ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


Advertisement

ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2568 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568


ข่าวการศึกษา 30 ต.ค. 2568 (21:58 น.)

19,258

views
Advertisement

ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2568 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568

ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2568 วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2568 โดยมี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุม และมี ดร.ธนู ขวัญเดช เลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นเลขานุการการประชุม ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและมีมติที่สำคัญ ดังนี้

1. เห็นชอบ โครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในของหน่วยงานการศึกษา สังกัด กรมส่งเสริมการเรียนรู้

ประกอบด้วย สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด สถาบันส่งเสริม การเรียนรู้ภาค ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้กลุ่มเป้าหมายพิเศษ และสถาบันการศึกษาและพัฒนาต่อเนื่องสิรินธร โดยยึดหลักการผสมผสานให้เหมาะสมตามภารกิจตามกฎหมายหลักของแต่ละหน่วยงาน อันได้แก่ 1) หลักการแบ่งงานตามลักษณะภารกิจหลัก (Function-Based Grouping) 2) หลักการสนับสนุนการบริหารจัดการ (Support Function Grouping) และ 3) หลักการรวมภารกิจที่มีความใกล้เคียงกัน (Function Consolidation) ซึ่งรายละเอียดโครงสร้างฯดังกล่าว มีดังนี้

1 สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด ประกอบด้วย 4 กลุ่ม

1.1 กลุ่มอำนวยการ
1.2 กลุ่มยุทธศาสตร์และการพัฒนา
1.3 กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้
1.4 กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา

2. สถาบันส่งเสริมการเรียนรู้ภาค ประกอบด้วย 4 กลุ่ม

2.1 กลุ่มอำนวยการ
2.2 กลุ่มยุทธศาสตร์ และบูรณาการการเรียนรู้
2.3 กลุ่มส่งเสริมนวัตกรรมและคุณภาพการเรียนรู้
2.4 กลุ่มพัฒนาศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา

3. ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้กลุ่มเป้าหมายพิเศษ ประกอบด้วย 4 กลุ่ม

3.1 กลุ่มอำนวยการ
3.2 กลุ่มยุทธศาสตร์ และนโยบายเพื่อการเรียนรู้
3.3 กลุ่มวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้
3.4 กลุ่มส่งเสริมการเรียนรู้เฉพาะพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายพิเศษ

4. สถาบันการศึกษาและพัฒนาต่อเนื่องสิรินธร ประกอบด้วย 5 กลุ่ม

4.1 กลุ่มอำนวยการ
4.2 กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการเรียนรู้
4.3 กลุ่มวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้
4.4 กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรบุคคล
4.5 กลุ่มบริการวิชาการและภาคีเครือข่าย

2. อนุมัติ แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

ตามที่ ก.ค.ศ. ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ และผู้บริหารการศึกษา (ว 9 - ว 12/2564) และหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ผู้มีผลงานการสร้างและพัฒนานวัตกรรม เลื่อนเป็นวิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ วิทยฐานะครูเชี่ยวชาญ และวิทยฐานะครูเชี่ยวชาญพิเศษ (ว 18/2567) โดยกำหนดให้ผู้ขอมีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ และขอเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ต้องผ่านการประเมินด้านที่ 3 ด้านผลงานทางวิชาการ ซึ่งตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวหากขอมีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญได้กำหนดให้ส่งงานวิจัยหรือนวัตกรรม จำนวน 1 รายการ และหากขอเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ กำหนดให้ส่งงานวิจัยและนวัตกรรม จำนวนอย่างละ 1 รายการ นั้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์) ได้มีข้อสั่งการเร่งด่วน ในการลดภาระงานและเสริมสร้างความก้าวหน้าทางวิชาชีพของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเน้นการประเมินวิทยฐานะที่สอดคล้องกับภารกิจที่ต้องปฏิบัติและให้ข้าราชการครูฯ สามารถใช้ผลจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือผลงานเชิงประจักษ์มานำเสนอแทนงานวิจัยได้ สำนักงาน ก.ค.ศ. จึงได้ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว โดยได้ประชุมหารือร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการฯร่วมกัน รวมทั้งได้จัดการประชุมสัมมนาเพื่อพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะ เพื่อนำความคิดเห็นต่าง ๆ มาวิเคราะห์ สังเคราะห์ ในการพัฒนาหลักเกณฑ์ฯ ซึ่งที่ประชุม ก.ค.ศ. อนุมัติให้แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ดังนี้

1. กำหนดประเภทของผลงานทางวิชาการ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1) รายงานการสร้างหรือพัฒนานวัตกรรมเชิงประจักษ์ และ
2) รายงานการวิจัย
กรณีร่วมจัดทำกับผู้อื่น ต้องมีส่วนร่วมไม่น้อยกว่าร้อยละ 60

2. การกำหนดลักษณะของผลงานทางวิชาการ คำนิยาม ลักษณะของการรายงานผลงานทางวิชาการ และคำอธิบายการประเมินด้านที่ 3 ด้านผลงานทางวิชาการ สำหรับการประเมินคำขอมีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ และเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ทุกตำแหน่ง

3. การเสนอผลงานทางวิชาการในรูปแบบงานวิจัย กำหนดให้เสนองานวิจัยประเภทใดก็ได้และการตีพิมพ์และเผยแพร่งานวิจัย สำหรับการขอเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ต้องได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการที่ผ่านการพิจารณาแบบ peer-review ซึ่งอยู่ในฐานข้อมูล TCI กลุ่ม 1 หรือกลุ่ม 2 หรือในฐานข้อมูลวิชาการระดับนานาชาติ

4. การประเมินด้านที่ 3 ด้านผลงานทางวิชาการ สำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญและวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ผ่านระบบ DPA หลังจากที่สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้รับผลการประเมินจากกรรมการทั้ง 3 คนแล้ว ให้สำนักงาน ก.ค.ศ. จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการประเมินผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่เปิดเผยชื่อและตัวตนของคณะกรรมการประเมิน และให้การดำเนินการประชุมอยู่ในชั้นความลับทุกขั้นตอน

5. การกำหนดวันที่มีผลใช้บังคับ

1) การแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการฯ 9 - 11/2564 และ ว 18/2567 ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2569 เป็นต้นไป ยกเว้นการกำหนดให้สำนักงาน ก.ค.ศ. จัดการประชุมคณะกรรมการประเมินผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อพิจารณาผลการประเมินและข้อสังเกตของผลงานทางวิชาการ ให้ดำเนินการภายหลังจากที่ได้ชี้แจงกรรมการประเมินให้ทราบแนวปฏิบัติแล้ว
2) การแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 12/2564 ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568

6. คำขอมีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ยื่นไว้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 9 ว 12/2564 และ ว 18/2567 ก่อนวันที่การแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการนี้มีผลใช้บังคับ แต่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการเดิมนั้นต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ

ทั้งนี้ มอบหมายให้สำนักงาน ก.ค.ศ. จัดทำรายละเอียดคู่มือการประเมิน แนวทางการประชุม และพัฒนาระบบ DPA เพื่อรองรับการแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ดังกล่าวต่อไป และยังให้สำนักงาน ก.ค.ศ. พิจารณาหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะ กรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีผลงานเชิงประจักษ์ในรูปแบบรางวัล มาเสนอ ก.ค.ศ. พิจารณาเพิ่มเติมด้วย

3. เห็นชอบ แนวทางการพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

ด้วยสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ศึกษาวิเคราะห์นโยบาย แนวคิด เอกสารงานวิจัย และข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการย้ายครู แล้วพบว่า การที่ครูได้ย้ายกลับไปอยู่ใกล้ครอบครัว หรือกลับภูมิลำเนาของตนเองจะเป็นการสร้างคุณภาพชีวิตและโอกาสที่ดี สามารถรักษาครูให้คงอยู่ในวิชาชีพ รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาสนับสนุนการดำเนินงานแทนที่กระบวนงานแบบดั้งเดิมจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว โปร่งใส ลดภาระงาน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการจัดทำเอกสารคำร้องขอย้ายแบบเดิม คำร้องละประมาณ 200 - 300 บาท ซึ่งในแต่ละปีมีคำร้องขอย้ายเฉลี่ยปีละประมาณ 70,000 คำร้องต่อปี จึงสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายของข้าราชการครูลงได้ประมาณ 14 - 21 ล้านบาท สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่มีจุดเน้นในการลดภาระงานและภาระค่าใช้จ่ายของครู ไม่ให้มีการเรียกรับผลประโยชน์ใด ๆ จากครู

โดยจากการพิจารณาย้ายครูผ่านระบบ TRS ในปี 2568 ซึ่ง อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา และ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง ได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว ยังมีข้อจำกัดบางประการของระบบ TRS ที่ควรพัฒนาในระยะที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมีความยืดหยุ่นในการพิจารณา เพิ่มโอกาสในการที่ครูจะได้รับพิจารณาย้ายให้มากขึ้น อันจะส่งผลให้สถานศึกษามีครูครบชั้น ครบวิชา เพื่อคุณภาพในการจัดการเรียนรู้ และองค์คณะที่พิจารณาการย้ายสามารถใช้ดุลยพินิจได้ตามความเหมาะสมกับบริบทพื้นที่และความต้องการครู โดยที่ไม่ขัดกับหลักเกณฑ์และวิธีการฯ และบริบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ดังนั้น เพื่อเป็นการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ ทำให้ข้าราชการครูมีขวัญกำลังใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ก.ค.ศ. จึงได้มีมติเห็นชอบแนวทางการพัฒนาหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และแนวทางการพัฒนาระบบ TRS ระยะที่ 3 โดยการพัฒนาฯ เน้นการดำเนินการที่ “ยืดหยุ่น” มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการย้ายให้กับข้าราชการครู เช่น ความยืดหยุ่นของตำแหน่งว่าง คือ ตำแหน่งว่างที่ใช้รับย้ายเดิม กำหนดให้ระบุได้เพียง 1 วิชาเอก ต่อ 1 อัตราว่าง ปรับเป็น สามารถระบุกลุ่มวิชา หรือทาง หรือสาขาวิชาเอก ได้สูงสุด 3 วิชาเอก ต่อ 1 อัตราว่าง เพื่อความยืดหยุ่นในการพิจารณาย้ายของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง และเพื่อให้สถานศึกษามีจำนวนครูครบชั้น ครบวิชา ทั้งนี้ สถานศึกษาที่รับย้ายต่องมีอัตรากำลัง สายงานการสอนในภาพรวมไม่เกินเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ. กำหนด และไม่เกินมาตรฐานวิชาเอกที่ ก.ค.ศ. กำหนดด้วย การขยายพื้นที่ในการเลือกยื่นคำร้องขอย้าย ให้สามารถเลือกใน "สถานศึกษาใด ๆ ก็ได้ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอื่นในจังหวัดเดียวกัน" เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการย้ายทุกขั้นตอน ยังคงดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาล ยึดระบบคุณธรรม ความเสมอภาค และประโยชน์ของทางราชการ

4. เห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการนำรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกในบัญชีหนึ่งไปขึ้นบัญชีเป็นผู้ได้รับการคัดเลือก ในบัญชีอื่น ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

สืบเนื่องจากการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี พ.ศ. 2568 อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ประกาศรับสมัครคัดเลือกฯ ไม่ครบ 245 เขตพื้นที่การศึกษา โดยมีการรับสมัครเพียง 161 เขตพื้นที่การศึกษา และเมื่อการรับสมัครเสร็จสิ้นแล้ว บางเขตพื้นที่การศึกษาไม่มีผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกฯ และบางเขตพื้นที่การศึกษามีผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกฯ น้อยกว่าจำนวนตำแหน่งว่างตามประกาศรับสมัคร จึงไม่สามารถคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งในตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา ได้ครบตามจำนวนตำแหน่งว่าง

ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนผู้อำนวยการสถานศึกษา และเพื่อให้มีผู้บริหารสถานศึกษาปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนและบริหารสถานศึกษา ในอันที่จะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและสถานศึกษา เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา และเพื่อประโยชน์ของทางราชการ และเพื่อให้การบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณในการดำเนินการคัดเลือกฯ ก.ค.ศ. จึงได้มีมติเห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการนำรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกในบัญชีหนึ่งไปขึ้นบัญชีเป็นผู้ได้รับการคัดเลือก ในบัญชีอื่น ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

5. เห็นชอบ การกำหนดบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิฯ และองค์ประกอบของคณะกรรมการประเมินคำขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะ ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 12/2564

ตามที่ ก.ค.ศ. ได้มีประกาศตั้ง อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเฉพาะกิจเกี่ยวกับการประเมินให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานบริหารการศึกษา มีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ และเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ สาขาบริหารการศึกษา (ทุกสังกัด) ประกาศ ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 ซึ่งการกำหนดบัญชีรายชื่อคณะกรรมการดังกล่าว มาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มบัญชีตำแหน่ง และกลุ่มบัญชีรายชื่อ โดยปัจจุบันการดำเนินการในกลุ่มบัญชีตำแหน่ง กรณีที่กรรมการเกษียณอายุราชการหรือเปลี่ยนตำแหน่งในระหว่างที่การประเมินยังไม่เสร็จสิ้น ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนกรรมการระหว่างประเมิน และการดำเนินการในกลุ่มบัญชีรายชื่อ มีข้อมูลผู้ทรงคุณวุฒิไม่เป็นปัจจุบัน ประกอบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีข้อสั่งการเกี่ยวกับการเพิ่มสัดส่วนกรรมการประเมินวิทยฐานะที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา หรืออดีตผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.ค.ศ. จึงได้มีหนังสือแจ้งส่วนราชการต่าง ๆ เสนอรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิฯ เพื่อให้ ก.ค.ศ. พิจารณาแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการประเมินซึ่งส่วนราชการได้เสนอบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิฯ รวม 325 คน ดังนี้

- สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 20 คน
- สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 248 คน
- กรมส่งเสริมการเรียนรู้ จำนวน 57 คน

ดังนั้น เพื่อให้การประเมินวิทยฐานะมีความยืดหยุ่น สอดคล้องกับบริบทการจัดการศึกษา และการบริหารการศึกษาของแต่ละส่วนราชการ ก.ค.ศ. จึงได้มีมติ ดังนี้

1. เห็นชอบให้ยกเลิกบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการประเมินฯ สายงานบริหาร การศึกษา สาขาบริหารการศึกษา ที่ ก.ค.ศ. กำหนดไว้เดิม สำหรับคำขอมีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะฯ ที่แต่งตั้งคณะกรรมการประเมินแล้ว แต่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ให้ดำเนินการต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ

2. เห็นชอบบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิฯ เพื่อแต่งตั้งเป็นประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการใน อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเฉพาะกิจเกี่ยวกับการประเมินฯ ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 12/2564

     ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ทรงคุณวุฒิที่ส่วนราชการเสนอแล้ว ประกอบกับสำนักงาน ก.ค.ศ. ได้เสนอรายชื่อผู้บริหารระดับสูง สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และศึกษาธิการจังหวัด ที่มีคุณสมบัติตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด โดยจัดทำเป็นบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิฯ รวมจำนวน 486 คน

     สำหรับวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ให้สำนักงาน ก.ค.ศ. จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิฯ เพื่อแจ้งส่วนราชการทราบต่อไป และสำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญและวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ให้สำนักงาน ก.ค.ศ. เสนอ ก.ค.ศ. พิจารณา เห็นชอบก่อนเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธาน ก.ค.ศ. พิจารณาลงนามในประกาศตั้ง อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเฉพาะกิจฯ ต่อไป

3. มอบหมายสำนักงาน ก.ค.ศ. ตรวจสอบรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิตามที่ ก.ค.ศ. กำหนดและปรับปรุงบัญชีรายชื่อ ผู้ทรงคุณวุฒิกรณีเปลี่ยนชื่อ นามสกุล เสียชีวิต เกษียณ ลาออก เปลี่ยนตำแหน่ง ย้ายหน่วยงาน ฯลฯ โดยแก้ไขให้เป็นปัจจุบัน กรณีเพิ่มเติมรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิฯ หรือแก้ไขระดับวิทยฐานะให้ผู้ทรงคุณวุฒิประเมินในวิทยฐานะที่สูงขึ้น ต้องเสนอ ก.ค.ศ. พิจารณาอนุมัติก่อนดำเนินการ

4. เห็นชอบองค์ประกอบของคณะกรรมการประเมินคำขอมีวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ มีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ และเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 12/2564 โดยเห็นควรกำหนดให้มีคณะกรรมการประเมิน จำนวน 3 คน ต่อผู้ขอ 1 ราย ประกอบด้วย ประธานคณะกรรมการประเมิน จำนวน 1 คน กรรมการประเมิน จำนวน 2 คน และเลขานุการ จำนวน 1 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.ค.ศ. ที่เลขาธิการ ก.ค.ศ. มอบหมาย/ส่วนราชการมอบหมาย แล้วแต่กรณี

5. อนุมัติเป็นหลักการให้เลขาธิการ ก.ค.ศ. เป็นผู้พิจารณา ตั้งคณะกรรมการประเมิน จำนวน 3 คน จากบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด เป็น อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเฉพาะกิจ เกี่ยวกับการประเมินฯ ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา ให้มีหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญและวิทยฐานะ เชี่ยวชาญพิเศษ

     สำหรับวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ให้เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ อ.ก.ค.ศ. ที่ ก.ค.ศ. ตั้ง แล้วแต่กรณี เป็นผู้ตั้งคณะกรรมการประเมินจากบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ ก.ค.ศ. กำหนด ทั้งนี้ องค์ประกอบของคณะกรรมการให้เป็นไปตามข้อ 4

นอกจากนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ. ยังได้เสนอความคืบหน้า เรื่อง การกำหนดบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการประเมินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อให้มีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ ผ่านระบบการประเมินวิทยฐานะดิจิทัล (DPA) ให้ที่ประชุมทราบว่า ตามที่สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้มีหนังสือแจ้งให้ส่วนราชการต่าง ๆ เสนอรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีคุณสมบัติตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด เพื่อพิจารณากำหนดเป็นกรรมการประเมินผ่านระบบ DPA โดยให้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ ส่งถึงสำนักงาน ก.ค.ศ. และให้แจ้งผู้มีรายชื่อตามบัญชีรายชื่อที่ส่วนราชการเสนอ กรอกข้อมูลด้วยตนเองผ่านระบบรับสมัครกรรมการ ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.3/902 ลงวันที่ 4 สิงหาคม 2568 นั้น

ส่วนราชการต่าง ๆ ได้มีการเสนอรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อพิจารณากำหนดเป็นกรรมการประเมินผ่านระบบ DPA แล้ว โดยมีจำนวนผู้ทรงคุณวุฒิที่ส่วนราชการเสนอรายชื่อ เพื่อพิจารณากำหนดเป็นกรรมการประเมินผ่านระบบ DPA รวมทั้งสิ้น 6,251 คน โดยขณะนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้ตรวจสอบคุณสมบัติและข้อมูลของผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ส่วนราชการเสนอแล้ว มีผู้ทรงคุณวุฒิที่กรอกข้อมูลผ่านระบบรับสมัครและเป็นผู้มีคุณสมบัติเป็นไปตามที่กำหนด รวมทั้งสิ้น 1,180 คน ดังนี้

ในการนี้ สำนักงาน ก.ค.ศ. ได้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิที่มีคุณสมบัติ จำแนกตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ สังกัด ประเภทห้องเรียน และสาขาที่ประเมิน ซึ่ง อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในคราวประชุมครั้งที่ 10/2568 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีคุณสมบัติเพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการประเมินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้มีวิทยฐานะและเลื่อนวิทยฐานะ ผ่านระบบการประเมินวิทยฐานะดิจิทัล (DPA) ตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ว 9 - ว 11/2564 และ ว 18/2567 (เพิ่มเติม) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 

ที่มา สำนักงาน ก.ค.ศ.

ชุดไทยจิตรลดา โทนสีดำ ตัดเย็บจากผ้าไหมแพรทิพย์ งานละเอียดปราณีต แพทเทิร์นเข้ารูป สวยหรู ทันสมัย #ภาพถ่ายจากสินค้าจริง

฿1,790

https://s.shopee.co.th/8ANnSpUT4P?share_channel_code=6


ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 9/2568 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568ผลการประชุม ก.ค.ศ.ผลประชุม ก.ค.ศ.มติ ก.ค.ศ.มติที่ประชุม กคศผลการประชุม กคศ

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

การจัดการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 73 ปีการศึกษา 2568

การจัดการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 73 ปีการศึกษา 2568

เปิดอ่าน 8,259 ☕ 26 พ.ย. 2568

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
คุรุสภา เตรียมพร้อมจัดงานวันครู ครั้งที่ 70 พ.ศ.2569 "พระผู้ทรงเป็นแม่และครูแห่งแผ่นดิน"
คุรุสภา เตรียมพร้อมจัดงานวันครู ครั้งที่ 70 พ.ศ.2569 "พระผู้ทรงเป็นแม่และครูแห่งแผ่นดิน"
เปิดอ่าน 305 ☕ 4 ธ.ค. 2568

ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 8 ราย (26 พฤศจิกายน 2568)
ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ จำนวน 8 ราย (26 พฤศจิกายน 2568)
เปิดอ่าน 17,260 ☕ 3 ธ.ค. 2568

การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569
การจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สังกัด สพฐ. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569
เปิดอ่าน 857 ☕ 29 พ.ย. 2568

มาตรการและแนวปฏิบัติการดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2568 (ว49633)
มาตรการและแนวปฏิบัติการดำเนินการในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2568 (ว49633)
เปิดอ่าน 2,619 ☕ 27 พ.ย. 2568

ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 10/2568 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568
ผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 10/2568 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568
เปิดอ่าน 18,974 ☕ 27 พ.ย. 2568

"อรรถพล" เรียกร้องทุกพรรคการเมืองปฏิรูปอาชีพครู ถ้าไม่ทำการศึกษาไทยจะถอยหลังอีกเป็นสิบปี
"อรรถพล" เรียกร้องทุกพรรคการเมืองปฏิรูปอาชีพครู ถ้าไม่ทำการศึกษาไทยจะถอยหลังอีกเป็นสิบปี
เปิดอ่าน 931 ☕ 27 พ.ย. 2568

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ร่าง พรฎ.ปรับเงินเดือนครูฯ
ร่าง พรฎ.ปรับเงินเดือนครูฯ
เปิดอ่าน 37,626 ครั้ง

สลัดผักดีกับสุขภาพจริง แต่ต้องกินให้ถูกวิธีด้วยเช่นกัน
สลัดผักดีกับสุขภาพจริง แต่ต้องกินให้ถูกวิธีด้วยเช่นกัน
เปิดอ่าน 13,446 ครั้ง

โปรแกรมแว่นขยาย
โปรแกรมแว่นขยาย
เปิดอ่าน 30,291 ครั้ง

คุณค่าทางโภชนาการของ "ปลาดุกนา"
คุณค่าทางโภชนาการของ "ปลาดุกนา"
เปิดอ่าน 47,663 ครั้ง

กระแสอะไรที่จะช่วยปรับรูปแบบโครงสร้างการปฏิรูปการศึกษาของไทย โดย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์
กระแสอะไรที่จะช่วยปรับรูปแบบโครงสร้างการปฏิรูปการศึกษาของไทย โดย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์
เปิดอ่าน 86,694 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ