Advertisement
11 สัญญาณเตือนว่าลูกกำลังโดนทำร้ายอยู่นะ/ดร.แพง ชินพงศ์
ในปัจจุบันมีเหตุการณ์ที่น่าเศร้าใจเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับเรื่องของการที่เด็กโดนทำร้าย ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการถูกทำร้ายทางด้านร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการถูกทำร้ายทางด้านวาจา เช่น คำพูดล้อเลียน ตั้งชื่อ สรรพนามแทนให้เป็นที่ขบขัน คำพูดด่าว่าหยาบคาย หรือการทำร้ายทางด้านอารมณ์ เช่น การบังคับขู่เข็ญ เหยียดหยาม หรือทางด้านสังคม เช่นตั้งกลุ่มมาเฟีย กีดกันการเข้าร่วมกลุ่ม และทำร้ายผ่านทางด้านระบบเครือข่ายทางอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการเขียนข้อความโจมตีใส่ร้าย นินทาด่าว่า เป็นต้น จากการศึกษาพบว่ามีการทำร้ายที่เกิดขึ้นในรูปแบบต่าง ๆ กับเด็กเป็นประจำทุกวัน ซึ่งส่วนใหญ่ลูกจะกลัวไม่กล้าบอกคุณพ่อคุณแม่ แต่มีสัญญาณเตือนที่สามารถบอกคุณพ่อคุณแม่ได้ว่าตอนนี้ลูกของเรากำลังโดนทำร้ายอยู่นะ สัญญาณต่าง ๆ เหล่านี้คือ
1. สัญญาณทางด้านร่างกาย สิ่งที่สามารถมองเห็นได้ชัดที่สุดว่าลูกเรากำลังโดนทำร้ายคงจะเป็นเรื่องของรอยแผลที่เกิดขึ้นบนร่างกาย เช่น รอยช้ำ แผลข่วน แผลถลอก หรือการได้รับบาดเจ็บอื่น ๆ ถ้าลูกชอบใส่เสื้อแจ๊กเก็ตแขนยาวไปโรงเรียนทุกวันแม้ในวันที่มีอากาศร้อน นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าลูกกำลังพยายามปกปิดอะไรบางอย่าง นอกจากนี้ อาการที่ส่งผลต่อร่างกายที่เกิดจากการถูกทำร้ายที่สังเกตได้ ก็คือ ลูกมีอาการซึมเศร้าซึ่งเกิดจากความเครียดที่โดนทำร้ายนั่นเอง
2. ข้าวของส่วนตัวสูญหายหรือเสียหาย ในกรณีเด็กที่ถูกทำร้ายมักจะกลับบ้านโดยที่เสื้อผ้าขาด หรือของหาย เช่น รองเท้า แว่นตา สมุด หนังสือ หรือของใช้ที่นำไปโรงเรียนเช่นกระเป๋านักเรียน หนังสือหรือสมุดถูกฉีกขาดมีรอยขีดเขียน ถ้ากรณีทั้งหมดที่กล่าวมาเกิดขึ้นกับลูกอยู่บ่อย ๆ อาจจะเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกที่โรงเรียนมากกว่าเป็นเรื่องที่ข้าวของหายหรือเสียหายธรรมดา
3. พฤติกรรมแปลก ๆ ในการใช้ห้องน้ำ เมื่อลูกกลับมาถึงบ้านจะรีบเข้าห้องน้ำก่อนเลย เพราะลูกอาจจะไม่ได้เข้าห้องน้ำมาตลอดทั้งวัน ผู้เขียนเคยได้ยินมาว่าการทำร้ายเด็กส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในห้องน้ำของโรงเรียน เช่น มีกลุ่มมาเฟียรุ่นพี่อยู่ในห้องน้ำคอยไถเงินเด็ก ๆ ที่เล็กกว่า ซึ่งถ้าเด็กไม่ยอมให้เงินก็จะถูกทำร้าย จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีเด็ก ๆหลายคนไม่กล้าเข้าไปใช้ห้องน้ำที่โรงเรียน
4. เริ่มไม่มีเพื่อน คุณพ่อคุณแม่ควรรู้จักเพื่อนของลูก กลุ่มเพื่อนที่ลูกมักจะเล่นด้วยหลังเลิกเรียน หรือระหว่างที่พักหลังรับประทานอาหารกลางวัน เพื่อนที่ลูกชอบโทรศัพท์ถึง แต่เมื่อลูกเริ่มหยุดพูดคุยกับเพื่อน ๆ เหล่านั้น และเริ่มมีอาการซึมเศร้า อาจเป็นเพราะลูกมีปัญหาทะเลาะกับเพื่อนหรือโดนเพื่อนรังแกก็ได้
5. เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ในกรณีที่เมื่อลูกกลับบ้านแล้วลูกหิวโซอย่างมากมาย นั่นอาจหมายความว่า ลูกไม่ได้ทานอาหารกลางวันซึ่งมีหลายกรณีที่การทำร้ายกันมักจะเกิดขึ้นในโรงอาหาร อาจจะเป็นการที่ลูกถูกเด็กอื่นแย่งอาหาร หรือมีเด็กอื่นแกล้งนำอาหารไปซ่อน
6.ความภาคภูมิใจในตนเองของลูกลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด โดยปกติแล้วชีวิตของเด็กๆก็ไม่ต่างจากชีวิตของคนในวัยอื่นๆคือมีวันที่ดีและวันที่ร้ายสลับกันไป แต่การที่ลูกกลับมาจากโรงเรียนแล้วมีแต่ความเศร้าใจ มีแต่ความกดดันหรือมีรอยน้ำตาอยู่บนใบหน้าอยู่เสมอ แสดงให้เห็นว่าเด็กต้องถูกบีบคั้นทำร้ายจากทางโรงเรียน ซึ่งเด็กๆที่ถูกทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะเป็นคนที่มีบุคลิกภาพที่ขาดความเชื่อมั่นในตนเองและมีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำ(Low self-esteem)
7. มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป การที่ลูกมีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำจากสาเหตุของการถูกทำร้ายจากที่โรงเรียนจะทำให้ลูกมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป และมักจะมีพฤติกรรมชอบการทำร้ายตัวเองหรือในเด็กบางคนอาจพยายามฆ่าตัวตาย ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ทำให้เห็นได้ชัดแล้วว่าเราควรจะรีบพาลูกไปพบจิตแพทย์
8. เกลียดการไปโรงเรียน แน่นอนว่า เด็ก ๆส่วนใหญ่มักจะไม่อยากไปโรงเรียน แต่เมื่อลูกเกลียดการไปโรงเรียนถึงขนาดก้าวร้าวอาละวาด นั่นอาจจะเป็นสัญญาณบอกว่ามีอะไรที่เกิดขึ้นกับลูกที่โรงเรียนซึ่งคุณพ่อคุณแม่ตะต้องตรวจสอบโดยทันที
9. หงุดหงิดกับเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ ปัจจุบันมีการทำร้ายกันเพิ่มขึ้นอีกช่องทางหนึ่งคือทางสื่ออินเตอร์เน็ต โดยการส่งข้อความหรือรูปภาพที่ไม่น่าดูหรือเป็นเรื่องที่ใส่ร้ายป้ายสีกัน ซึ่งลูกเราอาจตกเป็นเหยื่อของสังคมออนไลน์ ดังนั้นเมื่อเราสังเกตว่าลูกเราที่โดยปกติแล้วชอบเล่นหรือติดเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมือถือ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟนต่าง ๆ เริ่มไม่ใช้เครื่องมือสื่อสารต่างๆและมีอารมณ์หงุดหงิดทุกครั้งเมื่อเปิดเครื่องมือสื่อสารขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณแล้วว่าลูกอาจจะได้รับการทำร้ายผ่านทางสังคมออนไลน์
10. มีปัญหาเรื่องของการนอนหลับพักผ่อน หากลูกมีปัญหาเรื่องของการนอนไม่หลับ ฝันร้าย ปัสสาวะรดที่นอน ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกิดจากความเครียดที่อาจจะมาจากการที่ลูกถูกทำร้ายก็ได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหาสาเหตุเพื่อที่จะแก้ไขอย่างทันท่วงที
11. เปลี่ยนพฤติกรรมในกิจวัตรประจำวัน หรือจากสิ่งที่สนใจ ให้เราสังเกตดูว่าลูกมีการเปลี่ยนแปลง เช่น เคยชอบเข้าชมรมกีฬา ชมรมศิลปะ ชมรมดนตรีที่โรงเรียนแล้วลูกไม่ยอมที่จะไปเข้าชมรมนั้น ๆ อีก การที่ลูกเปลี่ยนพฤติกรรมโดยไม่ยอมเข้าร่วมกับชมรมเพื่อทำกิจกรรมต่างๆที่เคยชอบทำนั้น อาจเป็นเพราะว่าลูกกำลังหลีกเลี่ยงการที่ต้องเข้าไปมีส่วนในการถูกทำร้ายทางด้านร่างกายหรือทางด้านจิตใจจากคนที่อยู่ในชมรมนั้นก็เป็นได้
การทำร้ายกันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นปัญหาที่ผู้ถูกทำร้ายจะได้รับความทุกข์และความเจ็บปวดอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจจนนำไปสู่ปัญหาที่ร้ายแรงที่สุด คือ การฆ่าตัวตาย ดังนั้น การที่เราทราบถึงสาเหตุปัญหาที่เกิดขึ้นและกำจัดให้หมดไปได้นั้นจะช่วยให้ลูกมีความสุขทั้งด้านการเรียน และกับเพื่อนๆที่โรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรติดต่อสื่อสารกับผู้ปกครองด้วยกันอีกทั้งสานสัมพันธ์ระหว่างบ้านและโรงเรียนอยู่เสมอ เพื่อที่เมื่อมีปัญหาใดเกิดขึ้นกับลูก คุณพ่อคุณแม่จะได้ช่วยเหลือแก้ไขได้ทันท่วงที
ขอบคุณที่มาจาก MGR Online วันที่ 27 มิถุนายน 2559 15:42 น.
🖼สำหรับคุณครูไว้ใส่เกียรติบัตรสวยและถูก🖼 กรอบป้ายอะคริลิคตั้งโต๊ะ A4 แนวนอน 30x21.5 cm อะคริลิคใส 1 หน้า ทรง L (A4L1P) คลิกเลย👇👇
฿129https://s.shopee.co.th/1qLFIZVf4t?share_channel_code=6
Advertisement
เปิดอ่าน 10,751 ครั้ง เปิดอ่าน 13,173 ครั้ง เปิดอ่าน 36,352 ครั้ง เปิดอ่าน 14,861 ครั้ง เปิดอ่าน 14,478 ครั้ง เปิดอ่าน 16,555 ครั้ง เปิดอ่าน 9,306 ครั้ง เปิดอ่าน 10,427 ครั้ง เปิดอ่าน 15,860 ครั้ง เปิดอ่าน 5,489 ครั้ง เปิดอ่าน 24,750 ครั้ง เปิดอ่าน 17,388 ครั้ง เปิดอ่าน 17,928 ครั้ง เปิดอ่าน 26,127 ครั้ง เปิดอ่าน 15,410 ครั้ง เปิดอ่าน 10,499 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 12,076 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 13,331 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 12,544 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 10,968 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 11,746 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 22,102 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 12,355 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 10,389 ครั้ง |
เปิดอ่าน 13,282 ครั้ง |
เปิดอ่าน 19,067 ครั้ง |
เปิดอ่าน 3,403 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,284 ครั้ง |
|
|