เรื่อง โมเดล NAMKHIAO เพื่อการยกระดับความฉลาดรู้ NAMKHIAO Model for Elevating Student Literacy Competencies
ว่าที่ร้อยตรีวรวิทย์ กมล ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียน วิทยฐานะ ชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนบ้านน้ำเขียว(น้ำเขียววิทยาคม) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2
ความเป็นมาและความสำคัญ
ความก้าวหน้าในยุคศตวรรษที่ 21 เป็นยุคที่ข้อมูลและเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความฉลาดรู้ (Literacy) ได้ กลายเป็นทักษะสำคัญที่เหนือกว่าแค่การอ่าน การเขียน และการคำนวณพื้นฐาน แต่ยังรวมถึง ความสามารถในการเข้าถึง ทำความเข้าใจ ประเมิน สังเคราะห์ และสร้างสรรค์ข้อมูลในหลากหลาย รูปแบบและบริบท โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 3 ด้านหลักอันเป็นรากฐานสำคัญของการเรียนรู้และการใช้ชีวิต นั่นคือ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาไทย (การอ่าน) การขาดทักษะเหล่านี้อาจทำให้ผู้เรียนพลาดโอกาสสำคัญในการเรียนรู้ การทำงาน การมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเต็มศักยภาพ ผู้บริหารสถานศึกษาจึงมี บทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการ นำพาองค์กรไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้ผู้เรียนมีความพร้อมสำหรับอนาคต ซึ่งในอดีตการศึกษาเน้นการท่องจำ ข้อเท็จจริงและความรู้เชิงทฤษฎีในแต่ละวิชาแยกกัน เป็นหลัก ทักษะการอ่านออกเขียนได้ถือเป็นพื้นฐานสำคัญ ซึ่งเป็นยุคที่โลกเชื่อมโยงกันอย่างไร้พรมแดนผ่านอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ปริมาณข้อมูลมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาในชีวิตประจำวันของผู้คนทำให้การแยกแยะข้อมูลที่ถูกต้องน่าเชื่อถือออกจากข้อมูลเท็จหรือข้อมูลบิดเบือนกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แยกแยะ ประเมิน และสังเคราะห์ข้อมูล จากบริบทดังกล่าวจึงเห็นได้ชัดเจนว่า ความฉลาดรู้ ได้วิวัฒนาการไปไกลกว่าคำจำกัดความเดิม ๆ โดยเฉพาะในมิติของ ความฉลาดรู้ ด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการตั้งคำถามเชิงวิทยาศาสตร์ รวบรวมและตีความข้อมูล ทำความเข้าใจธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ และใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในการตัดสินใจ เรื่องส่วนตัวและสังคม ความฉลาดรู้ด้านคณิตศาสตร์ คือ ความสามารถในการวิเคราะห์ปัญหาเชิงปริมาณสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ใช้เหตุผลทาง คณิตศาสตร์ในการแก้ปัญหาและนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง ส่วน ความฉลาดรู้ด้าน ภาษาไทย(การอ่าน)ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุด คือความสามารถในการอ่านจับใจความ วิเคราะห์ ตีความ และประเมินสารได้อย่างมีวิจารณญาณ ในการเขียนเพื่อสื่อสารความคิด ความรู้สึกและข้อมูลอย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ รวมถึงการใช้ภาษาไทยเพื่อการเรียนรู้และสร้างองค์ความรู้ใหม่ ด้วยเหตุนี้ NAMKHIAO โมเดล เพื่อการยกระดับความฉลาดรู้ จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือ เชิงกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในสถานศึกษา เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นระบบและยั่งยืน โดยแต่ละองค์ประกอบมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาความฉลาดรู้ทั้งด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาไทย(การอ่าน)ของผู้เรียน
วัตถุประสงค์
1. เพื่อเป็นกรอบแนวคิดและแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาในการขับเคลื่อน และพัฒนาความฉลาดรู้ของผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพและเป็นระบบ
2. เพื่อยกระดับสมรรถนะความฉลาดรู้ของผู้เรียนในด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ ภาษาไทย ครอบคลุมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และประยุกต์ใช้ความรู้ในสถานการณ์จริง
เป้าหมาย
1. เป้าหมายเชิงปริมาณ:
1) ความฉลาดรู้ด้านวิทยาศาสตร์: ร้อยละ 80 ของผู้เรียนในทุกระดับชั้นมีผลการประเมินความสามารถในการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้และการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
2) ความฉลาดรู้ด้านคณิตศาสตร์: ร้อยละ 80 ของผู้เรียนในทุกระดับชั้น มีผลการประเมิน ความสามารถในการให้เหตุผลเชิงคณิตศาสตร์ การแก้ปัญหาเชิงปริมาณ และการน าคณิตศาสตร์ไป ประยุกต์ใช้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
3) ความฉลาดรู้ด้านภาษาไทย: ร้อยละ 80 ของผู้เรียนในทุกระดับชั้น มีผลการประเมิน ความสามารถในการอ่านจับใจความ วิเคราะห์ ตีความ และการเขียนสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
4) จำนวนโครงงาน/กิจกรรมบูรณาการที่เชื่อมโยงวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาไทย เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ต่อปี
2. เป้าหมายเชิงคุณภาพ:
1) ความฉลาดรู้ด้านวิทยาศาสตร์: ผู้เรียนสามารถตั้งคำถามเชิงวิทยาศาสตร์ ออกแบบการทดลอง รวบรวมและตีความข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างเป็นระบบ และสามารถนำความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ในการอธิบายปรากฏการณ์และตัดสินใจในชีวิตประจำวัน
2) ความฉลาดรู้ด้านคณิตศาสตร์: ผู้เรียนมีความเข้าใจแนวคิดทางคณิตศาสตร์ที่ลึกซึ้ง สามารถวิเคราะห์ปัญหาเชิงปริมาณที่ซับซ้อน เลือกใช้เครื่องมือและวิธีการทางคณิตศาสตร์ ที่เหมาะสม และสื่อสาร แนวคิดทางคณิตศาสตร์ได้อย่างชัดเจน
3) ความฉลาดรู้ด้านภาษาไทย(การอ่าน): ผู้เรียนสามารถอ่านและทำความเข้าใจบทความ ทางวิชาการหรือข่าวสารที่ซับซ้อนได้ สามารถเขียนเรียบเรียงความคิดและข้อมูลได้อย่างมีเหตุผล โต้แย้งอย่างสร้างสรรค์ และนำเสนอผลงานด้วยภาษาไทยที่ถูกต้องและสละสลวย
4) ผู้เรียนมีความสามารถในการบูรณาการความรู้และทักษะจากวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาไทย(การอ่าน) เพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในสถานการณ์จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทสรุป
ผลที่เกิดขึ้น
จากการนำ "โมเดล NAMKHIAO " ไปใช้จริง พบว่าผู้เรียนมีความสามารถเชิงคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาไทยในระดับดีขึ้นอย่างชัดเจน ดังนี้
1. ร้อยละ 85 ของผู้เรียนในทุกระดับชั้นมีความสามารถในการให้เหตุผลเชิงคณิตศาสตร์ การ แก้ปัญหาเชิงปริมาณ และการนำคณิตศาสตร์ไปประยุกต์ใช้ผ่านเกณฑ์ระดับดีขึ้นไป
2. ร้อยละ 87 ของผู้เรียนในทุกระดับชั้น (หรือระดับที่ระบุ)มีความสามารถในการคิดเชิง วิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ และการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ผ่านเกณฑ์ระดับดีขึ้นไป
3. ร้อยละ 93 ของผู้เรียนในทุกระดับชั้น มีความสามารถในการอ่านจับใจความ วิเคราะห์ ตีความ และการเขียนสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพผ่านเกณฑ์ระดับดีขึ้นไป
4. โรงเรียนมีจำนวนโครงงาน/กิจกรรมบูรณาการที่เชื่อมโยงวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ ภาษาไทยเพิ่มขึ้น 20 % ซึ่งสะท้อนถึงการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงและลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้ความรู้เพื่อแก้ปัญหาในสถานการณ์จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสำเร็จนี้เกิดจากภาวะผู้นำที่เข้มแข็งของผู้บริหาร ความพร้อมของครู ระบบการติดตามประเมินผล ภายในที่มีคุณภาพ และการมีส่วนร่วมจากผู้ปกครอง บทเรียนสำคัญคือ การวิเคราะห์บริบทอย่างละเอียด การให้เวลาและแรงจูงใจแก่ครู และการสร้างความเข้าใจร่วมกันในความหมายของความฉลาดรู้