การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพี่อ 1) เพื่อการพัฒนารูปแบบการนิเทศแบบ PHUTAI+ (plus) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะครู ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning) 2) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการนิเทศแบบ PHUTAI+ (plus) เพื่อส่งเสริมสมรรถนะครู ด้านการจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning)

วิธีดำเนินการวิจัยมี 4 ขั้นตอน คือ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน 2) พัฒนารูปแบบการนิเทศ 3) ทดลองใช้รูปแบบการนิเทศไปใช้ และ 4) การประเมินผลรูปแบบการนิเทศ กลุ่มตัวอย่าง คือ โรงเรียนสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 3 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 20 โรงเรียน ครูจำนวน 100 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) รูปแบบการนิเทศและคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศ 2) แบบทดสอบความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning) 3) แบบประเมินความสามารถด้านการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning) 4) แบบประเมินความสามารถด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning) 5) แบบประเมินความสามารถด้านการวัดผลประเมินผลการจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning) 6) แบบประเมินผลงานที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning) สถิติที่ใช้ใน การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบที(t-test) แบบ 2 กลุ่มสัมพันธ์กัน และ แบบกลุ่มเดียวเทียบกับเกณฑ์

ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้1. รูปแบบการนิเทศที่พัฒนาขึ้น มี 5 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ 3) เนื้อหา 4) กระบวนการนิเทศ และ 5) การวัดผลประเมินผล กระบวนการนิเทศ มี 5 ขั้น

คือ 1) การวางแผนการนิเทศ 2) การเตรียมการนิเทศ 2) การปฏิบัติการนิเทศ และ 4) การวัดประเมินผลการนิเทศ และ 5) การรายงานผลการนิเทศ 2. ผลการใช้รูปแบบการนิเทศ มีดังนี้ 2.1 ความรู้เกี่ยวกับการ

จัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning) หลังนิเทศสูงกว่าก่อนนิเทศ และสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2.2 ความสามารถด้านการเขียนแผนการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning) ระดับมากที่สุด และสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2.3 ความสามารถด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning) อยู่ในระดับมากที่สุด และสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2.4 ความสามารถด้านการวัดผลประเมินผลการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem BasedLearning) อยู่ในระดับมากที่สุด และสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2.5 ครูมีผลงานที่เป็นเลิศ (Best Practice) การจัดการเรียนรู้เชิงรุกโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning) อยู่ในระดับดีเยี่ยม

เว็บน่าสนใจ