ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ โดยใช้แบบฝึกอ่าน แม่ ก กา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 The Development of Reading and Writing Skills of Grade 1 Students through the Use of the ‘Mae Kor Kor Ka’ Reading Practice Book

การพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ โดยใช้แบบฝึกอ่าน แม่ ก กา

ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

The Development of Reading and Writing Skills of Grade 1 Students through the Use of the ‘Mae Kor Kor Ka’ Reading Practice Book

สกาวรัตน์ เมืองจันทร์

โรงเรียนอนุบาลวัดบางนางบุญ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่าน และเขียนคำพื้นฐานภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 2. เพื่อพัฒนาแบบฝึกอ่าน แม่ ก กาให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน โดยใช้นวัตกรรมแบบฝึกอ่านแม่ ก กาทางผู้วิจัยได้คัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง การเลือกแบบเจาะจงภายในห้องเรียนชั้น ป.1 (Purposive Sampling) จากการสอนให้ห้องเรียนพบว่า นักเรียนมีทักษะการอ่านที่ไม่คล่องและมีพัฒนาการอ่านและเขียนที่ค่อนข้างช้า ผู้วิจัยเล็งเห็นปัญหานี้และต้องการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ที่ดีขึ้น เครื่องมือที่ใช้ในการทดลองโดยดำเนินการ 4 ขั้นตอนคือ (1) ชี้ให้ชัดถึงความถูกต้องในการเขียน (2) ชักชวนให้ ปฏิบัติ (3) ปฏิบัติด้วยความเหมาะสม และ (4) สนุกสนานในการเรียน มีนิสัยรักการเขียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ (1) แบบฝึกหัดเขียนตามคำบอกมาตราตัวสะกดและ (2) แบบฝึกหัด ซึ่งสร้างแบบฝึกหัดโดยการศึกษาจากตำราและนำแบบฝึกอ่านแม่ ก กา มาทดลองใช้วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ยร้อยละจากการเขียนตามคำบอก เมื่อทำการเปรียบเทียบคะแนนก่อน-หลัง นักเรียนมีเกณฑ์คะแนนที่ดีขึ้นและเข้าใจ มีการพัฒนาการอ่านและเขียนคำ แม่ ก กา หลังเรียนของนักเรียนซึ่งผลสัมฤทธิ์จากการวิจัยนี้มีส่วนช่วยในการพัฒนาให้นักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และพบว่า มีนักเรียนจำนวน 32 คน ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 88.15

คำสำคัญ : ทักษะการอ่านและการเขียน , แม่ ก กา

บทนำ

การอ่านออกเขียนได้เป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ เพราะเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร ถ่ายทอดความรู้ ความคิด และประสบการณ์ รวมทั้งเป็นทักษะพื้นฐานสำหรับการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง หากผู้เรียนขาดทักษะการอ่านและการเขียนที่ถูกต้อง จะส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้ในทุกวิชา ทำให้ไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 ได้กำหนดให้ “ภาษาไทย” เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน เนื่องจากภาษาเป็นสื่อในการเรียนรู้ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถคิด วิเคราะห์ สื่อสาร และใช้เหตุผลในการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม ทั้งยังเป็นรากฐานของการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมอันดีงามของความเป็นไทย (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551: 3–4)

อย่างไรก็ตาม จากผลการประเมินของกองวิจัยทางการศึกษา กรมวิชาการ (2546: 134) พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยของนักเรียนระดับประถมศึกษายังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะด้านการอ่านและการเขียน ซึ่งนักเรียนจำนวนมากประสบปัญหาในการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ไม่สามารถสะกดคำหรือผันเสียงวรรณยุกต์ได้ถูกต้อง สาเหตุหนึ่งมาจากขาดการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและกิจกรรมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับระดับพัฒนาการของผู้เรียน

จากการสังเกตของครูผู้สอนภาษาไทยในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ยังมีปัญหาในการอ่านออกเสียง การแจกลูกสะกดคำ การประสมคำ และการเขียนสะกดคำอย่างถูกต้อง ส่งผลให้การเรียนรู้โดยรวมเป็นไปอย่างล่าช้า การแก้ไขปัญหานี้จำเป็นต้องจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ สนุกสนาน และมีส่วนร่วมในการฝึกทักษะอย่างสม่ำเสมอ แบบฝึกอ่าน แม่ ก กา เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่มีความเหมาะสมกับผู้เริ่มเรียน เนื่องจากช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการออกเสียง การผันเสียง และการสะกดคำตามหลักภาษาไทยอย่างเป็นระบบ ผ่านการเรียนรู้จากง่ายไปยาก ซึ่งสอดคล้องกับธรรมชาติของการเรียนรู้ของเด็กระดับประถมศึกษาปีที่ 1

ดังนั้น ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะดำเนินการวิจัยเรื่อง “การพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้แบบฝึกอ่าน แม่ ก กา” เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านและการเขียนของนักเรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้ของผู้เรียนต่อไปในระดับชั้นที่สูงขึ้น และสามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

1. เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการอ่านและเขียนคำพื้นฐาน

ภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1

2. เพื่อพัฒนาแบบฝึกอ่าน แม่ ก กา ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน

วิธีดำเนินการวิจัย

การศึกษาในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ใช้นวัตกรรมแบบฝึกอ่าน แม่ ก กา และคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง ดังนี้ 1. ประชากรที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา2568 จำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียนทั้งหมด 32 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2568 โรงเรียนอนุบาลวัดบางนางบุญ อำเภอเมือง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 จำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียนทั้งหมด 32 คน ซึ่งผู้วิจัยเลือกมาทั้งหมด 2. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1. สมุดเล่มเล็ก แบบฝึกทักษะการอ่านคำในแม่ ก กา ที่มีทุกสระ คละกัน ในเล่มจะประกอบด้วยแบบฝึกอ่านทั้งหมด 14 ชุด ชุดละ 20 คำ ผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อใช้ฝึกปฏิบัติด้านการอ่านและการเขียน จำนวน 14 ชุด 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางด้านการอ่านและการเขียนคำพื้นฐาน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นแบบทดสอบแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ 3. การสร้างและการหาคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา การดำเนินการวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการพัฒนาการอ่านของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยใช้นวัตกรรมแบบฝึกอ่านแม่ ก กา ปีการศึกษา 2568 โรงเรียนอนุบาลวัดบางนางบุญ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 จำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียนทั้งหมด 32 คน ใช้เวลาในการดำเนินการ 4 สัปดาห์ ไม่รวมเวลาทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน โดยมีลำดับขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้ 1. ทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการอ่านและเขียนคำพื้นฐานภาษาไทย ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 30 ข้อ กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง 2. ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามแผนการจัดการเรียนรู้ ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้บันทึกคะแนนการทำกิจกรรมกลุ่มและการทำแบบฝึกทักษะไว้ทุกครั้ง 3. เมื่อดำเนินการสอนครบทุกแผนแล้วทำการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน (Post-test) กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้แบบทดสอบชุดเดิมกับก่อนเรียน 4. การเก็บรวบรวมเครื่องมือ ผู้วิจัยดำเนินการศึกษาการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้โดยใช้แบบฝึกอ่าน “แม่ ก กา” ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 โดยเริ่มจากการวางแผนจัดทำแบบทดสอบและชุดการสอน จากนั้นให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทำแบบทดสอบก่อนเรียน (เขียนตามคำบอก 40 คำ) แล้วจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแบบฝึกอ่าน “แม่ ก กา” เมื่อสิ้นสุดการสอนจึงทำการทดสอบหลังเรียนด้วยแบบทดสอบลักษณะเดียวกัน ผลคะแนนก่อนและหลังเรียนถูกนำมาวิเคราะห์ด้วยค่าเฉลี่ย และค่าร้อยละ โดยกำหนดเกณฑ์ผ่านที่ร้อยละ 80 ของคะแนนเต็ม เพื่อประเมินประสิทธิภาพของแบบฝึกและพัฒนาการด้านการอ่านเขียนของนักเรียน 5. การวิเคราะห์ข้อมูล และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วยสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าร้อยละ และ ค่าเฉลี่ย เพื่อวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและพัฒนาการด้านการอ่านเขียนของนักเรียน โดยอ้างอิงสูตรการคำนวณจาก บุญชม ศรีสะอาด (2545:104) และ เพ็ญนภา คำมีแก่น (2553:66) ทั้งนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพที่ถูกต้องและสมบูรณ์ในการสรุปผลการวิจัย

ผลการวิจัย

ผลการวิจัยเรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ โดยใช้แบบฝึกอ่าน แม่ ก กา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปีการศึกษา 2568 โรงเรียนอนุบาลวัดบางนางบุญ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1 จำนวน 32 คน นักเรียนทุกคนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 88.15 ซึ่งสูงกว่าสมมุติฐานที่ตั้งไว้

การอภิปรายผล

จากการศึกษาการพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้ โดยใช้แบบฝึกอ่าน แม่ ก กา และแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน ให้นักเรียนการเขียนตามคำบอกอภิปรายผลการวิจัยได้ดังนี้

นักเรียนจำนวน 32 คน สามารถเขียนได้และมีความเข้าใจในมาตราตัวสะกดแม่ ก กา และมีทักษะการอ่านและเขียนที่ดีขึ้น ซึ่งนักเรียนผ่านเกณฑ์ร้อยละ 95 จากการแบบทดสอบการเขียนคำตามคำบอก จากก่อนเรียนในการทดสอบครั้งแรกได้ คิดเป็นร้อยละ 48.23 โดยหลังจากใช้แบบฝึกอ่านแม่ ก กา พบว่านักเรียนทุกคนสามารถอ่านและเขียนคำในแม่ ก กา ได้อย่างถูกต้องและสามารถพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนได้ดียิ่งขึ้น คิดเป็นร้อยละ 88.15

ข้อเสนอแนะ

1. ควรเพิ่มเวลาในการสอนและเสริมกิจกรรมให้นักเรียนสนใจมากขึ้น

2. ควรเสริมสร้างให้นักเรียนเป็นคนสนใจในเรื่องการอ่าน

เอกสารอ้างอิง

กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2544). การสังเคราะห์งานวิจัยเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการเรียนที่เน้น ผู้เรียนเป็นสำคัญ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.

พิสมัย บุญสอด. (2553). ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษาไทย เรื่องอักษรควบ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดย ใช้แบบฝึกทักษะประกอบกลุ่มร่วมมือแบบ STAD (ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาหลักสูตร และการสอน). บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี.

ลำเทียน อุตมา. (2554). การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกดกลุ่ม สาระการเรียนรู้ภาษาไทย. น่าน: โรงเรียนบ้านม่วงเจริญราษฎร์.

โพสต์โดย Makella : [31 ต.ค. 2568 (16:22 น.)]
อ่าน [57267] ไอพี : 49.228.246.64
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 49,094 ครั้ง
ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ (UNIX)
ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ (UNIX)

เปิดอ่าน 18,629 ครั้ง
เลือกกระเบื้องให้เข้ากับห้อง
เลือกกระเบื้องให้เข้ากับห้อง

เปิดอ่าน 20,907 ครั้ง
คู่มือและแนวปฏิบัติสำหรับการจัดการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย
คู่มือและแนวปฏิบัติสำหรับการจัดการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย

เปิดอ่าน 8,346 ครั้ง
คนคือความท้าทาย
คนคือความท้าทาย

เปิดอ่าน 14,207 ครั้ง
กระโดดเชือกแบบทีมเจ๋งๆ ลีลาเทพโคตร! ขอบอก
กระโดดเชือกแบบทีมเจ๋งๆ ลีลาเทพโคตร! ขอบอก

เปิดอ่าน 49,021 ครั้ง
ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วย มาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ.2556
ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วย มาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ.2556

เปิดอ่าน 23,270 ครั้ง
บิดาอีเลิร์นนิ่งไทย (Father of Thai E-learning)
บิดาอีเลิร์นนิ่งไทย (Father of Thai E-learning)

เปิดอ่าน 20,856 ครั้ง
เกณฑ์สอบผู้บริหารสถานศึกษา ปี 2555 (ว7-ว8)
เกณฑ์สอบผู้บริหารสถานศึกษา ปี 2555 (ว7-ว8)

เปิดอ่าน 43,029 ครั้ง
นักเทคโนโลยีการศึกษา
นักเทคโนโลยีการศึกษา

เปิดอ่าน 23,115 ครั้ง
ปัญหาและการแก้ปัญหา
ปัญหาและการแก้ปัญหา

เปิดอ่าน 17,042 ครั้ง
ปลูกผักหวานป่าในพื้นที่ราบ
ปลูกผักหวานป่าในพื้นที่ราบ

เปิดอ่าน 2,478 ครั้ง
7 พิกัดที่เที่ยวเชียงราย เที่ยวง่ายๆ เที่ยวได้ทั้งปี
7 พิกัดที่เที่ยวเชียงราย เที่ยวง่ายๆ เที่ยวได้ทั้งปี

เปิดอ่าน 110,886 ครั้ง
ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ศตวรรษที่ ๒๑ : ไทยแลนด์ ๔.o
ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ศตวรรษที่ ๒๑ : ไทยแลนด์ ๔.o

เปิดอ่าน 19,556 ครั้ง
จำได้ไหม ย้อนวันวานของอาจารย์ "กาญจนา นาคสกุล" ราชบัณฑิต
จำได้ไหม ย้อนวันวานของอาจารย์ "กาญจนา นาคสกุล" ราชบัณฑิต

เปิดอ่าน 19,483 ครั้ง
คำว่า "ตายน้ำตื้น" มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ชมคลิป
คำว่า "ตายน้ำตื้น" มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ชมคลิป

เปิดอ่าน 16,917 ครั้ง
มนัส บุญจำนงค์
มนัส บุญจำนงค์
เปิดอ่าน 17,642 ครั้ง
สะสมใบสั่งจราจรไว้ จะต่อภาษีรถได้อย่างไร?  หลังระบบเชื่อมโยงใบสั่งจราจร เริ่มใช้ 1 ตุลาคม 2562 นี้
สะสมใบสั่งจราจรไว้ จะต่อภาษีรถได้อย่างไร? หลังระบบเชื่อมโยงใบสั่งจราจร เริ่มใช้ 1 ตุลาคม 2562 นี้
เปิดอ่าน 17,269 ครั้ง
กรุงศรีอยุธยา
กรุงศรีอยุธยา
เปิดอ่าน 10,862 ครั้ง
9 ปัญหาสุขภาพ ที่ควรบอกผ่านการขับรถ
9 ปัญหาสุขภาพ ที่ควรบอกผ่านการขับรถ
เปิดอ่าน 5,236 ครั้ง
ระบบหายใจ (respiration)
ระบบหายใจ (respiration)

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ