ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

นิทานเวตาล เรื่องที่ ๗


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 6,241 ครั้ง
นิทานเวตาล เรื่องที่  ๗

Advertisement

                                                                                      นิทานเวตาล

เรื่องที่   


                    
ครั้นเวตาล หัวเราะก้องฟ้าลอยไปแล้ว พระเจ้าวิกรมาทิตย์กับพระราชบุตร ก็ต้องเสด็จดำเนินกลับไปยังต้นอโศกอีกครา พระเจ้าวิกรมาทิตย์ทรงปีนขึ้นไปปลดเวตาลลงมาใส่ย่าม พลางทรงรำพึงว่า
                   "ถ้าเรานั่งลงแล้ว ฟังอ้ายตัวนี้เล่าให้มันจบๆ ไปจนสิ้นฤทธิ์ของมัน ก็คงจะดี แล้วค่อยเดินทางต่อ"    เวตาลรู้ดังนั้น ก็ร้องทุกข์ว่า
                    "ฝ่าบาท ทรงผิดระเบียบการทำสัญญานะ พะยะค่ะ หม่อมฉันไม่ยอม"
                    พระเจ้าวิกรมาทิตย์ ทรงตรัสตอบว่า
                   "เอ็งจะยอมหรือไม่ข้าไม่รู้ เพราะในสัญญามิได้บอกว่าจะเดินหรือนั่ง"
                    เวตาลบ่นอุบอิบ แล้วทูลว่า
                   "หม่อมฉันสาบานว่าจะไม่พูดอะไรต่อไปอีก คอยดูซีพะยะค่ะ"
                 แต่ในไม่ช้า เวตาลก็อดพูดไม่ได้ เอ่ยเล่านิทานขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็กล่าวว่าเป็นความจริงอีกเช่นเคย  ยังมีเมืองอยู่เมืองหนึ่ง ชื่อว่า "กุสมาวดี" กษัตริย์ผู้ครองเมือง ทรงพระนามว่า "พระเจ้าสุพิจาร" พระองค์ทรงมีพระราชธิดาพระองค์หนึ่ง เป็นหญิงที่งดงามมาก พระนามว่า "จันทร์ประภา"
               วันหนึ่งในฤดูฝน พระธิดาจันทร์ประภาเสด็จลงยังพระราชอุทยาน แวดล้อมไปด้วยสาวสรรกำนัลนาง เพื่อทอดพระเนตรพันธุ์ไม้นานาชนิด ที่ผลิดอกออกช่องดงามทั้งอุทยาน  เผอิญขณะนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อ "มนัสวี" ได้แอบมาเที่ยวเล่นในอุทยานและแอบนอนหลับอยู่ในที่กำบัง ภายใต้ต้นไม้ โดยเจ้าหน้าที่รักษาอุทยานไม่ทันเห็น จึงมิได้ปลุกและไล่ไปให้พ้นก่อนที่พระธิดาจะเสด็จออกชมพระราชอุทยาน
               ฝ่ายพระธิดาจันทร์ประภา ทรงวิ่งเล่นหยอกล้อกับนางกำนัลจนเหนื่อยแล้วก็ทรงหยุดเล่น หวังที่จะเสด็จไปพักผ่อนที่ตำหนักในอุทยาน ซึ่งในขณะนั้นมนัสวีชายหนุ่ม กำลังนอนหลับอยู่ใกล้ทางดำเนิน ครั้นได้ยินเสียงพระธิดาดำเนินผ่านไปใกล้ๆ มนัสวีก็รีบตื่น และลุกขึ้นนั่งทันที   พระธิดา ทรงดำเนินมาถึงก็ทรงสะดุ้งตกใจ เพราะไม่นึกว่าจะมีชายหนุ่มมาอยู่ในเขตพระราชอุทยานนี้ได้ จึงทรงอุทานออกมาเบาๆ ว่า
                   "อุ๊ย คุณพระช่วย"
                  มนัสวี หันมามองสบพระเนตรพระธิดา ต่างก็เกิดความเสน่หาซึ่งกันและกันในทันใด  พระเจ้าวิกรมาทิตย์ ก็ทรงตรัสแย้งเวตาลว่า
                "เจ้าผีช่างพูด มันจะเป็นไปได้ยังไง ไม่จริงหรอก หญิงกับชายเจอกันแค่นาทีแรก ก็จะเกิดความรักกันได้ เอ็งมันโม้มาตลอด"
                เวตาลทำคอย่น บ่นอุบอิบในลำคอแล้วเล่าต่อไปว่า
                ครั้นพระธิดา เสด็จกลับเข้าในพระตำหนักหลวงแล้ว มนัสวีก็ปานจะขาดใจ นั่งเหม่อลอยและร้องไห้คร่ำครวญ จนกระทั่งมีพราหมณ์สองคน มีวิชาแก่กล้า ชื่อ "ศศี" คนหนึ่ง และ "มูลเทวะ" คนหนึ่ง เดินเข้าไปทำธุระในสวนหลวง พบชายหนุ่มมีอาการเช่นนี้ ก็รู้ว่าเป็นโรคหัวใจมากกว่าโรคกาย จึงถามขึ้นว่า
                "พ่อหนุ่ม ทำไมจึงได้มานั่งร้องไห้คร่ำครวญอย่างนี้เล่า"
                 มนัสวี มองดูพราหมณ์ทั้งสอง แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
              พราหมณ์มูลเทวะ ได้ฟังมนัสวีพูดเช่นนั้น ก็เกิดความเห็นใจ จึงกล่าวกับมนัสวีว่า
            "เจ้าจงมากับเราเถิด เราจะหาอุบายช่วยท่านให้ท่านสามารถครองคู่กับพระธิดาได้"
             มนัสวี ดีใจ หยุดร้องไห้คร่ำครวญ พลางกล่าวว่า
            "ข้าแต่ท่านบัณฑิต ผู้มีใจเมตตากรุณา ขอท่านจงได้โปรดช่วยให้ข้าพเจ้าสมดังประสงค์ด้วยเถิด"   พราหมณ์มูลเทวะ รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าจะจัดการให้สมตามปรารถนา แล้วก็พามนัสวีกลับไปยังบ้านของตน เมื่อไปถึงบ้าน พราหมณ์มูลเทวะก๊อทำการรับรองเป็นอย่างดี แล้วพราหมณ์มูลเทวะก็เดินไปหยิบลูกอมมาสองลูก พร้อมทั้งอธิบายวิธีการใช้ของลูกอมนั้นให้มนัสวีฟังว่า    "ในบ้านของเรานี้ มีวิชาสืบทอดเป็นมรดกติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายชั่วคนแล้ว แล้วเราได้ใช้วิชานี้ให้ประโยชน์แก่คน แต่การใช้วิชาความรู้ของเรานี้ คือจะต้องมีจิตใจบริสุทธิ์ และตั้งใจจริงจึงจะได้รับผลประโยชน์
   ลูกอมนี้ถ้าเจ้าอมเข้าปากไปเจ้าก็จะกลายเป็นหญิงสาว แล้วถ้าเจ้าเอาออกจากปากก็จะคืนรูปร่างเดิม และหากเจ้าเอาไปใช้ในทางไม่ดี ก็จะเกิดเหตุร้ายให้เป็นทุกข์ใจอย่างใหญ่หลวง ส่วนทีเหลืออีกเม็ดหนึ่ง ใครอมเข้าไปก็จะกลายเป็นคนแก่ชราลงทันตา"
                  พราหมณ์มูลเทวะ ส่งลูกอมที่ทำให้เป็นสาว ให้แก่มนัสวีอม ส่วนตนเองนั้นอมลูกที่ทำให้กลายเป็นคนชรา จึงทำให้ทั้งสองมีรูปร่างเปลี่ยนไปทันที พราหมณ์กำชับมนัสวีว่า ให้ระวังอย่ากลืนล่วงเข้าไปในคอเป็นอันขาด แล้วทั้งสองก็ตรงไปขออนุญาตเข้าเฝ้าพระสุพิจาร(กษัตริย์) ณ ท้องพระโรง
                 ฝ่ายพระสุพิจาร ทรงทอดพระเนตรเห็นพราหมณ์ชราอายุมาก เข้ามายังท้องพระโรงก็ต้อนรับเป็นอย่างดี และเชื้อเชิญให้นางที่มาด้วยนั่งในที่อันสมควร จึงทรงรับสั่งถามว่า   "ท่านผู้เป็นอาจารย์ ท่านมาจากสำนักใด"
                พราหมณ์มูลเทวะ ทูลว่า
               "เมืองของข้าพระองค์นั้น อยู่ทางฟากเหนือ ข้าพระองค์ออกจากบ้านท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อศึกษาวิชา ก็ได้พบนางคนนี้ ซึ่งเหมาะที่จะเป็นภรรยาของบุตรชายของข้าพระองค์ จึงขอนางมาและจะพากลับบ้านด้วย แต่พอกลับถึงบ้าน ปรากฏว่าภรรยาและบุตรของข้าพระองค์ก็อพยพไปอยู่ที่อื่นเสียแล้ว ซึ่งข้าพระองค์ก็ไม่รู้ได้ว่าไปอยู่ที่ไหนกัน และหากข้าพระองค์มีนางคนนี้เป็นห่วงผูกคออยู่ จะออกเที่ยวตามหาบุตรและภรรยาก็มิได้  จนข้าพระองค์ได้ยินคำเล่าลือถึงพระองค์ผู้ทรงธรรมว่า มีพระทัยเมตตากรุณา ข้าพระองค์จึงตั้งใจจะนำนางคนนี้มาถวายฝากไว้ ชั่วระยะหนึ่ง ขอพระองค์จงทรงโปรดรับนางไว้ด้วยเถิดพระเจ้าค่ะ"
                   พระเจ้าสุพิจาร ได้ทรงฟังเช่นนั้น ก็ทรงนั่งนิ่งตรึกตรองอยู่นาน ก่อนที่จะตรัสตอบตกลง  เป็นอันว่าการนี้พราหมณ์มูลเทวะ และชายหนุ่ม ทำสำเร็จไปขั้นหนึ่ง พราหมณ์มูลเทวะจึงรีบทูลลาออกจากที่เฝ้าไป

                   ครั้นพราหมณ์มูลเทวะในร่างชายชรา ได้ออกจากที่เฝ้าไปแล้ว พระเจ้าสุพิจารจึงรับสั่งเรียกนางจันทร์ประภาพระราชธิดาให้มาเข้าเฝ้า พลางตรัสว่า
                  "นางคนนี้ เป็นคู่หมั้นคู่หมายของบุตรพราหมณ์แก่ ได้นำตัวนางมาฝากไว้ให้พ่อคุ้มครอง เนื่องจากกำลังได้รับความเดือดร้อน และในไม่ช้าจะมารับกลับไป แต่ใน
ระหว่างนี้ลูกจงให้นางไปอยู่ที่ตำหนักของลูกด้วย ลูกจงช่วยดูแลเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี  เข้าใจไหมลูก"    พระธิดาจันทร์ประภา ได้ทรงฟังก็รับคำว่า
              "เพคะเสด็จพ่อ"    แล้วพระธิดาก็พานางคู่หมั้นพราหมณ์ ไปยังตำหนักของนาง ทรงเอาใจใส่เป็นอันดี ฝ่ายนางคู่หมั้นพราหมณ์สังเกตเห็นว่า พระธิดานั้นไม่ทรงร่าเริง นางจึงทูลถามพระธิดาว่า
                 "พระธิดาเพคะ หม่อมฉันสังเกตเห็นว่าพระองค์ไม่ทรงแจ่มใสเลยเพคะ"
                   พระราชธิดาจันทร์ประภา จึงรับสั่งเล่าถึงชายหนุ่มชื่อ มนัสวี ให้นางคู่หมั้นพราหมณ์ฟังทั้งหมดด้วยความเศร้าใจยิ่งนัก นางคู่หมั้นพราหมณ์จึง ทูลถามต่อว่า
                  "ถ้าหม่อมฉันทำให้พราหมณ์หนุ่ม ผู้เป็นที่รักของพระธิดาเข้ามาเฝ้าได้ ณ บัดนี้ พระธิดาจะทรงประทานอะไรให้หม่อมฉัน เป็นรางวัลบ้างเล่าเพคะ"
                   พระธิดาจึงทรงรับสั่งตอบว่า  "เราก็จะยอมเป็นทาสของเจ้าน่ะซี"
                   นางคู่หมั้นพราหมณ์ ได้ยินรับสั่งดังนั้น ก็คายลูกอมออกจากปาก ร่างก็กลายเป็นมนัสวีโผเข้ากอดพระธิดา พระธิดาทรงดีพระทัยแต่ก็ทรงละอายพระทัยยิ่งนัก
                  เมื่อมนัสวี ได้เข้าถึงองค์พระธิดาสมความปรารถนาแล้ว ก็อยู่ภายในวังประมาณได้ห้าเดือนเศษ คอยเปลี่ยนร่างกาย เป็นชายและหญิงทุกวันทุกคืน จนเกิดความเบื่อหน่ายที่ต้องคอยแอบซ่อนและแปลงร่างกายอยู่อย่างนี้ มนัสวีจึงกล่าวโทษพระธิดาว่าไม่พาตนออกไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเลย ฝ่ายพระธิดาก็เริ่มเกิดความเบื่อหน่ายที่ต้องเป็นอยู่อย่างนี้เช่นกัน
                   วันหนึ่ง พระเจ้าสุพิจารเสด็จไปเป็นเกียรติยศแก่งานมงคลที่บ้านอำมาตย์ โดยมีนางคู่หมั้นพราหมณ์ตามเสด็จไปด้วย ฝ่ายบุตรชายของท่านอำมาตย์ เมื่อเห็นนางคู่หมั้นพราหมณ์ มีรูปร่างหน้าตาต้องใจ ก็คิดอยากได้นางมาเป็นภรรยาทันที
                    เช้าวันรุ่งขึ้น บุตรชายของอำมาตย์ได้ให้อำมาตย์ผู้เป็นพ่อ ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าสุพิจาร เพื่อกราบทูลขอนางคู่หมั้นพราหมณ์มาเป็นภรรยา เมื่อพระเจ้าสุพิจารได้ทรงทราบเรื่อง ก็ทรงพิโรธ ตรัสตวาดออกไปว่า
                   "เจ้าจะเป็นบ้าไปแล้วหรือไง จึงมาพูดกับข้าเช่นนี้ ข้าเป็นพระราชา ข้าต้องให้ซึ่งความยุติธรรมเสมอ นางเป็นคู่หมั้นของบุตรพราหมณ์ เรามีหน้าที่ปกป้องดูแลนางตาม
คำฝากไว้ และเราจะเที่ยวยกผู้ที่อยู่ในความดูแลความรับผิดชอบนั้น ไปให้ผู้อื่น ย่อมเป็นไปไม่ได้เป็นอันขาด"     ครั้นบุตรชายของอำมาตย์ได้ฟังเรื่อง ก็ตรอมใจล้มหมอนนอนเสื่อ อาการเป็นตายเท่ากัน ท่านอำมาตย์เองก็ทุกข์ร้อนใจยิ่งนัก ไม่เป็นอันดูแลราชการบ้านเมือง เนื่องจากต้องคอยดูแลบุตรชาย บ้านเมืองจึงยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด เหล่าท่านอำมาตย์และขุนนางท่านอื่นๆ ทนเห็นบ้านเมืองแย่ลงไม่ไหว จึงพร้อมใจกันเข้าเฝ้าพระสุพิจารทันที และช่วยกันทูลว่า
                    "ขอเดชะ เหล่าข้าพระองค์ทั้งหลายได้ลงความเห็นกันว่า พราหมณ์ผู้เฒ่านั้นก็ได้สูญหายไปเป็นเวลาช้านานแล้ว อาจจะตายและมีผู้พบเห็นจัดการเผาศพให้แล้วก็เป็นได้พระเจ้าค่ะ  และอีกประการหนึ่ง นางคู่หมั้นพราหมณ์นั้น ก็ได้เป็นแต่เพียงคู่หมั้น หาได้มีการแต่งงานอยู่กินเป็นสามีภรรยาไม่ ซึ่งเหล่าข้าพระองค์ทั้งหลายจึงเห็นสมควรที่พระองค์จะประทานนางให้แก่บุตรชายของท่านอำมาตย์ เพื่อให้ราชการบ้านเมืองพ้นจากความยุ่งเหยิงเถิดพระเจ้าค่ะ
                   ส่วนพราหมณ์แก่นั้น หากยังไม่ตายและกลับมาจริง พระองค์ก็ประทานทรัพย์สินและหญิงงามที่งามกว่านางคู่หมั้นพราหมณ์ ให้พราหมณ์แก่พาไปเป็นภรรยาของบุตรชายก็ได้ พระเจ้าค่ะ "  
                     พระเจ้าสุพิจาร เมื่อได้ทรงฟังอำมาตย์และขุนนางทั้งหลายกราบทูลดังนั้น ก็เริ่มมีพระทัยโอนเอน จึงตรัสว่า
                    "การที่พวกท่านกล่าวมาก็ดี เราจะขอตรึกตรองให้รอบคอบในคืนนี้ แล้วพรุ่งนี้เช้าเราจะให้คำตอบที่แน่นอนอีกครั้ง"
                   เหล่าบรรดาขุนนางอำมาตย์ ได้ยินรับสั่งเช่นนั้นก็พอใจ พากันออกจากที่เฝ้าไปในทันที    เมื่อเหล่าบรรดาข้าราชการเหล่านั้น ได้ยินรับสั่งก็แน่ใจว่า พรุ่งนี้เช้าจะต้องได้คำตอบที่ดีแน่นอน เพราะฝ่ายนางคู่หมั้นพราหมณ์คงจะไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้อยู่ดีมีหน้ามีตาไปแน่ ฉะนั้นเมื่อพากันออกจากที่เฝ้าแล้วเหล่าบรรดาข้าราชการก็พากันตรงไปยังบ้านของท่านอำมาตย์และลูกชายผู้กำลังทุกข์ใจ เพื่อเล่าความทั้งหมดให้ทราบเรื่อง
                 ฝ่ายพระเจ้าสุพิจาร เมื่อเสด็จเข้าข้างในแล้วก็เสด็จตรงไปยังตำหนักพระธิดา และเมื่อนางจันทร์ประภากับนางคู่หมั้นพราหมณ์มาเฝ้า พระเจ้าสุพิจารก็ทรงรับสั่งกับนางคู่หมั้นพราหมณ์ว่า   
   "บุตรชายของท่านอำมาตย์มีความพึงพอใจในตัวเจ้ามาก จึงได้มาสู่ขอแก่ข้า ฉะนั้นเจ้าจงไปอยู่กินกับเขาเถิด จะได้มีหน้ามีตา ไม่ต้องมานั่งรออะไรที่เอาแน่ไม่ได้เช่นนี้"    นางจันทร์ประภา ได้ฟังดังนั้น ก็กล่าวติเตียนพระราชบิดาด้วยคำต่างๆ ว่า
                "เสด็จพ่อทรงทำอะไรไปเพคะ เสด็จพ่อเป็นกษัตริย์ที่ทรงประพฤติธรรมอยู่เป็นนิจ แต่ทำไมมาบัดนี้เสด็จพ่อมีพระประสงค์เปลี่ยนไปจากความเป็นธรรม คงจะเป็นเพราะเสด็จพ่อหวังแต่จะได้ประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว เพคะ"
                   ฝ่ายนางคู่หมั้นพราหมณ์ เห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ตัวเองก็อยากมีโอกาสออกไปดูโลกภายนอกบ้างจึงรีบตอบตกลงทันที
                    "ฝ่าบาทเพคะ ถ้าพระองค์ทรงตั้งพระทัยเป็นที่แน่นอนแล้ว ที่จะให้หม่อมฉันไปเป็นภรรยาของบุตรชายอำมาตย์ หม่อมฉันก็ยินดีเพคะ"
                     พระธิดาจันทร์ประภา ทรงกริ้วแต่ก็ไม่สามารถเล่าเรื่องของนางคู่หมั้นพราหมณ์ว่าแท้จริงแล้วนางเป็นชาย และเป็นสามีของตนเองให้ใครฟังได้ จึงได้แต่เสียพระทัย
                    เช้าวันรุ่งขึ้น พระเจ้าสุพิจารเสด็จออกยังท้องพระโรง รับสั่งให้เหล่าบรรดาข้าราชการทั้งหลายเข้าเฝ้า รวมทั้งท่านอำมาตย์และบุตรชายด้วย แล้วจึงทรงรับสั่งถึงถ้อยคำของนางคู่หมั้นพราหมณ์ให้ฟังโดยพร้อมเพรียง    และในระหว่างรอเตรียมการอันเป็นมงคลนั้น ท่านอำมาตย์ได้สู่ขอนางคู่หมั้นพราหมณ์ให้ไปพักอยู่กับภรรยาคนที่สวยที่สุดของตนก่อน แล้วกำชับว่า   "เจ้าทั้งสองจงอยู่ด้วยกัน มีอะไรจงช่วยเหลือกัน จนกว่าการเตรียมงานทั้งหมดจะเรียบร้อย"
                   เมื่อนางคู่หมั้นพราหมณ์ได้มาอยู่ที่บ้านอำมาตย์แล้ว ก็ได้พักอยู่ร่วมห้องเดียวกับภรรยาสาวสวยของท่านอำมาตย์ ในที่สุดก็ทนความเป็นหญิงต่อไปไม่ได้ ก็กลายร่างเป็นมนัสวีในเวลากลางคืนนั้น แอบลักลอบเป็นชู้กับภรรยาท่านอำมาตย์ พอถึงกลางวันก็แปลงกายเป็นหญิงดังเดิม    มนัสวีกระทำการอยู่เช่นนี้ได้ไม่นาน บาปกรรมก็ตามมาทัน ในคืนหนึ่งเมื่อได้กลายร่างเป็นมนัสวีแล้ว พอรุ่งเช้าจะแปลงกลับมาเป็นหญิงก็เอาลูกอมใส่ปากด้วยความเลินเล่อ ลูกอมก็เลยลื่นเข้าคอไป มนัสวีจึงแปลงร่างเป็นหญิงต่อไปไม่ได้อีก จึงต้องรีบหนีออกจากบ้านท่านอำมาตย์โดยเร็ว
                   กล่าวถึงพราหมณ์แก่ ที่พามนัสวีซึ่งปลอมเป็นหญิงไปฝากพระเจ้าสุพิจารนั้น ครั้นออกมาจากที่เฝ้าก็คืนเป็นพราหมณ์มูลเทวะเช่นเดิม แล้วเดินทางกลับไปหาพราหมณ์ศศี เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง พราหมณ์ศศีได้ยินดังนั้น ก็ทำหน้ายุ่งพูดเสียงขุ่นๆ กับพราหมณ์มูลเทวะว่า    "ความมีน้ำใจดี และใจอ่อนของท่านนั้น ทำให้ท่านทำบาปโดยไม่รู้ตัว อันตรายอาจจะมาถึงท่านได้"
                   พราหมณ์ศศีและพราหมณ์มูลเทวะ ถกเถียงกันอยู่พักหนึ่ง พราหมณ์มูลเทวะ จึงกล่าวว่า  
"ท่านศศี ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าพเจ้าได้กำชับชายหนุ่มผู้นั้นแล้วว่า จะต้องทำการด้วยความบริสุทธิ์ ถึงจะไม่มีอันตราย"   พราหมณ์ศศี กล่าวบ้างว่า     "ท่านได้ให้อาวุธอันแหลมคม ไปกับคนที่ขาดสติและโง่เขลา มันต้องนำไปทำอะไรสักอย่างให้เกิดเหตุขึ้นจนได้นั่นแหละ ท่านกับข้าพเจ้ามาพนันกันเอาไหมล่ะ ถ้าชายหนุ่มผู้นั้นไม่ไปทำอะไรให้เกิดเหตุเสียก่อนแล้ว ข้าพเจ้าจะยอมมอบคัมภีร์ทั้งหลายของข้าพเจ้าให้เป็นทรัพย์สมบัติของท่าน แต่ถ้าชายหนุ่มผู้นั้น ไปทำให้เกิดความเสื่อมเสีย ท่านจะต้องใช้วิชาของท่าน ทำให้ข้าได้พระธิดาของพระเจ้าสุพิจารมาเป็นภรรยา ท่านจะตกลงไหม?"
                     พราหมณ์มูลเทวะ ตอบตกลง ทั้งสองจึงทำสัญญากันอย่างมั่นคง ก่อนที่จะออกสืบข่าวในที่ใกล้พระนครจนถึงบ้านของท่านอำมาตย์ ก็ได้รู้ว่า "มนัสวี" คือคู่หมั้นพราหมณ์แปลงนั้น ได้หายไปจากบ้านท่านอำมาตย์เสียแล้ว ไม่มีใครรู้ร่องรอยว่าหายไป

ที่ใด
                       พราหมณ์มูลเทวะ ยังคงสืบข่าวต่อไปอีก ก็ตรึกตรองได้ว่าตนเป็นผู้แพ้พนันพราหมณ์ศศีเสียแล้ว จึงยอมมอบลูกอมอีกลูกหนึ่งที่จะสามรถทำให้กลายร่างเป็นชายหนุ่มรูปงาม หน้าตาหล่อเหลาให้พราหมณ์ศศีอม ส่วนพราหมณ์มูลเทวะก็อมลูกอมที่ทำให้กลายเป็นพราหมณ์แก่เหมือนเคย แล้วทั้งสองก็พากันไปเข้าเฝ้าพระเจ้าสุพิจาร

 

 

                       ขณะนั้นพระเจ้าสุพิจาร เสด็จออก ณ ท้องพระโรง ทอดพระเนตรเห็นพราหมณ์แก่ก็จำได้ ในขณะนั้นก็เกิดกระวนกระวาย แต่ก็ทรงระงับไว้ จึงทรงตรัสถามว่า
                     "ท่านพราหมณ์ ท่านไปไหนมาจึงได้หายหน้าไปเป็นเวลาหลายเดือนเช่นนี้"
                      พราหมณ์แก่ ทูลว่า
                   "ข้าพระองค์ เที่ยวสืบเสาะไปหลายแห่งเพื่อตามหาให้พบบุตรชาย ครั้นเมื่อพบแล้วก็พากันมาเข้าเฝ้าพระองค์ เพื่อที่จะทูลขอนางคู่หมั้นคืนให้แก่บุตรชายของข้าพระองค์พระเจ้าค่ะ"
                     พระเจ้าสุพิจารตะลึงไปชั่วครู่ แล้วทรงรับสั่งอ้อมแอ้มอยู่นาน จนในที่สุดก็ทรงเห็นว่าจะปกปิดเอาไว้ไม่ได้ จึงรับสั่งเล่าเรื่องให้พราหมณ์แก่และบุตรชายฟังทั้งหมด
พราหมณ์เฒ่า แสดงอาการโกรธอย่างไม่พอใจ พลางกล่าวขึ้นว่า
                     "พระองค์ทรงทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน พระองค์ไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ เอาภรรยาของบุตรชายข้าพระองค์ไปยกให้แต่งงานกับชายอื่น"
                      พระเจ้าสุพิจาร ตกพระทัยจนทำอะไรไม่ถูก ทรงระงับพระทัยแล้วรับสั่งกับพราหมณ์ว่า
                      "ท่านพราหมณ์ ท่านจงกรุณาแก่เราเถิด ที่เราทำไปเพราะไม่มีทางเลือก ท่านอย่าโกรธอย่าสาปแช่งเราเลย ท่านต้องการอะไรก็บอกมา เราจะจัดหาให้"
                      พราหมณ์แก่ จึงกล่าวว่า
                     "ถ้าพระองค์เกรงคำสาปแช่ง พระองค์ก็ทรงประธานพระธิดาจันทร์ประภาให้เป็นภรรยาของบุตรชายข้าพระองค์ ถ้าทรงยอมดังที่ว่ามานี้ข้าพระองค์ก็จะยอมยกโทษถวาย" 
                      พระเจ้าสุพิจาร นำความไปบอกแก่พระธิดาจันทร์ประภา พระธิดาเองกำลังตกอยู่ในระหว่างเศร้าพระทัย และอยากจะประชดมนัสวีที่ทิ้งตนไป จึงตอบตกลง
                     เมื่อการเป็นเช่นนี้ พราหมณ์หนุ่มแปลงทั้งสอง จึงรับพระธิดาจันทร์ประภา กลับไปยังบ้านของตน พร้อมด้วยทรัพย์สินมากมายที่พระเจ้าสุพิจารพระราชทานให้
                    ฝ่ายมนัสวีนั้น เมื่อได้หนีออกมาจากบ้านท่านอำมาตย์แล้ว ก็เที่ยวหลบซ่อนตัวไปจนได้ทราบข่าวของพราหมณ์ศศี ว่าจะได้แต่งงานกับพระธิดาจันทร์ประภา และได้พานางกลับไปบ้านแล้ว มนัสวีจึงรีบตามไปยังบ้านของพราหมณ์ศศี พลางกล่าวกับพราหมณ์ว่า
                     "ท่านพราหมณ์ พระธิดาจันทร์ประภานางเป็นภรรยาของข้าพเจ้า ได้โปรดคืนนางมาให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด"    พราหมณ์ศศี จึงเถียงว่า
                    "ใครบอกเจ้าว่านางเป็นภรรยาของเจ้า นางเป็นภรรยาที่ถูกต้องของข้าต่างหาก พยานของข้าก็มีอยู่"    มนัสวี โกรธจัด กล่าวคำสาบานอย่างรุนแรง พลางว่า
                    "นางเป็นภรรยาของข้าด้วยความเต็มใจ พราหมณ์มูลเทวะเป็นผู้วางแผนการให้ข้าได้พบกับนาง พราหมณ์มูลเทวะก็รู้เรื่องทั้งหมดมาตลอด"
                     แต่ขณะนั้น พราหมณ์มูลเทวะได้หลบหน้าหายตัวไป พราหมณ์ศศีจึงพูดจาเยาะเย้ยว่า   "ไหนล่ะ พราหมณ์มูลเทวะ พยานของเจ้า ฮะ ฮะ ฮะ"
                     มนัสวีจึงหันไปกล่าวกับพระธิดาจันทร์ประภา แต่นางยังโกรธอยู่ นางจึงพูดด้วยอาการมึนชาว่า  "ตั้งแต่ข้าเกิดมา ข้ายังไม่เคยรู้จักกับชายผู้นี้เลย"
                      เวตาล หยุดพูดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อว่า
                      "แม้ว่ามนัสวีจะอ้างพยานไม่ได้ แต่ความจริงก็คือความจริง พราหมณ์ศศีเองก็รู้ แต่แกล้งไม่รู้ พระธิดาจันทร์ประภาก็แอบเป็นภรรยากับมนัสวีก็ยิ่งรู้ดี "
                     พระเจ้าวิกรมาทิตย์ ทรงไม่โปรดการลอบรัก ครั้นได้ยินเวตาลกล่าวมา จึงตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงกริ้วว่า
                    "อ้ายผีใจลามก พระธิดาจันทร์ประภาต้องเป็นภรรยาที่ถูกต้องของพราหมณ์ศศี มิใช่ชายแปลงที่ลอบรักกันแล้วทิ้งกันอย่างมนัสวี ซึ่งผิดตามคัมภีร์ศาสตร์กฎหมาย"
                   เวตาลอมยิ้ม และกล่าวว่า
                   "ฮะ ฮะ ฮะ หม่อมฉันยังไม่ทันเอ่ยถาม พระองค์ก็ทรงตรัสตอบ เพราะฉะนั้น ฝ่าบาทจงรีบก้าวพระบาทเถิดพระเจ้าค่ะ ลองดูซิว่าฝ่าบาทจะกลับไปถึงต้นอโศกก่อนหม่อมฉันได้หรือไม่ พะยะค่ะ"    เวตาล ทูลจบแล้วก็ออกจากย่ามลอยไปในทันที
                    "ฮะ ฮะ ฮะ เอิ๊กๆๆๆๆๆ"
                    เวตาลหัวเราะก้องฟ้าลอยไปกับความมืด.

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 1218 วันที่ 27 ต.ค. 2551


นิทานเวตาล เรื่องที่ ๗นิทานเวตาลเรื่องที่

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

พัฒนาด้วย  ๔  ก.

พัฒนาด้วย ๔ ก.


เปิดอ่าน 6,240 ครั้ง
ฟังเพลงร่วมสมัย...

ฟังเพลงร่วมสมัย...


เปิดอ่าน 6,240 ครั้ง
กลัยมาทำไม...แหยมยโสธร...

กลัยมาทำไม...แหยมยโสธร...


เปิดอ่าน 6,247 ครั้ง
  บอกเคล็ดลับหน่อยค่ะ

บอกเคล็ดลับหน่อยค่ะ


เปิดอ่าน 6,245 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

แม่จ๋า ทิ้งหนูทำไม (ใจอ่อนห้ามดู ภาพน่ากลัวมาก) มีลูกเมื่อพร้อมนะคะ

แม่จ๋า ทิ้งหนูทำไม (ใจอ่อนห้ามดู ภาพน่ากลัวมาก) มีลูกเมื่อพร้อมนะคะ

เปิดอ่าน 6,239 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
เคล็ดลับการทำงาน อย่างชาวจีน
เคล็ดลับการทำงาน อย่างชาวจีน
เปิดอ่าน 6,250 ☕ คลิกอ่านเลย

ลีเดียไม่ไกล่เกลี่ยหมอกฤษฏ์รอศาลตัดสิน
ลีเดียไม่ไกล่เกลี่ยหมอกฤษฏ์รอศาลตัดสิน
เปิดอ่าน 6,239 ☕ คลิกอ่านเลย

อยากสวยทำอย่างไร(ข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติ)
อยากสวยทำอย่างไร(ข้อห้ามและข้อควรปฏิบัติ)
เปิดอ่าน 6,240 ☕ คลิกอ่านเลย

กลอนวันวาเลนไทน์ ...
กลอนวันวาเลนไทน์ ...
เปิดอ่าน 6,246 ☕ คลิกอ่านเลย

การบริหารจัดการที่ดีมีประสิทธิภาพทำอย่างไร :
การบริหารจัดการที่ดีมีประสิทธิภาพทำอย่างไร :
เปิดอ่าน 6,238 ☕ คลิกอ่านเลย

กลอนเพลงชาติไทย
กลอนเพลงชาติไทย
เปิดอ่าน 6,332 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ออกกำลังกายคลายเครียดในออฟฟิศ เหนื่อยนักก็พักหน่อย
ออกกำลังกายคลายเครียดในออฟฟิศ เหนื่อยนักก็พักหน่อย
เปิดอ่าน 11,168 ครั้ง

6 นิสัยที่ทำให้อายุยืน ใช่คุณครบทุกข้อไหม
6 นิสัยที่ทำให้อายุยืน ใช่คุณครบทุกข้อไหม
เปิดอ่าน 30,025 ครั้ง

เรื่องน่ารู้ของ "สตรอเบอรี่"
เรื่องน่ารู้ของ "สตรอเบอรี่"
เปิดอ่าน 17,374 ครั้ง

ตูนส์ศึกษา : การศึกษาระดับประถมวัยของไทยคือการเตรียมพร้อมหรือการทำร้ายเผ่าพันธุ์มนุษย์
ตูนส์ศึกษา : การศึกษาระดับประถมวัยของไทยคือการเตรียมพร้อมหรือการทำร้ายเผ่าพันธุ์มนุษย์
เปิดอ่าน 10,209 ครั้ง

แฉกลโกง40ขายตรงตุ๋นผู้บริโภคหมื่นล.
แฉกลโกง40ขายตรงตุ๋นผู้บริโภคหมื่นล.
เปิดอ่าน 17,870 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ