ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้และความพึงพอใจต่อการเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่

การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้และความพึงพอใจต่อการเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างการสอนด้วย

เกมทางภาษาและการสอนแบบปกติ

A Comparison of Grade 5 Students’ Academic Achievements and Satisfactions towards English Grammar Learning between Teaching through Language Games and Conventional Methods.

นางสาวเรไร เสาเวียง

สาขาวิชา การสอนภาษาอังกฤษ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้และความพึงพอใจต่อการเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างการสอนด้วยเกมทางภาษาและการสอนแบบปกติ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนชุมชนบ้านโนนสมบูรณ์ (ธนาคารกรุงเทพ 29) อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 50 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นเครื่องมือที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ได้แก่ (1) แผนการเรียนรู้ (2) เกมทางภาษา (3) แบบวัดผลการเรียนรู้ (4) แบบวัดความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ค่าแปรปรวน ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบหาค่าความแตกต่างของผลการเรียนรู้และความพึงพอใจโดยการหาค่า t – test independent จากการศึกษาพบว่า นักเรียนที่เรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษด้วยกิจกรรมเกมทางภาษา มีผลการเรียนรู้และความพึงพอใจสูงกว่านักเรียนที่เรียนแบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

The objective of this study was to compare Grade 5 students’ academic achievements and their attitudes towards English grammar learning between two teaching methods: teaching through language games and conventional methods.

Fifty Grade 5 students from Choomchon Baannonsomboon School (Bangkok Bank29) in Buengkarn province, in the academic year 2016, were used as the samples in the research. These samples were divided into two groups: the experimental group consisted of 25 students who learned English grammar through language games while the control group comprised 25 students who were taught by the conventional methods.

The tools used for conducting the research and collecting data were eight lesson plans, four language games, one summative test and one satisfaction test. The total of 10 teaching periods was allocated to each group.

The data was analyzed by descriptive statistics including mean, variation, standard deviation, and t – test independent was employed to compare the statistical difference between the two groups. For the research finding, it was found that a significant difference at the 0.05 level was observed both in terms of students’ academic achievements and attitudes between the two groups.

วัตถุประสงค์การวิจัย

1.เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

ที่ได้รับการสอนด้วยเกมทางภาษาและการสอนแบบปกติ

2.เพื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจของนักเรียนที่ได้รับการสอนด้วยเกมทางภาษาและนักเรียนที่ได้รับการสอนแบบปกติ

ผลการวิจัย

ผลการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยเกมทางภาษาสูงนักเรียนที่เรียนแบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยเกมทางภาษาสูงกว่านักเรียนที่เรียนแบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

อภิปรายผลการวิจัย

การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้และความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ต่อการเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษระหว่างการสอนด้วยเกมทางภาษาและการสอนแบบปกติ โดยสามารถสรุปผลอภิปรายได้ดังนี้

1.เปรียบเทียบผลการเรียนทางการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการสอนด้วยเกมทางภาษาและการสอนแบบปกติ ของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม พบว่า ผลการเรียนรู้ทางการเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษสูงกว่าการเรียนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ที่ว่าผลการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการสอนด้วยเกมทางภาษาสูงกว่านักเรียนที่ได้รับการสอนแบบปกติ ทั้งนี้อาจพิจารณาได้ว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากประเด็นสำคัญดังนี้ เกมทางภาษาช่วยให้นักเรียนเกิดความสนุกสนานและนักเรียนเกิดการเรียนรู้ผ่านการเล่นเกมนั้นๆ ดังที่ ทิศนา แขมมณี (2552, หน้า 369) ได้กล่าวถึงข้อดีของการใช้กิจกรรมเกมทางภาษาว่า เป็นวิธีสอนที่ช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้สูง ผู้เรียนได้รับความสนุกสนานและเกิดการเรียนรู้จากการเล่น ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยการเห็นประจักษ์แจ้งด้วยตนเอง ทำให้การเรียนรู้นั้นมีความหมายและอยู่คงทน ซึ่งในการเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ผู้วิจัยได้นำเกมมาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจของนักเรียน โดยกิจกรรมเกมทางภาษานี้จะเล่นเป็นทีม เพื่อฝึกให้นักเรียนมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เกิดความสามัคคี ในขณะที่ทำกิจกรรมเกทมทางภาษา ผู้วิจัยจะคอยสังเกตและเดินไปตามกลุ่มเพื่อให้คำแนะนำ จากการใช้เกมทางภาษาในการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ พบว่า นักเรียนมีความตื่นเต้นอย่างมาก กระตือรือร้นต่อการร่วมกิจกรรม ที่สำคัญนั้น นักเรียนมีความกล้าแสดงออก ถึงแม้ว่านักเรียนจะตอบผิด แต่ก็ทำให้ผู้วิจัยได้ทราบว่านักเรียนยังไม่เข้าใจเนื้อหาที่สอน ผู้วิจัยสามารถแก้ไขและแนะนำได้ทันที นักเรียนก็มิได้รู้สึกอายที่ตอบผิด แต่กลับทำให้นักเรียนจดจำสิ่งที่ผิดพลาดได้ดียิ่งขึ้น จึงทำให้นักเรียนที่เรียนด้วยเกมทางภาษามีผลการเรียนรู้ที่ดี ซึ่งตรงกับงานวิจัยของบุปผรัตน์ ทับทิมโกมลกุล (2555, บทคัดย่อ) เรื่อง ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้กิจกรรมเกมทางภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า แผนการจัดการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้กิจกรรมเกมทางภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ 79.18/78.00 ดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารโดยใช้กิจกรรมเกมทางภาษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.5968 ซึ่งหมายความว่า นักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนคิดเป็นร้อยละ 59.68

2.ความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มที่เรียนด้วยเกมทางภาษามีความพึงพอใจสูงกว่ากลุ่มที่เรียนแบบปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ อาจเพราะการเรียนด้วยเกมทางภาษากระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสนใจ นักเรียนมีส่วนร่วม และยังช่วยทบทวนความเข้าใจเรื่องที่เรียนอีกด้วย ซึ่งมีความแตกต่างจากการสอนแบบปกติที่ครูจะเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ ซึ่งการเรียนไวยากรณ์ลักษณะนี้อาจจะทำให้นักเรียนไม่มีโอกาสได้ผ่อนคลาย ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ณัฐชไม หาดฟัก (2554, บทคัดย่อ) เรื่อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษและความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนโดยการใช้เกมกับการสอนตามคู่มือครู พบว่า ความพึงพอใจของกลุ่มที่เรียนโดยใช้เกมสูงกว่ากลุ่มที่เรียนโดยการสอนตามคู่มือครู อย่างทีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 เนื่องจากกิจกรรมเกมทางภาษาช่วยสร้างบรรยากาศให้ผู้เรียนเกิดความจำระยะยาวและสามารถดึงความรู้นั้นออกมาใช้ได้เมื่อต้องการ เกิดจากความสุขที่ได้เล่นเกมประกอบกับการสอน

โพสต์โดย Bee : [3 พ.ย. 2560 เวลา 16:56 น.]
อ่าน [3019] ไอพี : 101.109.125.140
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,520 ครั้ง
วิธีแต่งบ้านคลายร้อน
วิธีแต่งบ้านคลายร้อน

เปิดอ่าน 8,343 ครั้ง
ประเทศไทยได้อะไร... จากการรอใช้ 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซ์
ประเทศไทยได้อะไร... จากการรอใช้ 3จี บนคลื่น 2.1 กิกะเฮิร์ตซ์

เปิดอ่าน 19,728 ครั้ง
กระทรวงศึกษาธิการกับการปรับโครงสร้าง
กระทรวงศึกษาธิการกับการปรับโครงสร้าง

เปิดอ่าน 10,858 ครั้ง
แก้ปัญหา รักแร้ดำ
แก้ปัญหา รักแร้ดำ

เปิดอ่าน 26,653 ครั้ง
เมื่องานที่ทำ ยังไม่เป็นงานที่ใช่ จะอยู่ทำก่อนหรือจากไป
เมื่องานที่ทำ ยังไม่เป็นงานที่ใช่ จะอยู่ทำก่อนหรือจากไป

เปิดอ่าน 14,029 ครั้ง
น้ำผึ้งจากดอกลำไย
น้ำผึ้งจากดอกลำไย

เปิดอ่าน 27,862 ครั้ง
มาค้นหาไฟล์ใหญ่ๆในฮาร์ดดิสก์กันเถอะ
มาค้นหาไฟล์ใหญ่ๆในฮาร์ดดิสก์กันเถอะ

เปิดอ่าน 10,354 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษา คือ รากฐานของการปฏิรูปประเทศ โดย รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์
ปฏิรูปการศึกษา คือ รากฐานของการปฏิรูปประเทศ โดย รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์

เปิดอ่าน 2,253 ครั้ง
ประโยชน์ของขมิ้นชัน
ประโยชน์ของขมิ้นชัน

เปิดอ่าน 25,652 ครั้ง
เทรนด์ชุดนักศึกษาแบบตัวใหญ่ไม่รัดติ้ว กำลังจะกลับมา จริงหรือ?
เทรนด์ชุดนักศึกษาแบบตัวใหญ่ไม่รัดติ้ว กำลังจะกลับมา จริงหรือ?

เปิดอ่าน 13,185 ครั้ง
ชมย้อนหลัง วอลเล่ย์บอลสาวเกาหลีใต้ชนะจีน 3-2 เซต คว้าที่ 3 เมื่อวันที่ 21 ก.ย.56
ชมย้อนหลัง วอลเล่ย์บอลสาวเกาหลีใต้ชนะจีน 3-2 เซต คว้าที่ 3 เมื่อวันที่ 21 ก.ย.56

เปิดอ่าน 12,387 ครั้ง
คิดสักนิด...เพื่อจิตบริสุทธิ์
คิดสักนิด...เพื่อจิตบริสุทธิ์

เปิดอ่าน 14,773 ครั้ง
แนวปฏิบัติการเสนอหนังสือราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
แนวปฏิบัติการเสนอหนังสือราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

เปิดอ่าน 28,781 ครั้ง
กระบี่กระบอง
กระบี่กระบอง

เปิดอ่าน 32,718 ครั้ง
เทคนิคการวิ่งไม่ให้ปวดเข่า
เทคนิคการวิ่งไม่ให้ปวดเข่า

เปิดอ่าน 11,896 ครั้ง
ถั่งเช่า ยาอายุวัฒนะ
ถั่งเช่า ยาอายุวัฒนะ
เปิดอ่าน 25,465 ครั้ง
ทักษะอะไรที่นายจ้างยุคเศรษฐกิจ 4.0 ต้องการ ?
ทักษะอะไรที่นายจ้างยุคเศรษฐกิจ 4.0 ต้องการ ?
เปิดอ่าน 29,163 ครั้ง
ย้อนรอยสายราชสกุล…ในพระบรมราชจักรีวงศ์ (จบ)
ย้อนรอยสายราชสกุล…ในพระบรมราชจักรีวงศ์ (จบ)
เปิดอ่าน 16,049 ครั้ง
เด็กนอนเป็นเวลาปัญญาดี ยิ่งนอนตั้งแต่หัวค่ำยิ่งหัวไวยิ่งกว่าเพื่อน
เด็กนอนเป็นเวลาปัญญาดี ยิ่งนอนตั้งแต่หัวค่ำยิ่งหัวไวยิ่งกว่าเพื่อน
เปิดอ่าน 465 ครั้ง
ผลวิจัยชี้การมีกิจกรรมทางกายทั้งวันธรรมดาและวันหยุด ช่วยลดการเจ็บป่วยโรคหัวใจและสมอง มากถึงร้อยละ 38
ผลวิจัยชี้การมีกิจกรรมทางกายทั้งวันธรรมดาและวันหยุด ช่วยลดการเจ็บป่วยโรคหัวใจและสมอง มากถึงร้อยละ 38

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
Koi360
คลินิกเสริมความงาม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 081-3431047

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ