แฉคนไทยขาดการออมเพื่อวัยเกษียณ พบส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งบุตร-ทำงาน

ผส.ชี้ไม่ถึง 30% พร้อมรับสังคมสูงอายุ

พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวในการเป็นประธานเปิดงาน “สร้างวินัยการออม ชีวิตพร้อมเมื่อสูงวัย” ที่หอประชุมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า จากการลงพื้นที่ได้รับทราบถึงความต้องการของผู้ สูงอายุคือ เวลาเจ็บป่วยต้องการการดูแล มีรายได้เพียงพอในการดำรงชีวิตตลอดอายุขัย มีที่อยู่อาศัย และมีสังคมดูแล และในจำนวนผู้สูงอายุซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 16 ของประชากรไทย เป็นผู้สูงอายุที่พิการถึงร้อยละ 10 แต่ปัญหาผู้สูงอายุคือ มีรายได้ไม่เพียงพอ ไม่มีการออม ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามหาเครื่องมือปลูกฝังเรื่องการออม เช่น กองทุนการออมแห่งชาติ ซึ่งยังต้องสร้างความเข้าใจให้ประชาชนเข้ามาร่วมมากขึ้น

ด้านนางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) กล่าวว่า จากการติดตามและประเมินผลแผนผู้สูงอายุทุกระยะ 5 ปี, 10 ปี และ 15 ปี พบคนไทยเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพไม่ถึงร้อยละ 30 บ่งชี้ให้เห็นว่าคนไทยเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุน้อยมาก ทั้งนี้ ผส.ได้บูรณาการความร่วมมือภายใต้คณะทำงานประชารัฐเพื่อสังคม (E6) ด้านการออมเพื่อการเกษียณอายุราชการ โดยส่งเสริมให้สังคมเกิดความตระหนักและเกิดการออมในคนทุกช่วงวัย ผ่านการจัดโครงการกิจกรรมต่างๆ

ขณะที่ ดร.กฤษฎา เสกตระกูล รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) ปี 2557 พบช่วงหลังเกษียณผู้สูงอายุส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งพารายได้จากบุตรร้อยละ 36.7 จากการทำงานร้อยละ 33.9 มีเพียงร้อยละ 3.9 ที่พึ่งพิงรายได้จากเงินออม และจากการประมาณการควรเตรียมเงินไว้ขั้นต่ำประมาณกว่า 4 ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายหลังเกษียณไปอีก 20 ปี และเมื่อสำรวจสถานการณ์การออมของคนไทยในปัจจุบันพบคนวัยทำงานเพียง 15 ล้านคน จาก 40 ล้านคน ที่อยู่ในระบบการออมเพื่อวัยเกษียณ.

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก ไทยรัฐ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561