ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการใช้เอกสารประกอบการเรียน วิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

ในการดำเนินการพัฒนาเอกสารประกอบการเรียน วิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ผู้รายงานได้กำหนดขั้นตอนในการดำเนินการศึกษาตามลำดับ ดังนี้

1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล

3. การสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า

4. แบบแผนการทดลอง

5. การเก็บรวบรวมข้อมูล

6. การวิเคราะห์ข้อมูล

7. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

1.1 ประชากร

ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดโสธร

-วรารามวรวิหาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 3 ห้องเรียน รวม 109 คน

1.2 กลุ่มตัวอย่าง

กลุ่มตัวอย่างใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 โรงเรียน วัดโสธรวรารามวรวิหาร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 36 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)

เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล

1. เอกสารประกอบการเรียน วิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 6 เล่ม

2. แบบประเมินทักษะฟุตซอลสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 30 ข้อ

4. แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียน วิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 10 ข้อ

การสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า

1. การสร้างเอกสารประกอบการเรียน วิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ผู้รายงานได้ดำเนินการตามลำดับดังนี้

1.1 ศึกษาเอกสารหลักสูตรวิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เพื่อวิเคราะห์เนื้อหา และจุดมุ่งหมายเพื่อใช้ในการสร้างเอกสารประกอบการเรียน

1.2 ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับหลักการและวิธีการสร้างเอกสารประกอบการเรียน จากเอกสารตำรา และงานวิจัยเพื่อเป็นแนวทางในการจัดเนื้อหา

1.3 สร้างเอกสารประกอบการเรียน วิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 6 เล่ม ดังนี้

เล่มที่ 1 เรื่อง ประวัติและความรู้ทั่วไปกีฬาฟุตซอล

เล่มที่ 2 เรื่อง การเลี้ยงบอลและการรับส่งลูกบอล

เล่มที่ 3 เรื่อง การควบคุมลูกบอลและการยิงประตู

เล่มที่ 4 เรื่อง การโทม่งลูกบอลและการรักษาประตู

เล่มที่ 5 เรื่อง กฎ กติกา กีฬาฟุตซอล

เล่มที่ 6 เรื่อง รูปแบบการเล่นกีฬาฟุตซอล

1.4 นำเอกสารประกอบการเรียน วิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่สร้างขึ้นเสนอให้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน เป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพเหมาะสมในด้านเนื้อหา ด้านภาษาที่ใช้ ด้านการจัดรูปเล่มและการพิมพ์ ดังมีรายนามดังต่อไปนี้

1.4.1 นายศิริ เผือกพูลผล ครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนบางน้ำเปรี้ยววิทยา

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6

1.4.2 นายทศทิศ เทวารุธ ครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนดัดดรุณี

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6

1.4.3 นายไพโรจน์ ขำสำอาง ครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6

1.4.4 นายวิโรจน์ สิรถนอมทรัพย์ ครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6

1.4.5 นายโกมล กำเนิดหิน ครูชำนาญการพิเศษ

โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฏิ์

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6

โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้

คะแนน 5 หมายถึง มีคุณภาพในระดับมากที่สุด

คะแนน 4 หมายถึง มีคุณภาพในระดับมาก

คะแนน 3 หมายถึง มีคุณภาพในระดับปานกลาง

คะแนน 2 หมายถึง มีคุณภาพในระดับน้อย

คะแนน 1 หมายถึง มีคุณภาพในระดับน้อยที่สุด

1.5 นำผลการประเมินคุณภาพของเอกสารหลักสูตรวิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จากผู้เชี่ยวชาญ ทั้ง 5 คน มาหาค่าเฉลี่ยโดยใช้เกณฑ์ของ บุญชม ศรีสะอาด (2545, หน้า 102-103) ดังนี้

ช่วงคะแนนเฉลี่ย การแปลผล

4.51 - 5.00 มีคุณภาพในระดับมากที่สุด

3.51 - 4.50 มีคุณภาพในระดับมาก

2.51 - 3.50 มีคุณภาพในระดับปานกลาง

1.51 - 2.50 มีคุณภาพในระดับน้อย

1.00 - 1.50 มีคุณภาพในระดับน้อยที่สุด

ผลการประเมินคุณภาพพบว่าเอกสารประกอบการเรียน วิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเฉลี่ยโดยรวมเท่ากับ 4.56 ซึ่งมีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด

1.6 นำเอกสารประกอบการเรียน วิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยมีการดำเนินการดังนี้

1.6.1 การหาประสิทธิภาพแบบเดี่ยว (Individual Tryout) นำเอกสาร

ประกอบการเรียน วิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 ที่มีระดับการเรียนรู้แตกต่างกัน จำนวน 3 คน แบ่งเป็นเก่ง 1 คน ปานกลาง 1 คน และอ่อน 1 คน เพื่อดูความเหมาะสมของเนื้อหา แล้วนำผลมาคำนวณหาค่าประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน ได้ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) = 73.33/72.22

1.6.2 การหาประสิทธิภาพแบบกลุ่มย่อย (Small Group Tryout) นำเอกสาร

ประกอบการเรียน วิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะให้เหมาะสมและสมบูรณ์ขึ้นไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 ที่มีระดับความรู้แตกต่างกัน จำนวน 9 คน แบ่งเป็น เก่ง 3 คน ปานกลาง 3 คน และอ่อน 3 คน เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของเนื้อหาเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมและสมบูรณ์ยิ่งขึ้นแล้วนำผลมาคำนวณหาค่าประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียนได้ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) = 77.78/74.81

1.6.3 การหาประสิทธิภาพแบบกลุ่มใหญ่ (Field Tryout) นำเอกสาร

ประกอบการเรียน วิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้ปรับปรุงแก้ไขตามข้อเสนอแนะให้เหมาะสม และสมบูรณ์มากขึ้นไปทดลองกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 โรงเรียนวัดโสธรวรา-รามวรวิหาร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 ที่มีระดับการเรียนรู้แตกต่างกัน จำนวน 30 คน แบ่งเป็น เก่ง 10 คน ปานกลาง 10 คน และอ่อน 10 คน จำนวน 30 คน แล้วนำผลมาคำนวณหาค่าประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียน ได้ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) = 84.17/82.56

1.6.4 นำเอกสารประกอบการเรียนวิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่

4 ที่ปรับปรุงแก้ไขเป็นฉบับสมบูรณ์แล้วไปใช้จริงกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 จำนวน 36 คน

2. แบบประเมินทักษะฟุตซอล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ผู้รายงานได้ดำเนินการตามลำดับดังนี้

2.1 ศึกษาคู่มือ ตำรา เอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนแนวคิด หลักการและทฤษฎีเกี่ยวกับการสร้างแบบทดสอบทักษะฟุตซอล

2.2 วิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับทักษะของฟุตซอลในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า ทักษะพื้นฐานที่สำคัญ ได้แก่ การครอบครองลูกฟุตซอล การเลี้ยงลูกฟุตซอล การเตะลูก ฟุตซอล การหยุดลูกฟุตซอล การรับ - การส่ง ลูกฟุตซอล การยิงประตู และทำการสร้างแบบทดสอบทักษะต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 7 รายการ ดังนี้

1) การเดาะลูกฟุตซอล

2) การเลี้ยงลูกฟุตซอล

3) การเตะลูกฟุตซอล

4) การหยุดลูกฟุตซอล

5) การรับ - การส่ง ลูกฟุตซอล

6) การยิงประตู

2.3 นำแบบประเมินทักษะฟุตซอลให้ผู้เชี่ยวชาญชุดเดิม จำนวน 5 คน ตรวจสอบความถูกต้อง ความชัดเจนของภาษา ความครอบคลุมเนื้อหา และประเมินความสอดคล้องระหว่างแบบประเมินกับจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้

ให้คะแนน + 1 เมื่อแน่ใจว่าข้อสอบนั้นวัดตามจุดประสงค์

ให้คะแนน 0 เมื่อไม่แน่ใจว่าข้อสอบนั้นวัดตามจุดประสงค์

ให้คะแนน - 1 เมื่อแน่ใจว่าข้อสอบนั้นไม่วัดตามจุดประสงค์

2.4 นำผลที่ได้จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์ข้อมูล หาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามของแบบทดสอบกับผลการเรียนรู้ที่คาดหวังโดยใช้สูตร IOC เลือกข้อ ที่มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.50 ถึง 1.00 จากผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ท่าน พบว่า มีค่าอยู่ระหว่าง 0.60-1.00

2.5 จัดพิมพ์แบบประเมินที่ผ่านการปรับปรุงแก้ไขแล้วเป็นแบบประเมินฉบับจริงเพื่อ ใช้เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป

3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผู้รายงานมีการดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้

3.1 ศึกษาเนื้อหาของหลักสูตร วิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4

3.2 ศึกษาทฤษฎี หลักการ และวิธีการสร้างแบบทดสอบ

3.3 วิเคราะห์เนื้อหาและจุดประสงค์ของเนื้อหาแต่ละเรื่องเพื่อเขียนจุดประสงค์ เชิงพฤติกรรม

3.4 สร้างแบบทดสอบชนิดปรนัย 4 ตัวเลือก โดยให้ครอบคลุมเนื้อหาและจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ในแต่ละเรื่อง จำนวน 50 ข้อ ใช้จริง 30 ข้อ

3.5 นำแบบทดสอบที่ได้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญชุดเดิม จำนวน 5 คน เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ความชัดเจนของภาษา ความครอบคลุมเนื้อหา และประเมินความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์การเรียนรู้ โดยมีเกณฑ์การให้คะแนนดังนี้

ให้คะแนน + 1 เมื่อแน่ใจว่าข้อสอบนั้นวัดตามจุดประสงค์

ให้คะแนน 0 เมื่อไม่แน่ใจว่าข้อสอบนั้นวัดตามจุดประสงค์

ให้คะแนน - 1 เมื่อแน่ใจว่าข้อสอบนั้นไม่วัดตามจุดประสงค์

3.6 นำผลที่ได้จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์ข้อมูล หาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามของแบบทดสอบกับจุดประสงค์การเรียนรู้โดยใช้สูตร IOC เลือกข้อที่มีค่า IOC ตั้งแต่ 0.50 ถึง 1.00 จากผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 ท่าน พบว่า มีค่าอยู่ระหว่าง 0.60-1.00

3.7 นำแบบทดสอบที่ปรับปรุงแก้ไขแล้วตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ไปทดสอบ กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดโสธรวรารามวรวิหาร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 30 คน เพื่อตรวจหาคุณภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

3.8 นำผลการทดสอบมาตรวจให้คะแนนและนำมาวิเคราะห์หาความยากง่าย (p) ค่าอำนาจจำแนก (r) เป็นรายข้อ (สมนึก ภัททิยธนี, 2546, หน้า 212-221) โดยคัดเลือกหรือปรับปรุงแบบทดสอบที่มีค่าความยากง่ายระหว่าง 0.20-0.80 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.20 ขึ้นไป เลือกมา เป็นแบบทดสอบจำนวน 30 ข้อ ผลการคัดเลือกได้ค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง 0.33 - 0.67 และค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.27-0.60

3.9 หาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบโดยใช้สูตร KR-20 ของ Kuder-Richardson (สมนึก ภัททิยธนี, 2546, หน้า 223) ได้ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.85

2.10 จัดพิมพ์แบบทดสอบที่ผ่านการปรับปรุงแก้ไขแล้วเป็นแบบทดสอบฉบับจริงเพื่อ ใช้เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป

3. แบบวัดความพึงพอใจที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียนวิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209)

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ผู้รายงานมีการดำเนินการ ตามขั้นตอน ดังนี้

3.1 ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับวิธีการสร้างแบบวัดความพึงพอใจ

3.2 สร้างแบบวัด ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับดังนี้

มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย และน้อยที่สุด จำนวน 20 ข้อ ใช้จริง 10 ข้อ

3.3 กำหนดเกณฑ์การให้คะแนนความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อเอกสาร

ประกอบการเรียนวิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์ ดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด, 2545, หน้า 100) กำหนดการให้คะแนนประเมินผลตามหลักเกณฑ์ ดังนี้

มีความพึงพอใจมากที่สุด ให้ 5 คะแนน

มีความพึงพอใจมาก ให้ 4 คะแนน

มีความพึงพอใจปานกลาง ให้ 3 คะแนน

มีความพึงพอใจน้อย ให้ 2 คะแนน

มีความพึงพอใจน้อยที่สุด ให้ 1 คะแนน

กำหนดเกณฑ์การแปลความหมายของค่าเฉลี่ย ดังนี้

ค่าเฉลี่ย 4.51 – 5.00 แปลความว่า มีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด

ค่าเฉลี่ย 3.51 – 4.50 แปลความว่า มีความพึงพอใจในระดับมาก

ค่าเฉลี่ย 2.51 – 3.50 แปลความว่า มีความพึงพอใจในระดับปานกลาง

ค่าเฉลี่ย 1.51 – 2.50 แปลความว่า มีความพึงพอใจในระดับน้อย

ค่าเฉลี่ย 1.00 – 1.50 แปลความว่า มีความพึงพอใจในระดับน้อยที่สุด

3.4 นำแบบวัดความพึงพอใจที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียนวิชา ฟุตซอล 2

(พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่สร้างขึ้นเสนอผู้เชี่ยวชาญชุดเดิมพิจารณาตรวจสอบความถูกต้อง ความเที่ยงตรงของข้อคำถามแต่ละข้อ (IOC) พบว่า มีค่า ตั้งแต่ 0.80 ถึง 1.00 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้

3.5 นำแบบวัดความพึงพอใจที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียนวิชา ฟุตซอล 2

(พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่ปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญไปทดลองใช้ (Try Out) กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เป็นกลุ่มทดลองการหาประสิทธิภาพแบบกลุ่มใหญ่ (Field Tryout) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 30 คน

3.6 นำแบบวัดความพึงพอใจทั้งฉบับมาหาค่าความเชื่อมั่น โดยหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา (Alpha-coefficient) ของครอนบัค (Cronbach) พบว่า มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.92

3.7 พิมพ์แบบวัดความพึงพอใจที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียนวิชา ฟุตซอล 2

(พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ฉบับจริงเพื่อนำไปใช้เก็บข้อมูลต่อไป

แบบแผนการทดลอง

การทดลองครั้งนี้ใช้รูปแบบแผนการทดลอง One Group Pretest-Posttest Design

ดังแสดงในตารางที่ 3

ตารางที่ 3 แบบแผนการทดลองแบบ One Group Pre-test Post-test Design

กลุ่ม Pre-test Treatment Post-test

ทดลอง T1 X T2

เมื่อ T1 หมายถึง การทดสอบก่อนการทดลอง (Pre-test)

T2 หมายถึง การทดสอบหลังการทดลอง (Post-test)

X หมายถึง การเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียน

การเก็บรวบรวมข้อมูล

1. ผู้รายงานได้อธิบายชี้แจงทำความตกลงกับนักเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างในเรื่องการเรียน เวลาเรียน วิธีการในการเรียน

2. ทำการเก็บข้อมูลก่อนทดลอง โดยให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่างทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ และประเมินทักษะฟุตซอล จำนวน 6 รายการ เพื่อนำคะแนนที่ได้เป็นคะแนนทดสอบก่อนเรียน

3. ให้นักเรียนกลุ่มตัวอย่างเรียนด้วยเอกสารประกอบการเรียนวิชา ฟุตซอล 2

(พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และให้ทำแบบทดสอบท้ายเล่ม และประเมินทักษะฟุตซอล เพื่อนำคะแนนที่ได้เป็นคะแนนระหว่างเรียน

4. หลังจากนักเรียนทดลองเรียนครบทั้ง 6 เล่มแล้ว ให้นักเรียนทำแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ ประเมินทักษะฟุตซอลด้วยแบบประเมินชุดเดิม เพื่อนำคะแนนที่ได้เป็นคะแนนทดสอบหลังเรียนและให้นักเรียนทำแบบวัดความพึงพอใจ จำนวน 10 ข้อ

5. ตรวจผลการทำแบบทดสอบท้ายเล่ม แบบประเมินทักษะประจำเล่ม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบประเมินทักษะฟุตซอล ที่ได้จากการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน และแบบวัดความพึงพอใจ แล้วจึงนำไปวิเคราะห์โดยใช้วิธีการทางสถิติต่อไป

การวิเคราะห์ข้อมูล

ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้รายงานได้ดำเนินการดังนี้

1. วิเคราะห์ประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียนวิชา ฟุตซอล 2

(พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์ 80/80 โดยหาค่าร้อยละ

2. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการเรียนด้วยเอกสารประกอบการ

เรียนวิชา ฟุตซอล 2 (พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4โดยใช้สูตร t-test แบบ dependent Samples

3. วิเคราะห์ความพึงพอใจที่มีต่อเอกสารประกอบการเรียนวิชา ฟุตซอล 2

(พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

1. สถิติพื้นฐาน

1.1 ค่าร้อยละ (Percentage) โดยใช้สูตรดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด, 2546, หน้า 101)

เมื่อ P แทน ร้อยละ

f แทน ความถี่ที่ต้องการแปลงให้เป็นร้อยละ

N แทน จำนวนความถี่ทั้งหมด

1.2 ค่าเฉลี่ย ( ) โดยใช้สูตร (บุญชม ศรีสะอาด, 2545, หน้า 105)

เมื่อ แทน ค่าเฉลี่ย

แทน ผลรวมคะแนนทั้งหมดในกลุ่ม

n แทน จำนวนนักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง

1.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) โดยใช้สูตร (บุญชม ศรีสะอาด, 2545, หน้า 106)

เมื่อ S.D. แทน ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

n แทน จำนวนนักเรียนในกลุ่มตัวอย่าง

X แทน ผลรวมของคะแนน

X2 แทน ผลรวมของคะแนนแต่ละค่ายกกำลังสอง

2. สถิติที่ใช้ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ

2.1 การหาค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ของเนื้อหากับจุดประสงค์ได้จากสูตร

(สมนึก ภัททิยธนี, 2546, หน้า 217-220)

เมื่อ IOC แทน ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์

แทน ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ

ด้านเนื้อหาวิชาทั้งหมด

N แทน จำนวนผู้เชี่ยวชาญ

2.2 การคํานวณหาดัชนีค่าความยากง่าย (p) ของข้อสอบ โดยใช้สูตร (สมนึก ภัททิยธนี, 2546, หน้า 212)

เมื่อ P แทน ระดับความยาก

R แทน จำนวนคนตอบถูกทั้งหมด

N แทน จำนวนคนทั้งหมด

2.3 การคำนวณค่าอำนาจจำแนก (r) ของแบบทดสอบ โดยใช้สูตร (สมนึก ภัททิยธนี, 2546, หน้า 221)

เมื่อ r แทน ค่าอำนาจจำแนก

PH แทน จำนวนนักเรียนที่ตอบถูกในกลุ่มเก่ง

PL แทน จำนวนนักเรียนที่ตอบถูกในกลุ่มอ่อน

N แทน จำนวนคนทั้งหมดในกลุ่มเก่งและกลุ่มอ่อน

2.4 ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบโดยใช้สถิติของคูเคอร์ ริชาร์ดสัน หรือ

สูตร KR-20 (สมนึก ภัททิยธนี, 2546, หน้า 223)

เมื่อ rtt แทน สัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ

n แทน จำนวนข้อสอบทั้งหมด

p แทน สัดส่วนของผู้ที่ตอบถูกในแต่ละข้อ

q แทน สัดส่วนของผู้ที่ตอบผิดในแต่ละข้อ (1 – p)

แทน ความแปรปรวนของคะแนนทั้งหมด

2.5 ค่าความเชื่อมั่นของแบบวัดความพึงพอใจ โดยใช้วิธีของ Cronbach

(บุญชม ศรีสะอาด, 2545, หน้า 96) ดังนี้

เมื่อ แทน ค่าสัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่น

K แทน จำนวนข้อของแบบสอบถาม

แทน ผลรวมของความแปรปรวนของแต่ละข้อ

แทน ความแปรปรวนของคะแนนรวม

2.6 หาค่าประสิทธิภาพของเอกสารประกอบการเรียนวิชา ฟุตซอล 2

(พ 31209) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้สูตร ดังนี้ (เผชิญ กิจระการ, 2545, หน้า 46-51)

เมื่อ E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ

X แทน คะแนนรวมของคะแนนทดสอบประจำเล่ม

A แทน คะแนนเต็มของแบบทดสอบประจำเล่มรวมกัน

N แทน จำนวนผู้เรียน

เมื่อ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์

F แทน คะแนนรวมของคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน

B แทน คะแนนเต็มของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียน

N แทน จำนวนผู้เรียน

3. สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน

เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้สูตร t – test (Dependent Samples) (บุญชม ศรีสะอาด, 2545, หน้า 112)

เมื่อ t แทน การทดสอบความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียน

และหลังเรียน

D แทน ความแตกต่างระหว่างคะแนนสอบหลังเรียนกับ

ก่อนเรียนของนักเรียนแต่ละคน

D แทน ผลรวมของความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและ

หลังเรียนของนักเรียนทุกคน

D2 แทน ความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนของ

นักเรียนแต่ละคนยกกำลังสอง

D2 แทน ผลรวมของความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและ

หลังเรียนของนักเรียนแต่ละคนยกกำลังสอง

(D)2 แทน ผลรวมของความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและ

หลังเรียนของนักเรียนทุกคนยกกำลังสอง

n แทน จำนวนนักเรียนทั้งหมด

โพสต์โดย แป๊ะ : [18 ต.ค. 2561 เวลา 20:18 น.]
อ่าน [3765] ไอพี : 110.168.59.217
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 16,456 ครั้ง
เขย่าขวดก่อนรินยา คุณทำแล้วหรือยัง?
เขย่าขวดก่อนรินยา คุณทำแล้วหรือยัง?

เปิดอ่าน 9,326 ครั้ง
กุญแจไขโจทย์คุณภาพการศึกษาไทย
กุญแจไขโจทย์คุณภาพการศึกษาไทย

เปิดอ่าน 11,798 ครั้ง
มาป้องกันและลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่กันเถอะ
มาป้องกันและลดความเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่กันเถอะ

เปิดอ่าน 14,568 ครั้ง
10 วิธีดูแลมือ เท้า และเล็บ
10 วิธีดูแลมือ เท้า และเล็บ

เปิดอ่าน 13,731 ครั้ง
อย่าละเลยอาการไหล่ติด
อย่าละเลยอาการไหล่ติด

เปิดอ่าน 27,046 ครั้ง
สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน
สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน

เปิดอ่าน 7,669 ครั้ง
จัดอันดับทุนมนุษย์
จัดอันดับทุนมนุษย์

เปิดอ่าน 8,917 ครั้ง
เคล็ดลับปรุงกาแฟแคลอรีต่ำ
เคล็ดลับปรุงกาแฟแคลอรีต่ำ

เปิดอ่าน 13,713 ครั้ง
สัญญาณบอกอาการ 15 โรคฮิต เช็กดูสักนิด ก่อนจิตตก
สัญญาณบอกอาการ 15 โรคฮิต เช็กดูสักนิด ก่อนจิตตก

เปิดอ่าน 10,715 ครั้ง
รับมือปัญหาการนอน
รับมือปัญหาการนอน

เปิดอ่าน 13,664 ครั้ง
เคล็ด(ไม่)ลับ
เคล็ด(ไม่)ลับ'หัวกะทิ'

เปิดอ่าน 11,108 ครั้ง
เตือนภัย : หนุ่มๆ ที่ชอบใช้โน้ตบุ๊ค
เตือนภัย : หนุ่มๆ ที่ชอบใช้โน้ตบุ๊ค

เปิดอ่าน 82,423 ครั้ง
เมื่อภาษาไทยไม่มีสระไม่เว้นวรรค ดูซิว่าอ่านยากขนาดไหน?
เมื่อภาษาไทยไม่มีสระไม่เว้นวรรค ดูซิว่าอ่านยากขนาดไหน?

เปิดอ่าน 16,967 ครั้ง
การศึกษาแบบไหนสอนให้คิดเป็น
การศึกษาแบบไหนสอนให้คิดเป็น

เปิดอ่าน 10,687 ครั้ง
วิดีทัศน์นำเสนอภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการ ด้านการศึกษา
วิดีทัศน์นำเสนอภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการ ด้านการศึกษา

เปิดอ่าน 37,363 ครั้ง
Fast Math Trick จินตคณิต สูตรคิดเร็ว การหาร
Fast Math Trick จินตคณิต สูตรคิดเร็ว การหาร
เปิดอ่าน 15,417 ครั้ง
ระเบียบรักษาความปลอดภัย
ระเบียบรักษาความปลอดภัย
เปิดอ่าน 11,797 ครั้ง
3 พื้นฐานเพื่อความมั่นคงทางการเงิน
3 พื้นฐานเพื่อความมั่นคงทางการเงิน
เปิดอ่าน 12,300 ครั้ง
มาจัดโครงการพัฒนาศักยภาพให้แก่บุคลากรในองค์กรกัน
มาจัดโครงการพัฒนาศักยภาพให้แก่บุคลากรในองค์กรกัน
เปิดอ่าน 10,073 ครั้ง
กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?
กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ