ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

รายงานการใช้แบบฝึกทักษะประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI กลุ่มสาระการเ

ชื่อเรื่อง รายงานการใช้แบบฝึกทักษะประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน

ผู้ศึกษา นางนิตยา เสมเหลา

สถานศึกษา โรงเรียนบ้านเล็บเงือก สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 2

ปีที่ศึกษา 2558

บทคัดย่อ

การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI เป็นการจัดการเรียนรู้ที่แบ่งผู้เรียนที่มี

ความสามารถแตกต่างกันออกเป็นกลุ่มเพื่อทำงานร่วมกัน เน้นการเรียนรู้แต่ละบุคคลมากกว่าการ

เรียนรู้ในลักษณะกลุ่ม ผู้เรียนแต่ละคนจะเรียนรู้และทำงานตามระดับความสามารถของตน ผู้เรียนมี

โอกาสได้ปฏิสัมพันธ์กันในกลุ่มได้พูดคุยปรึกษาหารือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประสบการณ์

สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เรียนรู้จักคิด แก้ปัญหา และค้นพบความรู้ด้วยตนเอง การศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ 1) พัฒนาการจัดการเรียนรู้ ที่มีประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 75/75 2) เพื่อหาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้ 3) เพื่อเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI 5) เพื่อศึกษาผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนบ้านเล็บเงือก อำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 2 จำนวน 9 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน จำนวน 15 แผน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (B) ตั้งแต่ 0.20 ถึง 0.78 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ (Lovett) เท่ากับ 0.91 3) แบบวัดความพึงพอใจต่อการเรียนคณิตศาสตร์ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (rating scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (rxy) ตั้งแต่ 0.24 ถึง 0.82 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ (α) เท่ากับ 0.88 การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐานด้วย t-test (Dependent sample)

ผลการศึกษาพบว่า

1. แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ

เทคนิค TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน มีประสิทธิภาพเท่ากับ 89.35/85.83 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 75/75 ที่ตั้งไว้

2. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน มีค่าเท่ากับ 0.7951 หรือคิดเป็นร้อยละ 79.51

3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ เทคนิค TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน โดยรวมเป็นรายข้ออยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.70, S.D. =0.43) ยกเว้นข้อ 4. ความเหมาะสมของขนาดตัวอักษร และข้อ 7. มีรูปแบบน่าสนใจ สวยงาม ภาพประกอบชัดเจนมีความสะดวกในการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ มีความพึงพอใจในระดับมาก

5. ผลการใช้แบบฝึกทักษะประกอบการจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI

กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน นักเรียนได้ทำงานตามความสามารถไปตามลำดับ สมาชิกในกลุ่มช่วยเหลือกันทำให้นักเรียนมีกำลังใจในการทำงาน

มีความกระตือรือร้น ส่งผลให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น

โพสต์โดย นิตยา : [11 ก.ค. 2559 เวลา 18:52 น.]
อ่าน [63944] ไอพี : 223.206.248.105
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โพสต์โดย

คุณ -

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 22,092 ครั้ง
เรียนรู้จากนิราศ
เรียนรู้จากนิราศ

เปิดอ่าน 39,947 ครั้ง
ระเบียบ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการลาศึกษาต่อ ฝึกอบรม ดูงาน วิจัยและพัฒนา พ.ศ. 2552
ระเบียบ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการลาศึกษาต่อ ฝึกอบรม ดูงาน วิจัยและพัฒนา พ.ศ. 2552

เปิดอ่าน 9,408 ครั้ง
เดินหน้า ปฏิรูปการศึกษา 2559
เดินหน้า ปฏิรูปการศึกษา 2559

เปิดอ่าน 5,169 ครั้ง
ฮิคิโคโมริ ซินโดรม โรคเก็บตัวที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตุเมื่อลูกเริ่มหนีห่างจากสังคม
ฮิคิโคโมริ ซินโดรม โรคเก็บตัวที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตุเมื่อลูกเริ่มหนีห่างจากสังคม

เปิดอ่าน 14,458 ครั้ง
หลับไม่ลง-ตื่นยาก! นาฬิกานอนเคลื่อน
หลับไม่ลง-ตื่นยาก! นาฬิกานอนเคลื่อน

เปิดอ่าน 17,776 ครั้ง
รวมรายชื่อสถานศึกษาที่ได้รับรางวัลพระราชทาน ปีการศึกษา 2507 ถึง 2557
รวมรายชื่อสถานศึกษาที่ได้รับรางวัลพระราชทาน ปีการศึกษา 2507 ถึง 2557

เปิดอ่าน 19,394 ครั้ง
เงินเดือนออก..ใช้อย่างไรให้ถึงเดือนหน้า
เงินเดือนออก..ใช้อย่างไรให้ถึงเดือนหน้า

เปิดอ่าน 25,092 ครั้ง
แก่นขนุน
แก่นขนุน

เปิดอ่าน 726 ครั้ง
ตกขาวเป็นสีเขียว สัญญาณเตือนสุขภาพที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม
ตกขาวเป็นสีเขียว สัญญาณเตือนสุขภาพที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม

เปิดอ่าน 26,531 ครั้ง
เสริมมงคลแบบเสือ ๆ ต้อนรับปีขาล
เสริมมงคลแบบเสือ ๆ ต้อนรับปีขาล

เปิดอ่าน 38,625 ครั้ง
ลายมือของคนจะสบายตอนบั้นปลาย
ลายมือของคนจะสบายตอนบั้นปลาย

เปิดอ่าน 20,351 ครั้ง
ข้อเสียของการดื่มน้ำเย็นจัด
ข้อเสียของการดื่มน้ำเย็นจัด

เปิดอ่าน 8,778 ครั้ง
ทดสอบความทนทาน"ไอโฟน 5" พัง-ไม่พัง แตก-ไม่แตก
ทดสอบความทนทาน"ไอโฟน 5" พัง-ไม่พัง แตก-ไม่แตก

เปิดอ่าน 11,621 ครั้ง
หญิงไทยอายุต่ำกว่า 40 ปีเป็นมะเร็งเต้านมร้อยละ 33.4 สูงกว่าหญิงมะกัน
หญิงไทยอายุต่ำกว่า 40 ปีเป็นมะเร็งเต้านมร้อยละ 33.4 สูงกว่าหญิงมะกัน

เปิดอ่าน 40,426 ครั้ง
"สาสน์" "สาส์น" และ "สาร"
"สาสน์" "สาส์น" และ "สาร"

เปิดอ่าน 15,617 ครั้ง
3G มาแล้ว พร้อมหรือยัง?
3G มาแล้ว พร้อมหรือยัง?
เปิดอ่าน 26,530 ครั้ง
ทำไมคำว่า"ไทย" ต้องมี "ย" ยักษ์
ทำไมคำว่า"ไทย" ต้องมี "ย" ยักษ์
เปิดอ่าน 14,458 ครั้ง
หลับไม่ลง-ตื่นยาก! นาฬิกานอนเคลื่อน
หลับไม่ลง-ตื่นยาก! นาฬิกานอนเคลื่อน
เปิดอ่าน 9,962 ครั้ง
นอนมากเกิน-น้อยเกิน เสี่ยงเบาหวาน
นอนมากเกิน-น้อยเกิน เสี่ยงเบาหวาน
เปิดอ่าน 19,242 ครั้ง
ทําไมลูกไม่หายไอสักที ?
ทําไมลูกไม่หายไอสักที ?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ