ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)
โดยใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) โรงเรียนธัญรัตน์
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี
ผู้วิจัย นายสาคร ไปด้วย
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ
สถานที่ทำงาน โรงเรียนธัญรัตน์
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี
ปีที่พิมพ์ 2566
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ1)ศึกษาองค์ประกอบและสภาพปัจจุบัน สภาพพึงประสงค์และความต้องการจำเป็นของการพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) โรงเรียนธัญรัตน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาปทุมธานี 2) ตรวจสอบและปรับปรุงรูปแบบ 3)ทดลองใช้รูปแบบ 4) ปรับปรุงและประเมินรูปแบบ กลุ่มเป้าหมายได้แก่ ครูโรงเรียนธัญรัตน์ ที่สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 25 คนและตัวแทนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวน 314 คนจากประชากร 1623 คน ปีการศึกษา 2566 โดยใช้วิธีการคำนวณตามตารางเครซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgan) ผู้ให้ข้อมูลได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน (ยกเว้นผู้บริหาร 1 คนและครู 1 คน) ตัวแทนเผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 20 คน รวมทั้งหมด 372 คน ผู้ทรงคุณวุฒิการสนทนากลุ่ม 7 คน ผู้ทรงคุณวุฒิการประชุมอิงผู้เชี่ยวชาญ 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยจำนวน 12 ฉบับเป็น แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม แบบประเมิน แบบสอบถาม แบบบันทึกการประชุมอิงผู้เชี่ยวชาญ แบบทดสอบ แบบสังเกตและนิเทศ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าทดสอบที (t-test Dependent) Priority Needs Index (PNI) PNI และ PNImodified
ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้
1. องค์ประกอบของรูปแบบการบริหารงานวิชาการ เสริมสร้างจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) มี 5 องค์ประกอบ และการเสริมสร้างการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู 5 องค์ประกอบ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน 3 องค์ประกอบ โดยมีรูปแบบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ เนื้อหา กระบวนการ การวัดผลประเมินผลและเงื่อนไขความสำเร็จ และมีคู่มือแนวปฏิบัติเป็นนวัตกรรมการพัฒนา ผลการประเมินเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรูปแบบอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาสภาพปัจจุบันโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับปานกลาง สภาพที่พึงประสงค์โดยรวมและรายด้านอยู่ระดับมากที่สุด ความต้องการจำเป็นเรียงตามลำดับคือ1) การสร้างสรรค์วัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน 2) การพัฒนาวิชาชีพครูอย่างต่อเนื่อง 3) การประเมินและสะท้อนผลการเรียนรู้ 4) การพัฒนาวิธีการสอนและการเรียนรู้ และ 5) การสร้างวิสัยทัศน์ร่วม
2. ผลการสร้างและตรวจสอบรูปแบบจาการการประชุมอิงผู้เชี่ยวชาญ โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ การพัฒนาวิธีการสอนและการเรียนรู้ และความเป็นไปได้โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด โดยด้าน ที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ การพัฒนาวิธีการสอนและการเรียนรู้ เมื่อพิจารณาด้านการเรียนรู้เชิงรุก ของครูความเหมาะสมและความเป็นไปได้ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ การใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุก ที่สอดคล้องกับธรรมชาติรายวิชา และเมื่อพิจารณาด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผู้เรียน โดยรวมมีความเหมาะสมและความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาความเหมาะสมรายด้าน พบว่า ทุกด้านมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และคู่มือมีความเหมาะสมและเป็นไปได้โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) พบว่า ความรู้ความเข้าใจหลังการพัฒนา สูงกว่าคะแนนประเมินความรู้ก่อนการพัฒนา และแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และคะแนนระดับคุณภาพการออกแบบหน่วยการเรียนรู้ของครู เท่ากับ 3.72 อยู่ระหว่างดีถึงดีมาก การเขียนแผนการสอนและแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู โดยรวม มีคะแนนระดับคุณภาพ เท่ากับ 3.65 อยู่ระหว่างดีถึงดีมาก ผลค่าร้อยละของนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแต่ละรายวิชาระดับ 3 ขึ้นไป จำนวน 314 คน คิดเป็นร้อยละ 98.73 และสมรรถนะนักเรียน ระดับดีขึ้นไป มีความสามารถในการคิด คิดเฉลี่ยร้อยละ 94.58 ผู้เรียนมีทักษะในการแสวงหาความรู้ คิดเฉลี่ยร้อยละ 93.94 และผู้เรียนมีทักษะในการทำงาน คิดเฉลี่ยร้อยละ 94.58
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของนักเรียน ระดับดีขึ้นไป โดยรวม ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ คิดเป็นร้อยละ 97.14 และผู้เรียนมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี คิดเป็นร้อยละ 97.77
4.ผลการปรับปรุงและประเมินรูปแบบการบริหารงานวิชาการเพื่อจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยใช้กระบวนการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) มีความเหมาะสมและความมีประโยชน์ทั้งโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด และเพื่อพิจารณาความพึงพอใจของครูที่มีต่อรูปแบบและต่อคู่มือ โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ของครูโดนรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด
คำสำคัญ : รูปแบบการบริหารงานวิชาการ,จัดการเรียนรู้เชิงรุก ,ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ