บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยใช้วิธีดําเนินการวิจัยในลักษณะของการวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) มี 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและตรวจสอบรูปแบบ ขั้นตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบ และขั้นตอนที่ 4 การประเมินรูปแบบ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนบ้านตาแตรวทัพดัด อําเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3 ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 จํานวน 32 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบวิเคราะห์เอกสาร 2) ประเด็นการสนทนากลุ่ม 3) แบบสอบถามความคิดเห็น 4) คู่มือการใช้รูปแบบการเรียนการสอน 5) แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบที่พัฒนาขึ้น 6) แบบทดสอบวัดทักษะการคิดวิเคราะห์ 7) แบบประเมินมาตรฐานของรูปแบบการจัดการเรียนการสอน และ 8) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t - test) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานสําหรับนํามาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ พบว่า สภาพปัจจุบันในการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ มีระดับปฏิบัติในระดับปานกลาง ( X = 3.47, S.D = 0.71) และครูมีความต้องการในการจัดการเรียนการสอน ในระดับมาก (X = 4.33,S.D = 0.64) เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ครูต้องการให้มีการพัฒนาด้านกิจกรรมการเรียนการสอน ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านสื่อและแหล่งเรียนรู้ และด้านการวัดและประเมินผลตามลําดับ
2. ผลการสร้างและตรวจสอบรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนการสอน มี 4 องค์ประกอบหลัก คือ 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) ขั้นการเรียนการสอน และ 4) การวัดและประเมินผล ผลการตรวจสอบรูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยผู้ทรงคุณวุฒิ มีความเหมาะสมและมีความเป็นไปได้ในระดับมาก และผลการหาประสิทธิภาพ พบว่า การจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนการสอน มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 81.73/80.11 ถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่กําหนด สามารถนําไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ พบว่า
3.1 นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอน มีคะแนนทักษะการคิดวิเคราะห์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.2 ผลการหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 84.34/83.75 ถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่กําหนด
4. ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ป้ญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ พบว่า
4.1 ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ตามมาตรฐานการประเมิน 4 ด้าน มีผลการประเมินในระดับมากที่สุด ( X= 4.52, S.D = 0.54)
4.2 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีการเรียนรู้ของบลูมและการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ อยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด (X = 4.54, S.D = 0.50)