เรื่องที่ศึกษา : รายงานผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการ
บันทึกรายรับรายจ่าย กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถม
ศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านห้วยตอง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน
จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ผู้ศึกษา : นางกรรณิกา ใจอ้าย
ตำแหน่ง : ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
ปีที่ศึกษา : พ.ศ. 2559
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาคุณภาพ ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับรายจ่าย กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนบ้านห้วยตอง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80 / 80 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง เงินและการบันทึกรายรับรายจ่าย กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ก่อนและหลังการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ และความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ ด้วย แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับรายจ่าย ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบ้านห้วยตอง อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 6 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับรายจ่าย กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 7 เล่ม แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับรายจ่าย แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องเงินและการบันทึกรายรับรายจ่าย และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ ผู้ศึกษานำแบบฝึกทักษะไปใช้ใน โรงเรียนบ้านห้วยตอง ซึ่งผู้ศึกษาเป็นผู้ดำเนินการสอน ในปีการศึกษา 2559 ภาคเรียนที่ 2 และได้ประเมินประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ที่นำไปใช้ มีการทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน และมีการสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการศึกษาคือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ผลการทดลองใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับรายจ่าย เป็นไปตามสมมุติฐานที่กำหนดคือ
1.แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับรายจ่าย กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพโดยรวมเท่ากับ 93.02 / 87.50 โดยมีค่าประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1) เท่ากับ 93.02 และค่าประสิทธิภาพผลลัพธ์ (E2) เท่ากับ 87.50 ซึ่งสูงกว่า เกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่กำหนดไว้ เมื่อพิจารณาแบบฝึกทักษะทุกเล่มแล้ว พบว่า มีประสิทธิภาพ สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดทุกเล่ม
2. ผลการทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการใช้แบบฝึกทักษะสูงกว่าก่อนการใช้แบบฝึกทักษะโดยมีคะแนนเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย เท่ากับ 7.33 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 36.67
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เงินและการบันทึกรายรับรายจ่าย กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยรวม 4.60