ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น(7Es) ร่วมกับบทเรียนมัลติมีเดียชุดแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทา

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น(7Es) ร่วมกับบทเรียนมัลติมีเดีย ชุดแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่องแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้าของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ชื่อผู้วิจัย นางสาวกฤติพร ชื่นผล

ปีการวิจัย 2563

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่องการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) ร่วมกับบทเรียนมัลติมีเดีย ชุดแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการคิดวิเคราะห์ เรื่องแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบวัฏจักร การสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) ร่วมกับบทเรียนมัลติมีเดียชุดแรงไฟและวงจรไฟฟ้าตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความสามารถในการคิดวิเคราะห์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Research:R1 ) 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) ร่วมกับบทเรียนมัลติมีเดียชุดแรงไฟและวงจรไฟฟ้าตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความสามารถในการคิดวิเคราะห์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้าของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Development :D1 ) 3)เพื่อทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ด้วยวิธีสอนด้วยวิธีการสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) ร่วมกับบทเรียนมัลติมีเดียชุดแรงไฟและวงจรไฟฟ้าตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความสามารถในการคิดวิเคราะห์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (Research :R2) 4)เพื่อประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น(7Es) ร่วมกับบทเรียนมัลติมีเดียชุดแรงไฟและวงจรไฟฟ้าตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิชาวิทยาศาสตร์เรื่องแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า เทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ร้อยละ 75ของคะแนนเต็มและความพึงพอใจของนักเรียนชั้นระถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยวิธีการสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) ร่วมกับบทเรียนมัลติมีเดียชุดแรงไฟและวงจรไฟฟ้า6 (Development : D2) กลุ่มเป้าหมาย เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 จำนวน 32 คน ที่กำลังศึกษาภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนเทศบาลตะพานหินวิทยาคาร สังกัดเทศบาลเมืองตะพานหิน อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร การวิจัยการวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R&D) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้เรื่องแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้าของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยวิธีการสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) ร่วมกับบทเรียนมัลติมีเดีย ชุดแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า จำนวน 10 แผน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบสอบถามความต้องการในการจัดรูปแบบการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) เป็นลักษณะคำถามแบบมาตรส่วน 5 ระดับ มีค่าระดับความเหมาสมมากที่สุด (x̄)=4.60 , S.D.=0.18 2) แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์พื้นฐาน เป็นแบบทดสอบประเภทอิงเกณฑ์ (Criterion Referenced Test) มีค่าความยากง่าย ตั้งแต่ 0.43 - 0.93 ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.02 - 0.52 และมีค่าความเชื่อมั่น 0.93 3)แบบทดสอบวัดความสามารถคิดวิเคราะห์เรื่องแรงไฟฟ้า และวงจรไฟฟ้าแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบประเภทอิงเกณฑ์ (Criterion Referenced Test) มีค่าความยากง่าย ตั้งแต่ 0.37 - 0.92 ค่าอำนาจจำแนก ตั้งแต่ 0.12-0.44 และ มีค่าความเชื่อมั่น 0.93 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบทดสอบประเภทอิงเกณฑ์ (Criterion Referenced Test) มีค่าความยากง่าย ตั้งแต่ 0.43 - 0.93 ค่าอำนาจจำแนก ตั้งแต่ 0.02 - 0.52 และมีค่าความเชื่อมั่น 0.87 และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ เรื่องแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้าโดยโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบ วัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น (7Es) ร่วมกับบทเรียนมัลติมีเดียชุดแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า มีค่าระดับความเหมาะสมมากที่สุด (x̄ =4.71, S.D. = 0.41) และมีค่าความเชื่อมั่น 0.78 และในการวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติ ร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)

ผลการวิจัยพบว่า

1.ข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการสอนพบว่าครูมีความต้องการในการจัดการเรียนรู้

เพื่อส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

( x̄ = 4.61 , S.D. = .58)

2.รูปแบบการจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีสอนด้วยวิธีการสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) ร่วมกับบทเรียนมัลติมีเดีย ชุดแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้าตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการคิดวิเคราะห์วิชาวิทยาศาสตร์เรื่องแรงไฟฟ้าและวงจร ไฟฟ้าของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความเหมาะสมโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.54, S.D. = 0.15)

3.ประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนรู้ด้วยวิธีการสอนแบบวัฏจักรการสืบเสาะหาความรู้ 7 ขั้น (7Es) ร่วมกับบทเรียนมัลติมีเดีย ชุดแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้าไฟฟ้าตามแนวทางพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความสามารถในการคิดวิเคราะห์ วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องแรงไฟฟ้าและวงจรไฟฟ้า ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามรูปแบบการสอนมีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.14/81.79

4.จากการทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางเรียน และทำแบบประเมินความพึงพอใจนักเรียนชั้นประถม ศึกษาปีที่ 6 พบว่า

4.1.มีผลการทดสอบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์พื้นฐานผ่านเกณฑ์ที่กำหนด

ไว้คือร้อยละ 75 ขึ้นไป จำนวน 28 คน คิดเป็นร้อยละ 87.50 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้

4.2 มีผลการวัดทักษะความสามารถการคิดวิเคราะห์ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ

ร้อยละ 75 ขึ้นไป จำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 84.38 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้

4.3 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้คือร้อยละ 75 ขึ้นไป จำนวน

29 คน จากนักเรียนทั้งหมด 32 คน คิดเป็นร้อยละ 90.63 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์เป้าหมายที่กำหนดไว้

4.4 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄ = 4.72, S.D. = 0.47)

โพสต์โดย Tip : [11 ก.ย. 2564 เวลา 12:09 น.]
อ่าน [2254] ไอพี : 223.207.234.67
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 19,354 ครั้ง
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

เปิดอ่าน 12,107 ครั้ง
สาว 6 อาชีพกับเส้นเลือดขอด
สาว 6 อาชีพกับเส้นเลือดขอด

เปิดอ่าน 14,177 ครั้ง
12 วิธีอยู่อย่างไรให้ห่างไกลมะเร็ง
12 วิธีอยู่อย่างไรให้ห่างไกลมะเร็ง

เปิดอ่าน 15,676 ครั้ง
สถิติน่ารู้....นอนกรน
สถิติน่ารู้....นอนกรน

เปิดอ่าน 50,652 ครั้ง
คำว่า "สวัสดี" เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในไทย เมื่อวันที่ 22 ม.ค. พ.ศ.2486
คำว่า "สวัสดี" เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในไทย เมื่อวันที่ 22 ม.ค. พ.ศ.2486

เปิดอ่าน 141,547 ครั้ง
ขอให้หายไวๆ ภาษาอังกฤษคืออะไร
ขอให้หายไวๆ ภาษาอังกฤษคืออะไร

เปิดอ่าน 92,630 ครั้ง
20 เรื่องวิทยาศาสตร์น่ารู้
20 เรื่องวิทยาศาสตร์น่ารู้

เปิดอ่าน 10,504 ครั้ง
เปิดผลวิจัยคนไทยติดแชต กระทบงาน-การเรียนหนัก
เปิดผลวิจัยคนไทยติดแชต กระทบงาน-การเรียนหนัก

เปิดอ่าน 29,982 ครั้ง
ดอกดาหลา
ดอกดาหลา

เปิดอ่าน 2,874 ครั้ง
แนะนำแนวทางสำหรับครูรุ่นใหม่ ในการเตรียมเด็กสอบ TGAT
แนะนำแนวทางสำหรับครูรุ่นใหม่ ในการเตรียมเด็กสอบ TGAT

เปิดอ่าน 18,472 ครั้ง
เอกสารการใช้ผลสอบ O-NET เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินผลการเรียน 80:20
เอกสารการใช้ผลสอบ O-NET เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินผลการเรียน 80:20

เปิดอ่าน 79,632 ครั้ง
ห.ร.ม. และ ค.ร.น.
ห.ร.ม. และ ค.ร.น.

เปิดอ่าน 20,254 ครั้ง
ลักษณะของช้างดี
ลักษณะของช้างดี

เปิดอ่าน 13,033 ครั้ง
กูเกิล เผยอันดับคำค้นสุดฮิตของไทย ประจำปี 2013
กูเกิล เผยอันดับคำค้นสุดฮิตของไทย ประจำปี 2013

เปิดอ่าน 19,299 ครั้ง
(ก.ค.ศ.)การจ่ายค่าตอบแทนมีความสำคัญยิ่งในฐานะเป็นหน้าที่หลักประการหนึ่งของหน่วยงาน
(ก.ค.ศ.)การจ่ายค่าตอบแทนมีความสำคัญยิ่งในฐานะเป็นหน้าที่หลักประการหนึ่งของหน่วยงาน

เปิดอ่าน 16,321 ครั้ง
คลิปเณรน้อยอายุแค่ 3 ขวบ สวดมนต์ให้พรคล่องปรื๋อ (ชมคลิป)
คลิปเณรน้อยอายุแค่ 3 ขวบ สวดมนต์ให้พรคล่องปรื๋อ (ชมคลิป)
เปิดอ่าน 13,731 ครั้ง
ดีท็อกซ์ร่างกาย ล้างพิษสมอง ชำระขยะใจ รับ "สุขมหาศาล" ทั้งปี 2556
ดีท็อกซ์ร่างกาย ล้างพิษสมอง ชำระขยะใจ รับ "สุขมหาศาล" ทั้งปี 2556
เปิดอ่าน 9,732 ครั้ง
เขาห้ามผมทำ แต่ไม่ห้ามผมคิด ตอนที่ 10 : เมื่อโรงเรียนเป็นนิติบุคคลแล้วประชาชนได้อะไร
เขาห้ามผมทำ แต่ไม่ห้ามผมคิด ตอนที่ 10 : เมื่อโรงเรียนเป็นนิติบุคคลแล้วประชาชนได้อะไร
เปิดอ่าน 34,090 ครั้ง
เบกกิ้งโซดา กับ 10 คุณประโยชน์ที่คนรักสุขภาพต้องร้องว้าว
เบกกิ้งโซดา กับ 10 คุณประโยชน์ที่คนรักสุขภาพต้องร้องว้าว
เปิดอ่าน 11,761 ครั้ง
35 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ ของคนวัย 35 ที่น่าเลียนแบบ
35 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ ของคนวัย 35 ที่น่าเลียนแบบ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ