ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการพัฒนาทักษะการอ่าน โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือเทคนิค

การจัดการเรียนรู้ภาษาไทยยังคงประสบปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนต่ำ นักเรียนขาดทักษะในการเรียนรู้ โดยเฉพาะทักษะด้านการอ่าน ทำให้นักเรียนไม่สามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองหรือสื่อสารให้คนอื่นเข้าใจ นอกจากนี้อาจเป็นเพราะครูขาดแคลนสื่อการเรียนการสอนที่ดีและวิธีสอนที่ไม่เหมาะสม ทั้งนี้แบบฝึกทักษะประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD เป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาการอ่านได้ ดังนั้นผู้ศึกษาจึงสร้างแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือเทคนิค STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยการศึกษาครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ

1) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือเทคนิค STADของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือเทคนิค STADของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือเทคนิค STAD 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนรู้เรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 จำนวน 37 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษามี 4 ชนิด ได้แก่ 1) แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือเทคนิค STAD

สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 7 เล่ม ใช้เวลา 14 ชั่วโมง มีค่าเฉลี่ยสอดคล้องเท่ากับ 4.84

2) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 7 แผน ใช้เวลา 14 ชั่วโมง มีค่าเฉลี่ยสอดคล้องเท่ากับ 4.87 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.25 ถึง 0.89 มีค่าความยากง่ายตั้งแต่ 0.23 - 0.83 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ0.82 และ 4) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือเทคนิค STAD เป็นแบบมาตรส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ ค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.45 ถึง 0.81 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.94 สถิติที่ใช้ในการ

วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐานด้วย t - test (Dependent Samples)

ผลการศึกษาปรากฏดังนี้

1. ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือเทคนิค STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.82/81.44 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้

2. แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือเทคนิค STAD ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าดัชนีผลเท่ากับ 0.7319 แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าทางการเรียนรู้คิดเป็นร้อยละ 71.39

3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือเทคนิค STAD มีคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5

4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือเทคนิค STAD อยู่ในระดับมากที่สุดมีคะแนนเฉลียโดยรวมเท่ากับ 4.81

โดยสรุป การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทย โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญด้วยกระบวนการกลุ่มแบบร่วมมือเทคนิค STAD สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนได้

โพสต์โดย ภูพาน : [9 ก.พ. 2560 เวลา 18:50 น.]
อ่าน [3798] ไอพี : 49.229.112.182
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 96,464 ครั้ง
อย่างเทพ! มาดูคลิปที่ใครดูต้องอมยิ้ม เมื่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นเตรียมตัวไปโรงเรียนให้ลูกตอนเช้า
อย่างเทพ! มาดูคลิปที่ใครดูต้องอมยิ้ม เมื่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นเตรียมตัวไปโรงเรียนให้ลูกตอนเช้า

เปิดอ่าน 14,309 ครั้ง
วิธีการชมฝนดาวตกเจมินิดส์
วิธีการชมฝนดาวตกเจมินิดส์

เปิดอ่าน 6,782 ครั้ง
ไทยมีอัตราการเติบโตของการใช้อินเทอร์เน็ต สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก
ไทยมีอัตราการเติบโตของการใช้อินเทอร์เน็ต สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก

เปิดอ่าน 9,006 ครั้ง
กรมทางหลวงแนะ 13 เส้นทางเลี่ยงขึ้นเหนือ-ล่องใต้ ช่วงสงกรานต์
กรมทางหลวงแนะ 13 เส้นทางเลี่ยงขึ้นเหนือ-ล่องใต้ ช่วงสงกรานต์

เปิดอ่าน 11,439 ครั้ง
ความต่างของ 3จี กับ 3.9จี
ความต่างของ 3จี กับ 3.9จี

เปิดอ่าน 23,506 ครั้ง
10 นวัตกรรมออกแบบ แปลกใหม่-ไฮเทคแห่งปี 52
10 นวัตกรรมออกแบบ แปลกใหม่-ไฮเทคแห่งปี 52

เปิดอ่าน 20,937 ครั้ง
เรื่องของไม้ขีดไฟ
เรื่องของไม้ขีดไฟ

เปิดอ่าน 10,409 ครั้ง
วิธีป้องกันไม่ให้เป็นร้อนใน
วิธีป้องกันไม่ให้เป็นร้อนใน

เปิดอ่าน 25,343 ครั้ง
รวมประกาศเกี่ยวกับการศึกษา
รวมประกาศเกี่ยวกับการศึกษา

เปิดอ่าน 61,482 ครั้ง
ประเทศที่ประสบความสำเร็จเขาดูแลครูอย่างไร
ประเทศที่ประสบความสำเร็จเขาดูแลครูอย่างไร

เปิดอ่าน 11,581 ครั้ง
เดิน วิ่ง เพื่อบำรุงสมอง
เดิน วิ่ง เพื่อบำรุงสมอง

เปิดอ่าน 33,661 ครั้ง
"สาสน์" "สาส์น" และ "สาร"
"สาสน์" "สาส์น" และ "สาร"

เปิดอ่าน 27,385 ครั้ง
คำสันธาน
คำสันธาน

เปิดอ่าน 51,687 ครั้ง
กินแอปเปิ้ล ลดไข้
กินแอปเปิ้ล ลดไข้

เปิดอ่าน 12,368 ครั้ง
จ้ำม่ำอย่างไร? ลูกถึงแข็งแรง
จ้ำม่ำอย่างไร? ลูกถึงแข็งแรง

เปิดอ่าน 31,099 ครั้ง
6 ประโยชน์ของการอาบน้ำที่คุณอาจยังไม่รู้
6 ประโยชน์ของการอาบน้ำที่คุณอาจยังไม่รู้
เปิดอ่าน 15,162 ครั้ง
ฟื้นฟูอารมณ์ดีๆ ด้วยของกินสีส้ม
ฟื้นฟูอารมณ์ดีๆ ด้วยของกินสีส้ม
เปิดอ่าน 24,125 ครั้ง
สวนแนวตั้งสุดฮิปสไตล์คนรักสับปะรดสี
สวนแนวตั้งสุดฮิปสไตล์คนรักสับปะรดสี
เปิดอ่าน 8,449 ครั้ง
ยูฟ่าประกาศห้ามทรูวิชั่นส์ถ่ายทอดบอลยูโร
ยูฟ่าประกาศห้ามทรูวิชั่นส์ถ่ายทอดบอลยูโร
เปิดอ่าน 16,716 ครั้ง
กินไข่ต้ม ช่วยให้หลับง่าย จริงหรือ?
กินไข่ต้ม ช่วยให้หลับง่าย จริงหรือ?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ