ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ครั้งนี้ มีความมุ่งหมายของการวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและความต้องการการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของครูผู้สอน และสังเคราะห์องค์ประกอบของรูปแบบการเรียนรู้ โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ 2) เพื่อออกแบบและพัฒนาการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อศึกษาผลการใช้การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3.1) ประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาขึ้นตามการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3.2) หาค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภายหลังสิ้นสุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย ครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/8 จำนวน 30 คน ได้มาโดยวิธีการ สุ่มแบบกลุ่ม (cluster Random Sampling ) ในภาคเรียน 1 ปีการศึกษา 2567 ที่กำลังเรียนวิชาเพิ่มเติม รายวิชาภาษาอังกฤษอ่าน-เขียน1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาภาษาอังกฤษอ่าน-เขียน1 สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบมี 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ 3) แบบวัดความพึงพอใจสำหรับนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ฯ 5) แบบประเมินของผู้ทรงคุณวุฒิ เกี่ยวกับความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ฯ ที่พัฒนาตามขั้นตอน 6) แบบรับรองรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ฯ ของผู้ทรงคุณวุฒิ การวิเคราะห์หาคุณภาพของเครื่องมือ โดยหาการวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น (Needs Assessment) โดยผู้วิจัยนำข้อมูลที่ได้ มาหาค่าดัชนีความต้องการจำเป็น (Priority Needs Index) เพื่อจัดลำดับความต้องการจำเป็นค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) โดยใช้วิธีของโรวิเนลลี (Rovinelli) และแฮมเบิลตัน (R.H.Hambleton) หาค่าความยาก (P) และค่าอำนาจจำแนก (B) โดยหาค่าความเชื่อมั่นโดยวิธีของโลเวทท์ (Lovett) หาคุณภาพของแบบสอบถาม หาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (-Coefficient) โดยหาค่าความเชื่อมั่นตามวิธีของครอนบาค Cronbach) วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้ (E1/E2) ตามเกณฑ์ 80/80 สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์หาค่าดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้บนเว็บ โดยใช้วิธีของกูดแมน,เพลคเทอร์ และ ชไนเดอร์

ผลการวิจัยปรากฏดังนี้

1. ผลการศึกษาสภาพปัจจุบัน และความต้องการรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของครูผู้สอน และสังเคราะห์องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

1.1 ผลการศึกษาสภาพปัจจุบัน และความต้องการรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ของครูผู้สอน โดยทำการสอบถามจากครูผู้สอนภาษาอังกฤษ ในโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ ที่จัดการเรียนการสอนระดับมัธยมศึกษา จำนวน 5 คน พบว่า

ผู้สอนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับสภาพปัจจุบันของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับปานกลาง มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 2.53 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.22

ผู้สอนมีความต้องการรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 อยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.63 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.31

มีค่า PNI modified อยู่ระหว่าง 0.333-0.542 ซึ่งครูมีความต้องการจำเป็น ในเรื่อง มีความต้องการจำเป็นมากที่สุดในข้อ 17 คือ มีการวัดและการประเมินผลที่ดี (PNI modified = 0.542) รองลงมา อันดับที่ 2 คือ ข้อ 6. เนื้อหามีความทันสมัยเหมาะกับการนำไปใช้ และ ข้อ 27 เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลมีความเหมาะสม (PNI modified= 0.522) และ รองลงมา อันดับที่ 3 คือ ข้อ 11.มีกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือ ครบถ้วน ในรายวิชาภาษาอังกฤษอ่าน-เขียน1 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ข้อ 18 ผู้สอนมีการสร้างแรงจูงใจต่อผู้เรียนในการเรียน รายวิชาภาษาอังกฤษอ่าน-เขียน1 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ข้อ 20. ผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะส่งเสริมทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ข้อ 21. กิจกรรมการเรียนการสอนจัดให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่มมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และข้อ 23. บทบาทของผู้สอนในการส่งเสริมผลสัมฤทธิ์ (PNI modified= 0.500)

1.2 ผลการสังเคราะห์องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีดังนี้

1.2.1 องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิดจาก หน่วยงาน องค์การ นักวิชาการ ดังนี้ ทิศนา แขมมณี (2560 : 222), Vishwanath (2006 : 115 - 116), Joyce, B. and M. Weil (2011 : 159-388), Kemp (1985 : 18), June (1982 : 1-2), Arends 1(997 : 213), Anderson (1997 : 18), Joyce and Calhoun (2004 : 42) ซึ่งสังเคราะห์องค์ประกอบของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ มีองค์ประกอบสำคัญ 5 องค์ประกอบ ซึ่งประกอบด้วย 1) หลักการแนวคิด ทฤษฎี 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 4) หลักการตอบสนอง และ 5) ระบบสนับสนุน

1.2.2 องค์ประกอบของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ฯ มี 5 ขั้นตอน ดังนี้

1. ขั้นเตรียมการ ครูชี้แจงกระบวนการเรียนรู้และแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มย่อยๆ กลุ่มละ 4 คน โดยคละความสามารถและเพศ

2. ขั้นเสนอบทเรียน ครูสอนความรู้ใหม่ด้วยเทคนิควิธีการที่หลากหลาย พร้อมทั้ง แนะนำแหล่งข้อมูลสำหรับการศึกษาค้นคว้า และมอบหมายงานให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม

3. ขั้นศึกษากลุ่มย่อย นักเรียนแต่ละกลุ่มเรียนรู้ร่วมกันตามบทบาทและหน้าที่ที่ตนเองได้รับมอบหมาย มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การเสริมแรงและสนับสุนนกันในการเรียนรู้

4. ขั้นพัฒนาทักษะ เป็นการตรวจสอบนักเรียนว่าในการทำกิจกรรมกลุ่มนั้น มีผลการปฏิบัติเป็นอย่างไร อาจตรวจสอบในลักษณะการทดสอบ การแข่งขันทางวิชาการ การนำเสนอผลงานของกลุ่ม เป็นต้น

5. ขั้นสรุปบทเรียนและตัดสินผลงานกลุ่ม ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปบทเรียน และอภิปรายในประเด็นที่เป็นปัญหา และแจ้งผลการทำงานของกลุ่ม

1.2.3 องค์ประกอบของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผู้วิจัยได้ศึกษาแนวคิดจาก หน่วยงาน องค์การ นักวิชาการ ดังนี้ เพรสคอตต์ (Prescott. 1961 : 14-16), แครอล (Carroll. 1963 : 723-733), แมดดอกซ์(Maddox. 1963 : 9), ณัฎฐาภรณ์ ศรีชนะ (2566 : 15) ซึ่งสังเคราะห์องค์ประกอบของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีองค์ประกอบสำคัญ 5 ด้าน ซึ่งประกอบด้วย ได้แก่ 1) ความรู้ ความสามารถ ทักษะ 2) ความสนใจ และ 3) พื้นฐานของผู้เรียนที่มีมาก่อนการเรียนการสอน 4) ประสิทธิผลที่ผู้เรียนจะได้รับ 5) ผลสำเร็จในการเรียน ในการจัดการเรียนรู้จึงควรคำนึงถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ด้วยเพื่อให้ผู้เรียนเกิดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงสุด

2. ผลการออกแบบและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยผู้ทรงคุณวุฒิได้ประเมินความเหมาะสมของร่างรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยรวม มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.63 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.52

3. ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2

3.1. ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่พัฒนาขึ้น มีค่าเท่ากับ 81.80/81.67 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้

3.2 ผลการหาค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเท่ากับ 0.6950 ซึ่งแสดงว่าผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 69.50

4. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ประกอบแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับแหล่งเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมในท้องถิ่นอำเภอขุนหาญ ที่เสริมสร้างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภายหลังสิ้นสุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ พบว่า มีความพึงพอใจโดยรวม มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.71 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.17 อยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย ตุ๊กติ๊ก : [29 ก.ย. 2567 (18:11 น.)]
อ่าน [108] ไอพี : 182.232.67.65
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 16,155 ครั้ง
อีกมุมของ "น้ำมันปลา"
อีกมุมของ "น้ำมันปลา"

เปิดอ่าน 9,935 ครั้ง
สดร.ชี้ข่าวโลกมืดสนิท 6 วันเพราะฝุ่น-ขยะอวกาศบดบังไม่จริง
สดร.ชี้ข่าวโลกมืดสนิท 6 วันเพราะฝุ่น-ขยะอวกาศบดบังไม่จริง

เปิดอ่าน 16,782 ครั้ง
Yahoo ประกาศ 10 อันดับคำค้นยอดนิยมประจำปี 2013
Yahoo ประกาศ 10 อันดับคำค้นยอดนิยมประจำปี 2013

เปิดอ่าน 13,398 ครั้ง
หลากเทคนิค ช่วยให้นอนหลับสบาย
หลากเทคนิค ช่วยให้นอนหลับสบาย

เปิดอ่าน 19,769 ครั้ง
ไขข้อข้องใจ เรื่องริดสีดวงทวาร
ไขข้อข้องใจ เรื่องริดสีดวงทวาร

เปิดอ่าน 33,142 ครั้ง
สรรพคุณของ "ปวยเล้ง"
สรรพคุณของ "ปวยเล้ง"

เปิดอ่าน 9,873 ครั้ง
ใยอาหาร สำคัญกว่าที่คิด
ใยอาหาร สำคัญกว่าที่คิด

เปิดอ่าน 16,724 ครั้ง
แนะนำ 5 เทคนิคดีๆ ในการฝึก
แนะนำ 5 เทคนิคดีๆ ในการฝึก 'อ่านภาษาอังกฤษ' ให้เก่งขั้นเทพ…!!

เปิดอ่าน 35,809 ครั้ง
วัสดุในชีวิตประจำวัน
วัสดุในชีวิตประจำวัน

เปิดอ่าน 16,390 ครั้ง
ประโยชน์ของโยเกิร์ต
ประโยชน์ของโยเกิร์ต

เปิดอ่าน 22,329 ครั้ง
มรดกโลกของไทย
มรดกโลกของไทย

เปิดอ่าน 44,968 ครั้ง
คณิตาสตร์กับปรากฏการณ์ธรรมชาติ
คณิตาสตร์กับปรากฏการณ์ธรรมชาติ

เปิดอ่าน 36,688 ครั้ง
ต้นสัตบรรณ - ต้นตีนเป็ด
ต้นสัตบรรณ - ต้นตีนเป็ด

เปิดอ่าน 10,009 ครั้ง
Animator vs Animation ภาค 4 กลับมาแล้ว สุดยอดมาก ชมคลิปกันเลย
Animator vs Animation ภาค 4 กลับมาแล้ว สุดยอดมาก ชมคลิปกันเลย

เปิดอ่าน 12,608 ครั้ง
บทร้อยกรองสำหรับการฝึกการออกเสียง สระเอือ
บทร้อยกรองสำหรับการฝึกการออกเสียง สระเอือ

เปิดอ่าน 16,625 ครั้ง
การพระราชทานตราตั้งห้าง สารานุกรมไทย ฉบับกาญจนาภิเษก
การพระราชทานตราตั้งห้าง สารานุกรมไทย ฉบับกาญจนาภิเษก
เปิดอ่าน 23,345 ครั้ง
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579
แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579
เปิดอ่าน 28,648 ครั้ง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
เปิดอ่าน 289,241 ครั้ง
แบบฟอร์ม การบันทึกงานประจำวัน การรายงานประจำสัปดาห์ การส่งงวดงาน รับผู้ควบคุมงานก่อสร้างอาคารต่างๆ
แบบฟอร์ม การบันทึกงานประจำวัน การรายงานประจำสัปดาห์ การส่งงวดงาน รับผู้ควบคุมงานก่อสร้างอาคารต่างๆ
เปิดอ่าน 65,540 ครั้ง
10 มายากล เทคนิควิทยาศาสตร์ จำไว้ไปโชว์เพื่อนๆ
10 มายากล เทคนิควิทยาศาสตร์ จำไว้ไปโชว์เพื่อนๆ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ