ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมบทความการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ซุปเปอร์บอร์ดการศึกษา-ปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน ความต่อเนื่องทางนโยบาย?


บทความการศึกษา 6 พ.ย. 2558 เวลา 08:50 น. เปิดอ่าน : 9,943 ครั้ง
ซุปเปอร์บอร์ดการศึกษา-ปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน ความต่อเนื่องทางนโยบาย?

Advertisement

บทความโดย สมหมาย ปาริจฉัตต์

(ที่มา:มติชนรายวัน 5 พ.ย.2558)

 


ทีมงานโต๊ะข่าวการศึกษา "มติชน" นำเสนอภาพกราฟิก ชาร์ตโครงสร้างการบริหารการศึกษายุค คสช.ขึ้นหน้าหนึ่ง ขานรับนโยบาย ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลาเรียนรู้ ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน เป็นต้นไป

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา หรือซุปเปอร์บอร์ดการศึกษาครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน

ก่อนการประชุม ประธานซุปเปอร์บอร์ดบอกว่า ยอมรับว่ายังไม่สามารถเดินหน้างานพัฒนาการศึกษาได้มากนัก เพราะติดปัญหาและอุปสรรค ส่วนตัวเข้าใจดี

ครับ ฟังแล้ว น่าสนใจ น่าเห็นใจ น่ามีส่วนร่วมด้วยช่วยกัน ทำอย่างไรให้ปฏิรูปการศึกษาเดินหน้าต่อไปในแนวทางที่ควรจะเป็น ในยุคสถานการณ์พิเศษที่ว่ากันว่า อะไรมักจะสำเร็จได้ในยุคนี้

ขนาดมีอำนาจพิเศษ มาเจอกับปัญหาอุปสรรคที่ดำรงอยู่ จนต้องยอมรับว่ายังไปไม่ได้มากนัก

ประเด็นปัญหา อุปสรรคที่ว่าคืออะไร ท่านประธานไม่ได้เฉลยในรายละเอียด

โครงสร้างตามชาร์ตที่เขียนไว้ กับนโยบายใหม่ เป็นต้นว่า ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เร่งพัฒนาภาษาอังกฤษ และภาษาต่างประเทศ สอบอัตนัยให้มากขึ้น ปรับเปลี่ยนวิธีการประเมินผล จะเป็นคำตอบ ช่วยแก้ปัญหาปฏิรูปการศึกษาได้หรือไม่ก็ตาม

 

ปัจจัยความสำเร็จหรือไม่สำเร็จของการปฏิรูปการศึกษา ยังสะท้อนได้จากโครงการต่างๆ ที่เข็นออกมารองรับกับอุปสรรคจากการดำเนินนโยบายและการบริหารจัดการ

โดยเฉพาะประการหลัง ความไม่ต่อเนื่องทางนโยบาย เป็นปัญหาหลักประการหนึ่งที่ทำให้การศึกษาไทย ปฏิรูปไม่สำเร็จ เหตุจากปัจจัยทางการเมืองและการบริหาร

เปลี่ยนผู้บริหารที นโยบายก็เปลี่ยนที ของเก่าทิ้งไป หรือหยุดไว้ เอาของใหม่ดีกว่านั่นเอง

รูปธรรมที่น่าติดตาม จากการจัดสรรงบประมาณขับเคลื่อนงานหลักการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี 2559 สพฐ.ได้รับงบประมาณทิ้งสิ้น 319,000 ล้านบาท ใครว่ามาก แต่งบส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องของเงินเดือนประจำ

ส่วนที่เหลือดำเนินโครงการหรือแผนงานต่างๆ มีเพียง 17,000 ล้านบาท จากงบนี้ ถูกแบ่งออกเป็น 5 เรื่องหลักเร่งด่วนตามนโยบายใหม่ คือ 1.โครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เบื้องต้น 60 ล้าน 2.โครงการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ 400 กว่าล้าน 3.โครงการวัดและประเมินผลการศึกษา 105 ล้าน 4.ปฏิรูปหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 400 ล้าน 5.โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ (DLTV) 1,700 ล้านบาท

ส่วนโครงการแผนงานเดิมที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ เป็นโครงการสำคัญ รัฐมนตรีว่าการเดิมประกาศผลักดันด้วยตัวเองเพื่อเป้าหมาย กระจายอำนาจการบริหารการศึกษา และปฏิรูปการเรียนรู้ เป็นหลัก

ทั้งๆ ที่เป็นโครงการที่สอดรับกับแนวทางปฏิรูปการศึกษาด้วยการปฏิรูปการเรียนรู้ ปฏิรูปกระบวนการสอนของครูและการเรียนรู้ของนักเรียน

เขตพื้นที่การศึกษาเดินหน้านำร่องกันไปแล้ว ร่วมมือกับสถาบันระดับอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นศูนย์พี่เลี้ยงให้กับ 20 เขตพื้นที่ มีโรงเรียนนำร่องเขตละ 15 โรง รวมทั่วประเทศ 300 โรง กำลังเคว้งคว้างว่า "นาย" จะเอาอย่างไร

 

โครงการที่ชื่อว่า "โครงการปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน"

จากเอกสารรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานปฏิรูปการศึกษาต่อ คสช. วันที่ 20 พฤศจิกายน 2557 ระบุว่า เริ่มต้นด้วยการนำร่องกระจายบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างจริงจังไปยังเขตพื้นที่การศึกษา หนุนเสริมการพัฒนาวิชาชีพครูเพื่อปรับการเรียนเปลี่ยนการสอน พร้อมปลดล็อกอุปสรรคการบริหารจัดการศึกษาที่ขัดขวางการปฏิรูปการเรียนรู้ด้วยตนเองของโรงเรียน

กำหนดกรอบการดำเนินงานเบื้องต้นไว้จำนวน 3 ปี ต่อเนื่อง ปีงบประมาณ 2558-2560 หรือ พ.ศ.2557-2560 ดำเนินการพัฒนาโรงเรียนนำร่องครบ 100% ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั้งหมด (225 เขต) มีโรงเรียนนำร่องทั้งสิ้น 3,375 โรงเรียน

ก่อนเริ่มดำเนินโครงการมีการจัดประชุม ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และมัธยมศึกษาทั่วประเทศ เช่นเดียวกับการประชุมชี้แจงนโยบาย ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้

ถึงวันนี้ ดำเนินโครงการไปได้ปีเดียว สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาจัดทำรายงาน โดยการเก็บข้อมูลความคิดเห็นของบุคคลและกลุ่มต่างๆ พร้อมสังเคราะห์และประมวลผลเพื่อสะท้อนปัญหาและทางออก ตอบโจทย์ปฏิรูปการศึกษาไทยในด้านที่ต้องได้รับการแก้ไขทันที เตรียมการเดินหน้าเพื่อประเมินผลโครงการต่อไป

เมื่อเวลาเปลี่ยนไป คนเปลี่ยนไป แผนงานโครงการปีที่ 2 พ.ศ.2559 และปีที่ 3 พ.ศ.2560 ยังไม่มีความชัดเจน ยังไม่มีใครตอบชัดต่อสังคมว่าจะมีความต่อเนื่องทางนโยบายอย่างไร จะทำต่อหรือไม่ เพราะเหตุใด และใช้งบประมาณเท่าไหร่

ปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน จะกลายเป็นอีกกรณีตัวอย่างหนึ่งของปัญหาอุปสรรคการปฏิรูปการศึกษา เพราะเหตุความไม่ต่อเนื่องทางนโยบายหรือไม่ ทำนองเดียวกันกับหลายๆ นโยบาย หลายๆ โครงการที่ผ่านมาในอดีต ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปตามฝ่ายนโยบาย

กรณีทำนองนี้ ซุปเบอร์บอร์ดการศึกษาควรมีส่วนให้ข้อคิดเห็น เสนอแนะ ท้วงติงบ้างหรือไม่

ไหนว่า กลไกนี้สร้างขึ้นมาก็เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง หรือป้องกันความไม่ต่อเนื่องทางนโยบาย ไงล่ะ 


ซุปเปอร์บอร์ดการศึกษา-ปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน ความต่อเนื่องทางนโยบาย?ซุปเปอร์บอร์ดการศึกษา-ปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียนความต่อเนื่องทางนโยบาย?

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

โรงเรียนยุคมิลเลนเนียล

โรงเรียนยุคมิลเลนเนียล


เปิดอ่าน 8,167 ครั้ง
ความคิดสร้างสรรค์ (จบ)

ความคิดสร้างสรรค์ (จบ)


เปิดอ่าน 7,263 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด "SCB-สถาบันการศึกษา"

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด "SCB-สถาบันการศึกษา"

เปิดอ่าน 15,663 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ภาษาอังกฤษไม่แข็ง
ภาษาอังกฤษไม่แข็ง
เปิดอ่าน 10,004 ☕ คลิกอ่านเลย

อาลัยการศึกษาไทย เก่งเจ๋งในกระดาษ
อาลัยการศึกษาไทย เก่งเจ๋งในกระดาษ
เปิดอ่าน 19,359 ☕ คลิกอ่านเลย

ความคิดสร้างสรรค์ (1)
ความคิดสร้างสรรค์ (1)
เปิดอ่าน 8,376 ☕ คลิกอ่านเลย

ปัญหาขาดแคลนครูในโรงเรียนขนาดเล็ก แก้ไขอย่างไรดี
ปัญหาขาดแคลนครูในโรงเรียนขนาดเล็ก แก้ไขอย่างไรดี
เปิดอ่าน 19,733 ☕ คลิกอ่านเลย

"ความแตกต่างระหว่าง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก กับ โรงเรียนอนุบาล" โดย ดร.สุวรรณ พิณตานนท์
"ความแตกต่างระหว่าง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก กับ โรงเรียนอนุบาล" โดย ดร.สุวรรณ พิณตานนท์
เปิดอ่าน 128,647 ☕ คลิกอ่านเลย

เรียนยังไงให้ "เก่ง" และต้องเก่งกว่าครูบาอาจารย์ คำแนะนำจากนักเรียนทุนชื่อ "ดร.ป๋วย"
เรียนยังไงให้ "เก่ง" และต้องเก่งกว่าครูบาอาจารย์ คำแนะนำจากนักเรียนทุนชื่อ "ดร.ป๋วย"
เปิดอ่าน 13,163 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ขนมเสริมมงคล 12 ราศี
ขนมเสริมมงคล 12 ราศี
เปิดอ่าน 14,150 ครั้ง

กรมการขนส่งทางบก   เตรียมนําแผ่นป้ายทะเบียนรถรูปแบบใหม่ออกให้บริการประชาชน หลังจากหมวด ฆฮ เริ่มต.ค.
กรมการขนส่งทางบก เตรียมนําแผ่นป้ายทะเบียนรถรูปแบบใหม่ออกให้บริการประชาชน หลังจากหมวด ฆฮ เริ่มต.ค.
เปิดอ่าน 15,090 ครั้ง

ยก เฟซบุ๊ก เป็นบริษัทที่ดีที่สุดในสหรัฐ
ยก เฟซบุ๊ก เป็นบริษัทที่ดีที่สุดในสหรัฐ
เปิดอ่าน 9,896 ครั้ง

วิธีการลดขนาดภาพ โดยลดขนาดความกว้างของภาพหลายภาพในครั้งเดียว
วิธีการลดขนาดภาพ โดยลดขนาดความกว้างของภาพหลายภาพในครั้งเดียว
เปิดอ่าน 18,810 ครั้ง

คลิปเจ้าหนู 11 ปี นักบาสฯ ขั้นเทพ เล่นเก่งกว่าผู้ใหญ่ ฮิตกว่า 2 ล้านวิวแล้ว
คลิปเจ้าหนู 11 ปี นักบาสฯ ขั้นเทพ เล่นเก่งกว่าผู้ใหญ่ ฮิตกว่า 2 ล้านวิวแล้ว
เปิดอ่าน 16,691 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ