ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การอ่านโน้ตไทยประกอบการบรรเลงทำนองหลักเพลงไทย

บทคัดย่อ

ชื่อเรื่อง การอ่านโน้ตไทยประกอบการบรรเลงทำนองหลักเพลงไทย

ผู้วิจัย นายธเนศ น้อยดี

กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ

ปีการศึกษา 2564

วัตถุประสงค์การวิจัย

1. เพื่อพัฒนาผู้เรียนในเรื่องการของการอ่านโน้ตไทยประกอบการบรรเลงทำนองหลักเพลงไทย

2. เพื่อพัฒนาผู้เรียนในเรื่องการอ่านโน้ตเพลงไทย

3. เพื่อพัฒนาผู้เรียนในเรื่องทักษะการบรรเลงเครื่องดนตรีไทย

ความสำคัญของการศึกษาวิจัยการบรรเลงทำนองหลักเพลงไทยประกอบการอ่านโน้ตไทย

1. ผู้เรียนมีทักษะในการของการอ่านโน้ตไทยประกอบการบรรเลงทำนองหลักเพลงไทย

2. ผู้เรียนสามารถนำทักษะในเรียนเครื่องดนตรีอื่น ๆ ในโอกาสต่อไป

3. เพื่อเป็นแนวทางให้ครูและนักเรียนหรือผู้สนใจเห็นความสำคัญของการฝึกปฏิบัติโดยใช้แบบฝึก

สมมติฐานของการวิจัย

นักเรียนจะมีทักษะการบรรเลงทำนองหลักเพลงไทยประกอบการอ่านโน้ตไทยโดยใช้วิธีการสอนแบบใช้แบบฝึก

ขอบเขตของการวิจัย การบรรเลงทำนองหลักเพลงไทยประกอบการอ่านโน้ตไทย

กลุ่มประชากรที่ทดลอง นักเรียน ระดับชั้นม.3 โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย จำนวน 30 คน

นิยามศัพท์เฉพาะ วิธีการสอนแบบฝึกปฏิบัติเป็นการปฏิบัติในลักษณะการปฏิบัติจริงและปฏิบัติบ่อย ๆ

เพื่อให้เกิดความ ชำนาญ

ตัวแปรที่ศึกษา

ตัวแปรต้น การบรรเลงทำนองหลักเพลงไทยประกอบการอ่านโน้ตไทย

ตัวแปรตาม การพัฒนาการบรรเลงทำนองหลักเพลงไทยประกอบการอ่านโน้ตไทย

ค่าสถิติ t-test (dependent) ผลการวิจัยพบว่า

1. การอ่านโน้ตไทยมีส่วนช่วยในการพัฒนาทักษะการบรรเลงดนตรีไทยเพิ่มขึ้น

2. กลุ่มประชากรที่วิจัย มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนที่สูงขึ้นจากก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ

3. ผู้เรียนมีความพึงพอใจในระดับมากที่สุด

ผู้วิจัย

(นายธเนศ น้อยดี)

ครู กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ

บทที่ 3

วิธีการดำเนินการวิจัย

ประชากรกลุ่มตัวอย่าง

1. ประชากร คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัยที่เรียนวิชา ศ 23101 ศิลปะ 5 สาระดนตรีไทย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 30 คน

2. กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยที่ลงทะเบียนเรียนวิชาปฏิบัติการดนตรีไทย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 30 คน โดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling)

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย

1. เครื่องมือในการดำเนินการวิจัย คือ ชุดการสอน เรื่องการอ่านโน้ตดนตรีไทย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย

2. เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องการอ่านโน้ตดนตรีไทย

ขั้นตอนในการวิจัย

การวิจัยครั้งนี้เป็นการทดลองกลุ่มเดี่ยว ซึ่งดำเนินการทดลองในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 มีขั้นตอน ดังนี้

1. ดำเนินการปฐมนิเทศ นักเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างเพื่อทำความเข้าใจกับนักเรียนถึงบทบาทของผู้เรียน บทบาทผู้สอน และแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้และวิธีประเมินผลการเรียนรู้

2. ดำเนินการทดสอบก่อนเรียน โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

เรื่อง การอ่านโน้ตดนตรีไทย

3. ดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนเรื่องการอ่านโน้ตดนตรีไทย โดยการใช้ชุดการ

สอน เรื่องการอ่านโน้ตดนตรีไทย ดังนี้

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการอ่านโน้ตดนตรีไทย

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 วิธีการอ่านโน้ตดนตรีไทย โดยใช้หลักความเหมือน คือ การเลียนแบบ และการทำช้ำมาเป็น แนวทาง วิธีการ คือ ให้นักเรียนเลียนแบบวิธีการอ่านโน้ตดนตรีไทยจากครู และทำซ้ำโดยการฝึกอ่านโน้ตดนตรีไทยจากแบบฝึกหัดอ่านโน้ตดนตรีไทยที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรียงร้อยถ้อยท านอง โดยใช้หลักความแตกต่างมาเป็นแนวทาง วิธีการ คือ ให้นักเรียนช่วยกันแต่งทำนองคนละ 2 ห้องเพลง แล้วนำทำนองมาต่อกันให้ครบ จากนั้นให้ทุกคนช่วยกันอ่านและปรบมือทำนองที่ทุกคนช่วยกันเรียงร้อยขึ้นมา

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 นักประพันธ์ โดยใช้หลักความเป็นฉันมาเป็น

แนวทาง วิธีการ คือ ให้นักเรียนประพันธ์หรือคิดทำนองขึ้นมาเอง ทั้งหมด 4 บรรทัด จากนั้นมาสอบอ่านและปรบมือตามโน้ตที่ตัวเองได้ประพันธ์ขึ้น

4. ดำเนินการทดสอบหลังเรียน หลังสิ้นสุดการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการอ่านโน้ตดนตรีไทย

5. นำคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการอ่านโน้ตดนตรีไทย มาวิเคราะห์ผล สรุปผล และอภิปรายผล

บทที่ 4

ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

จากผลการทดสอบทักษะการบรรเลงทำนองหลักเพลงไทยประกอบการอ่านโน้ตไทยโดยใช้แบบฝึกก่อนและหลังเรียน จำนวนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัยจำนวน 30 คนเป็นดังนี้

การวิเคราะห์ข้อมูล

การวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้เสนอตาม ลำดับดังนี้

ตารางที่ 4.1 ตารางวิเคราะห์ข้อมูลก่อนเรียน เทียบกับเกณฑ์ผลลัพธ์ทีคาดหวัง รายวิชาศิลปะ 5

คนที่ คะแนนก่อนเรียน

(20 คะแนน) ค่าร้อยละ (100) เทียบกับเกณฑ์ ร้อยละ 60

1 12 60 ผ่าน

2 11 55 ไม่ผ่าน

3 13 65 ผ่าน

4 14 70 ผ่าน

5 12 60 ผ่าน

6 13 65 ผ่าน

7 14 70 ผ่าน

8 11 55 ไม่ผ่าน

9 10 50 ไม่ผ่าน

10 12 60 ผ่าน

11 13 65 ผ่าน

12 11 55 ไม่ผ่าน

13 12 60 ผ่าน

14 10 50 ไม่ผ่าน

15 13 65 ผ่าน

16 9 45 ไม่ผ่าน

17 10 50 ไม่ผ่าน

18 11 55 ไม่ผ่าน

19 12 65 ผ่าน

20 14 70 ผ่าน

คนที่ คะแนนก่อนเรียน

(20 คะแนน) ค่าร้อยละ (100) เทียบกับเกณฑ์ ร้อยละ 60

21 12 60 ผ่าน

22 10 50 ไม่ผ่าน

23 11 55 ไม่ผ่าน

24 10 50 ไม่ผ่าน

25 13 65 ผ่าน

26 12 60 ผ่าน

27 14 70 ผ่าน

28 13 65 ผ่าน

29 12 60 ผ่าน

30 10 50 ไม่ผ่าน

รวม 354 = ร้อยละ 178 ร้อยละ 53.4 0 ไม่ผ่าน

จากตาราง ที่ 4.1 พบว่า คะแนนจากการทดสอบก่อนเรียนเรื่องการอ่านโน้ตไทยของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย จำนวน 30 คน เมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์ผลลัพธ์ทีคาดหวัง รายวิชาศิลปะ 5 ได้ค่าเฉลี่ยร้อยละเท่ากับ 53.40 ซึ่งไม่ผ่านเกณฑ์ตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ของกลุ่มสาระศิลปะ ที่กำหนดไว้ที่ ร้อยละ 60

ตารางที่ 4.2 ตารางเปรียบเทีบบผลการเรียน ก่อนและหลังเรียน รายวิชา ศิลปะ 5

คนที่ คะแนนก่อนเรียน คะแนนหลังเรียน เกณฑ์ประเมินตัวชี้วัดกลุ่มสาระศิลปะ ร้อละ 60

1 12 17 85

2 11 18 90

3 13 18 90

4 14 17 85

5 12 19 95

6 13 20 100

7 14 17 85

8 11 18 90

9 10 19 95

10 12 17 85

11 13 18 90

12 11 19 95

13 12 17 85

14 10 19 95

15 13 17 85

16 9 18 90

17 10 18 90

18 11 20 100

19 12 20 100

20 14 17 85

21 12 20 100

22 10 18 90

23 11 17 85

24 10 19 95

25 13 20 100

26 12 18 90

27 14 17 85

28 13 19 95

29 12 17 85

30 10 20 100

รวมเฉลี่ย ร้อยละ 53.40 ร้อยละ 82.21 ร้อยละ 82.56

จากตาราง 4.2 พบว่า คะแนนก่อนเรียน มีค่าร้อยละเท่ากับ 53.40 คะแนนหลังเรียนมีค่าร้อยละเท่ากับ 82.21 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากก่อนเรียน ร้อยละ 28.81 และมีค่าเฉลี่ยของคะแนนประเมินตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ตามเกณฑ์ข้อตกลงของกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะที่ ร้อยละ 82.56 ซึ่งแปรผลได่ว่านัดเรียนทุกคนผ่านเกณฑ์การประเมินตามตัวชี้วัดข้อตกลงของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ

ตารางที่ 4.3 ตารางแสดงความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนเรื่องการอ่านโน้ตเพลงไทย

ข้อที่ รายการแสดงความพึงพอใจ x ̅

ความพึงพอใจ S.D.

ความพึงพอใจ ระดับ

ความพึงพอใจ

1 ความพึงพอใจในเนื้อหารายวิชาที่เรียน 4.63 0.49 มากที่สุด

2 บรรยากาศการจัดการเรียนรู้ 4.57 0.50 มากที่สุด

3 สื่อในการจัดการเรียนรู้ 4.50 1.10 มากที่สุด

4 แบบฝึกทักษะการอ่านโน้ตไทย 4.40 0.81 มากที่สุด

5 ความเข้าใจในเรื่องของโน้ตเพลงไทย 4.53 0.73 มากที่สุด

6 ความเข้าใจในเรื่องของจังหวะเพลงไทย 5.00 0.00 มากที่สุด

7 นักเรียนมีทักษะการเขียนโน้ตเพลงไทย 4.47 0.51 มากที่สุด

8 นักเรียนสามารถอ่านโน้ตเพลงไทย 4.50 0.63 มากที่สุด

9 นักเรียนมีความสนุกกับการเรียน 4.53 0.51 มากที่สุด

10 นักเรียนสามารถนำความรู้ไปใช้ได้ 4.43 0.50 มากที่สุด

รวมเฉลี่ย 4.56 0.58 มากที่สุด

จากตาราง ที่ 4.3 ความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย จำนวน 30 คน ในการเรียนเรื่องการอ่านโน้ตไทยประกอบการบรรเลงดนตรีไทย มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจ( x ̅ = 4.56) (S.D. = 0.58 ) อยู่ในระดับมากที่สุด และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนเรื่องการอ่านโน้ตไทยประกอบการบรรเลงดนตรีไทยอยู่ในระดับมากที่สุด

โพสต์โดย ระนาดน้ำหวาน : [10 มี.ค. 2566 เวลา 11:59 น.]
อ่าน [64558] ไอพี : 124.121.112.51
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 12,047 ครั้ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับคณะองคมนตรี หนังสือที่ควรมีไว้ประจำบ้าน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับคณะองคมนตรี หนังสือที่ควรมีไว้ประจำบ้าน

เปิดอ่าน 123,330 ครั้ง
เตือนภัย "ถ่ายเป็นเลือด" ระวังโรคแฝง...ร้ายแรงถึงชีวิต!!
เตือนภัย "ถ่ายเป็นเลือด" ระวังโรคแฝง...ร้ายแรงถึงชีวิต!!

เปิดอ่าน 11,888 ครั้ง
สู่ความสำเร็จในการทำงานตามแนวพุทธ
สู่ความสำเร็จในการทำงานตามแนวพุทธ

เปิดอ่าน 88,299 ครั้ง
วิธีทำ  น้ำพริกอ่อง เมนูสุขภาพ
วิธีทำ น้ำพริกอ่อง เมนูสุขภาพ

เปิดอ่าน 252,124 ครั้ง
การคำนวณอัตรากำลังข้าราชการครูโรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษา
การคำนวณอัตรากำลังข้าราชการครูโรงเรียนประถมศึกษาและโรงเรียนมัธยมศึกษา

เปิดอ่าน 15,327 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษา ระบบการผลิตครู
ปฏิรูปการศึกษา ระบบการผลิตครู

เปิดอ่าน 342,727 ครั้ง
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบการกระทำของสกินเนอร์
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบการกระทำของสกินเนอร์

เปิดอ่าน 8,974 ครั้ง
เหลียวหลัง แลหน้า ปฏิรูปการศึกษาพื้นฐานไทย
เหลียวหลัง แลหน้า ปฏิรูปการศึกษาพื้นฐานไทย

เปิดอ่าน 20,496 ครั้ง
MPEG คืออะไร
MPEG คืออะไร

เปิดอ่าน 13,852 ครั้ง
ชีวิตยิ่งใช้ ยิ่งได้กำไรกลับคืน
ชีวิตยิ่งใช้ ยิ่งได้กำไรกลับคืน

เปิดอ่าน 13,351 ครั้ง
ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน

เปิดอ่าน 26,481 ครั้ง
นางสงกรานต์ ปี 2559 "มณฑาเทวี" ทำนายฝนตกไม่ทั่วเมือง ข้าวพัง-ของแพง
นางสงกรานต์ ปี 2559 "มณฑาเทวี" ทำนายฝนตกไม่ทั่วเมือง ข้าวพัง-ของแพง

เปิดอ่าน 20,353 ครั้ง
ข้อเสียของการดื่มน้ำเย็นจัด
ข้อเสียของการดื่มน้ำเย็นจัด

เปิดอ่าน 16,344 ครั้ง
8 วิธีถนอมหลังห่างไกลอาการปวด
8 วิธีถนอมหลังห่างไกลอาการปวด

เปิดอ่าน 11,496 ครั้ง
ความลับ ทำไมคนญี่ปุ่นถึงอายุยืนที่สุดในโลก
ความลับ ทำไมคนญี่ปุ่นถึงอายุยืนที่สุดในโลก

เปิดอ่าน 46,493 ครั้ง
รายชื่อหลักสูตรการพัฒนาข้าราชการครูของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2561
รายชื่อหลักสูตรการพัฒนาข้าราชการครูของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2561
เปิดอ่าน 21,825 ครั้ง
การศึกษาในอนาคต
การศึกษาในอนาคต
เปิดอ่าน 22,483 ครั้ง
การเลี้ยงไก่ไข่
การเลี้ยงไก่ไข่
เปิดอ่าน 12,101 ครั้ง
มันมากับ กาแฟ ไม่ใช่คาเฟอีน!!
มันมากับ กาแฟ ไม่ใช่คาเฟอีน!!
เปิดอ่าน 9,264 ครั้ง
"กูเกิ้ล"ผุดนวัตกรรม แว่นเสมือนจริง-รถอัตโนมัติ!
"กูเกิ้ล"ผุดนวัตกรรม แว่นเสมือนจริง-รถอัตโนมัติ!

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ