วยกระบวนการลูกเสือในศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นโรงเรียน ต้นแบบลูกเสือ
โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด แยกเป็น นักเรียน เรียงตามค่าเฉลี่ย มากไปหาน้อย 3 อันดับ ได้แก่ การดําเนินโครงการส่งเสริมกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารีในศตวรรษที่ 21 มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา โครงการส่งเสริมกิจกรรม ลูกเสือ-เนตรนารีในศตวรรษที่ 21 มีความเหมาะสมกับสภาพปัจจุบันและความต้องการของ นักเรียน ผู้ปกครองและชุมชน และ จํานวนกิจกรรมของโครงการมีความเหมาะสม ไม่มากเกินไปและไม่น้อย เกินไป ส่วนผู้ปกครอง เรียงอันดับที่มีค่ามากสุดไปหาน้อย 3 อันดับ ได้แก่ การดําเนินโครงการพัฒนา กิจกรรมผู้เรียนด้วยกระบวนการลูกเสือในศตวรรษที่ 21 สู่การเป็นโรงเรียนต้นแบบลูกเสือ มี ความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา โครงการส่งเสริมกิจกรรม ลูกเสือ-เนตรนารีในศตวรรษที่ 21 มีความเหมาะสมกับสภาพปัจจุบันและความต้องการของ นักเรียน ผู้ปกครองและชุมชน และจํานวนกิจกรรมของโครงการมีความเหมาะสม ไม่มากเกินไปและไม่น้อย เกินไป