ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics เพื่อแก้ไขปัญหาการอ่านออกเสียงคำศัพท์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดป่าข่อยใต้

การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics

เพื่อแก้ไขปัญหาการอ่านออกเสียงคำศัพท์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2

1. ความเป็นมาและความสำคัญของการพัฒนานวัตกรรม

ในการศึกษา เรื่องการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics เพื่อแก้ไขปัญหาการอ่านออกเสียงคำศัพท์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดป่าข่อยใต้ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้น ผู้ศึกษาได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงาน ตามหัวข้อดังต่อไปนี้

1. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2

2. การออกเสียงภาษาอังกฤษตามหลักภาษาศาสตร์

3. การอ่านออกเสียงสะกดคำ

4. หลักในการจัดทำแบบฝึกทักษะ

5. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

2. วัตถุประสงค์ของการพัฒนานวัตกรรม

1) เพื่อศึกษาผลการอ่านสะกดคำของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics

2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics

3. ขอบเขตการศึกษา (เนื้อหา/กลุ่มป้าหมาย/ระยะเวลา)

1) เนื้อหา

เนื้อหาที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำ จำนวน 2 เล่ม คือ เล่มที่ 1 การออกเสียงตัวอักษรในภาษาอังกฤษ เป็นการอ่านถอดเสียงพยัญชนะภาษาอังกฤษตั้งแต่ A-Z ตามแนว Phonics และเทียบเคียงเสียงพยัญชนะภาษาอังกฤษและภาษาไทย เล่มที่ 2 สระภาษาอังกฤษเสียงสั้น เป็นการถอดเสียงสระเสียงสั้น A E I O U เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกผสมเสียงเป็นคำศัพท์หรือสะกดคำศัพท์ และฝึกออกเสียงให้ถูกต้องตามแนว Phonics

2) กลุ่มเป้าหมาย

การศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้แก้ไขปัญหาทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำภาษาอังกฤษที่เป็นปัญหา สำหรับนักเรียน ซึ่งมีขอบเขตของการศึกษา ดังนี้

- ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง

ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดป่าข่อยใต้ อำเภอเมือง จังหวัด เชียงใหม่ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 17 คน

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ผู้ศึกษาใช้วิธีเลือกแบบเจาะจง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดป่าข่อยใต้ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ปีการศึกษา 2565 จำนวน 17 คน โดยใช้กลุ่มตัวอย่างนักเรียนทั้งหมด

3) ระยะเวลา

ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ปีงบประมาณ 2565

4. กรอบแนวคิดในการพัฒนานวัตกรรม

ในการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics เพื่อแก้ไขปัญหาการอ่านออกเสียงคำศัพท์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษางานวิจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาด้านการอ่านออกเสียงคำศัพท์ของนักเรียน พบว่า คนไทยนั้นมีปัญหามากมายในการออกเสียงภาษาอังกฤษ เนื่องมาจากความ แตกต่างระหว่างระบบเสียงภาษาอังกฤษกับระบบเสียงภาษาไทย ดังนั้นการที่จะให้ผู้เรียนสามารถ ออกเสียงได้ถูกต้องใกล้เคียงกับเจ้าของภาษาและป้องกันมิให้ผู้เรียนออกเสียงผิดจึงควรสร้าง พื้นฐานและปลูกฝังลักษณะนิสัยในการออกเสียงให้ถูกต้องชัดเจนตั้งแต่เด็กในระยะเริ่มต้นหรือ ประถมศึกษา (จีรนันท์ เมฆวงษ์,2547 : 2) ซึ่งวิธีการจัดการเรียนรู้ที่นิยมใช้ คือการอ่านออกเสียง สะกดคำ (Phonics) เป็นหลักการถอดรหัสเสียงและการผสมเสียงตัวอักษร ผู้เรียนจะต้องเข้าใจเสียง ของตัวอักษรต่างๆและออกเสียงเหล่านั้นให้ได้อย่างถูกต้องจึงจะสามารถผสมเสียงออกมาเป็นคำได้ เช่น คำว่า cat จะสอนให้รู้จักตัว“c”จากเสียงของมันคือเสียง“ค” ตัว“a” เป็นเสียง“แอะ” และตัว “t” เป็นเสียง“ท” มาผสมเสียงกันเป็น “ค-แอะ-ท แคท” (ดวงใจ ตั้งสง่า, 2555-2556)

ตัวแปรต้นคือ แบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics ตัแปรตามคือผลการอ่านสะกดคำของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2

4. สรุปผลการวิจัย

1) ผลการประเมินคุณภาพของแบบฝึกทักษะในด้านความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (IOC : Index of item objective congruence) โดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน สรุปได้ดังนี้

เมื่อพิจารณาแต่ละข้อคำถาม พบว่า ข้อที่ 1 ด้านความถูกต้องเหมาะสม ของเนื้อหาที่ใช้ มีค่าเฉลี่ย 1.00 มีความสอดคล้องกับเนื้อหา ส่วนข้อคำถามที่ 2 และ 3 ด้านความเหมาะสมของคำศัพท์ที่ใช้กับระดับของผู้เรียนและความเหมาะสมของรูปแบบการใช้ตัวอักษรรูปภาพมีค่าเฉลี่ย 1.00 ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ที่กำหนด แสดงว่าเหมาะสมและนำไปใช้ได้ และเมื่อพิจารณา ในภาพรวมของแบบฝึกทักษะ พบว่ามีค่า 1.00 ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์ที่กำหนดแสดงว่าสามารถนำไปใช้ได้

2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน – หลังเรียน

หลังจากที่ทดสอบนักเรียนด้านการอ่านออกเสียงสะกดคาโดยใช้แบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียนแล้วปรากฏผลดังนี้

การทดสอบก่อนเรียนนักเรียนสามารถอ่านออกเสียงสะกดคำได้เฉลี่ย 4.11 คะแนนจากคะแนนเต็ม 40 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 10.29 มีค่าส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน 2.29 และเมื่อทำการทดสอบหลังเรียนนักเรียนสามารถอ่านออกเสียงได้เฉลี่ย 23.41 คะแนนคิดเป็น ร้อยละ 56.17 มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 9.20 ทั้งนี้ผลต่างของค่าคะแนนทั้งสองครั้งเฉลี่ย 19.29 มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 7.52 แสดงว่าหลังจากการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะแล้ว นักเรียนมีทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำที่ดีขึ้น

1) ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้แบบฝึกทักษะ

นักเรียนที่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ด้านแบบฝึกแต่ละกิจกรรมมีความต่อเนื่องในด้านเนื้อหา อยู่ที่ร้อยละ 94.11 ด้านนักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจการออกเสียงสระเสียงสั้นในภาษาอังกฤษและสามารถออกเสียงได้ถูกต้องตามแนวโฟนิกส์ อยู่ที่ร้อยละ 82.35 ด้านคำชี้แจงในการทำแบบฝึกทักษะเข้าใจง่าย นักเรียนสามารถปฏิบัติตามได้ ด้านนักเรียนมีความรู้ความเข้าใจการออกเสียงพยัญชนะภาษาอังกฤษและสามารถออกเสียงได้ถูกต้องตามแนวโฟนิกส์ และด้านนักเรียนเห็นว่าแบบฝึกช่วยให้นักเรียนสามารถอ่านและเขียนคำศัพท์ได้ถูกต้อง อยู่ที่ร้อยละ 87.95 ตามลำดับ

สามารถสรุปในภาพรวมได้ว่า จำนวนนักเรียนร้อยละ 85.88 มีความพึงพอใจต่อการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics อยู่ในระดับมาก จำนวนนักเรียนร้อยละ 11.76 มีความพึงพอใจต่อการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics อยู่ในระดับปานกลาง และจำนวนนักเรียนร้อยละ 2.36 มีความพึงพอใจต่อการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics อยู่ในระดับปานน้อย

จากผลสรุปดังกล่าว ผู้วิจัยได้ตั้งสมมุติติฐานไว้ว่า นักเรียนร้อยละ 80 มีความพึงพอใจต่อการใช้แบบฝึกทักษะอยู่ในระดับมาก ดังนั้น ถือว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics ในครั้งนี้

5. อภิปรายผลการวิจัย

จากที่ทดสอบนักเรียนด้านการอ่านออกเสียงสะกดคำโดย ใช้แบบทดสอบก่อนเรียน –หลังเรียนแล้วปรากฏผลดังนี้

จากตารางที่ 6 แสดงให้เห็นว่าในการทดสอบก่อนเรียนนักเรียนสามารถอ่านออกเสียงสะกดคำได้เฉลี่ย 4.11 คะแนนจากคะแนนเต็ม 40 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 10.29 มีค่าส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน 2.29 และเมื่อทำการทดสอบหลังเรียนนักเรียนสามารถอ่านออกเสียงได้เฉลี่ย 23.41 คะแนนคิดเป็น ร้อยละ 56.17 มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 9.20 ทั้งนี้ผลต่างของค่าคะแนนทั้งสองครั้งเฉลี่ย 19.29 มีค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 7.52 แสดงว่าหลังจากการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะแล้ว นักเรียนมีทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำที่ดีขึ้น

ดังนั้นหลังจากการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะในแต่ละเล่มแล้ว นักเรียนมีทักษะการอ่านออกเสียงสะกดคำภาษาอังกฤษที่ดีขึ้น พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านการ อ่านออกเสียงสะกดคำภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยคะแนนการทดสอบการอ่านออกเสียง หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน

ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนวัดป่าข่อยใต้ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวนนักเรียนที่ตอบแบบประเมินทั้งหมด 17 คน เมื่อพิจารณาตามข้อแล้ว สามารถสรุปได้ดังนี้

นักเรียนที่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ด้านแบบฝึกแต่ละกิจกรรมมีความต่อเนื่องในด้านเนื้อหา อยู่ที่ร้อยละ 94.11 ด้านนักเรียนมีความรู้ ความเข้าใจการออกเสียงสระเสียงสั้นในภาษาอังกฤษและสามารถออกเสียงได้ถูกต้องตามแนวโฟนิกส์ อยู่ที่ร้อยละ 82.35 ด้านคำชี้แจงในการทำแบบฝึกทักษะเข้าใจง่าย นักเรียนสามารถปฏิบัติตามได้ ด้านนักเรียนมีความรู้ความเข้าใจการออกเสียงพยัญชนะภาษาอังกฤษและสามารถออกเสียงได้ถูกต้องตามแนวโฟนิกส์ และด้านนักเรียนเห็นว่าแบบฝึกช่วยให้นักเรียนสามารถอ่านและเขียนคำศัพท์ได้ถูกต้อง อยู่ที่ร้อยละ 87.95 ตามลำดับ

สามารถสรุปในภาพรวมได้ว่า จำนวนนักเรียนร้อยละ 85.88 มีความพึงพอใจต่อการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics อยู่ในระดับมาก จำนวนนักเรียนร้อยละ 11.76 มีความพึงพอใจต่อการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics อยู่ในระดับปานกลาง และจำนวนนักเรียนร้อยละ 2.36 มีความพึงพอใจต่อการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics อยู่ในระดับปานน้อย

จากผลสรุปดังกล่าว ผู้วิจัยได้ตั้งสมมุติติฐานไว้ว่า นักเรียนร้อยละ 80 มีความพึงพอใจต่อการใช้แบบฝึกทักษะอยู่ในระดับมาก ดังนั้น ถือว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านสะกดคำภาษาอังกฤษตามแนว Phonics ในครั้งนี้

3. ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม

1) ข้อเสนอแนะทั่วไป

ด้านเนื้อหา ครูสามารถปรับปรุงและประยุกต์ใช้คำศัพท์ได้จากบทเรียนปกติ หรือแหล่งการเรียนรู้อื่นๆ ที่เหมาะสมกับระดับชั้นของนักเรียนได้อย่างหลากหลาย

เนื่องจากมีปัญหาอุปสรรคมากมาย เพราะนักเรียนส่วนมาก เป็นกลุ่มปานกลางและอ่อนที่มีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ความรู้พื้นฐาน ระดับสติปัญญา ความใฝ่รู้ใฝ่เรียน และเจตคติต่อการเรียนภาษาอังกฤษ ดังนั้นครูต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการสอน ซ่อมเสริมนักเรียนรายบุคคล นอกจากนี้นักเรียนส่วนมากยังขาดทักษะการออกเสียงพยัญชนะบางเสียงที่ไม่มีหรือแตกต่างจากภาษาไทย และการออกเสียงพยัญชนะท้ายคำ เนื่องจากความเคยชินใน การใช้ภาษาแม่

ผู้ศึกษาจึงเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงของ นักเรียนให้ดีขึ้น การอ่านออกเสียงสะกดคำเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการอ่านใน ระดับสูง

ดังนั้นเมื่อจัดกิจกรรมการเรียนรู้และทดสอบไปแล้ว แต่นักเรียนยังอ่านไม่ได้ ครูควรทำการสอนซ่อมเสริมนักเรียนเป็นรายบุคคล โดยอาจจะใช้เวลามากหรือน้อยแตกต่างกันไป

2) ข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป

ควรมีการศึกษาและพัฒนาเกี่ยวกับเนื้อหาต่างๆที่สำคัญ เพื่อเพิ่มเนื้อหาที่ยากขึ้นให้กับนักเรียนในระดับที่สูงขึ้น ดังนี้

- การออกเสียงพยัญชนะภาษาอังกฤษที่เป็นปัญหาสำหรับนักเรียน เพื่อแก้ไขปัญหาในการจัดการเรียนการสอน หรือเพื่อศึกษาเป็นกรณีตัวอย่าง

- การออกเสียงพยัญชนะท้ายคำ เนื่องจากนักเรียนเป็นปัญหามากสำหรับคนไทย เพราะในภาษาไทยไม่มีการออกเสียงพยัญชนะท้ายคำ

- สระเสียงยาว

- พยัญชนะผมและสระผสม

- การอ่านออกเสียงประโยค เพื่อให้นักเรียนนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

โพสต์โดย นา : [22 ก.ค. 2565 เวลา 09:54 น.]
อ่าน [62444] ไอพี : 118.174.65.212
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 31,523 ครั้ง
เคล็ดลับการทำให้หน้าเรียวกระชับใน 3 นาที
เคล็ดลับการทำให้หน้าเรียวกระชับใน 3 นาที

เปิดอ่าน 13,064 ครั้ง
การปฏิรูปการศึกษาไทยให้สำเร็จ ต้องปฏิรูปทั้งระบบ โดย เพชร เหมือนพันธุ์
การปฏิรูปการศึกษาไทยให้สำเร็จ ต้องปฏิรูปทั้งระบบ โดย เพชร เหมือนพันธุ์

เปิดอ่าน 21,199 ครั้ง
ดวงอาทิตย์ (The Sun)
ดวงอาทิตย์ (The Sun)

เปิดอ่าน 3,194 ครั้ง
แนะนำ 5 อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์ เพิ่มขีดจำกัดในการใช้งานให้ทะลุหลอด
แนะนำ 5 อุปกรณ์เสริมคอมพิวเตอร์ เพิ่มขีดจำกัดในการใช้งานให้ทะลุหลอด

เปิดอ่าน 22,418 ครั้ง
ประโยชน์ของ เมล็ดดอกทานตะวัน
ประโยชน์ของ เมล็ดดอกทานตะวัน

เปิดอ่าน 85,568 ครั้ง
ประวัติโทรทัศน์ไทย
ประวัติโทรทัศน์ไทย

เปิดอ่าน 81,102 ครั้ง
รู้ยังหมากัดคน บางกรณีฟ้องเจ้าของหมาไม่ได้นะ
รู้ยังหมากัดคน บางกรณีฟ้องเจ้าของหมาไม่ได้นะ

เปิดอ่าน 19,482 ครั้ง
คำว่า "ตายน้ำตื้น" มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ชมคลิป
คำว่า "ตายน้ำตื้น" มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ชมคลิป

เปิดอ่าน 17,045 ครั้ง
ชุมเห็ดเทศ
ชุมเห็ดเทศ

เปิดอ่าน 28,751 ครั้ง
งูพิษกัด
งูพิษกัด

เปิดอ่าน 93,529 ครั้ง
คู่มือการปฏิบัติงานข้าราชการครู
คู่มือการปฏิบัติงานข้าราชการครู

เปิดอ่าน 47,022 ครั้ง
พรหมวิหาร 4
พรหมวิหาร 4

เปิดอ่าน 22,392 ครั้ง
เตือน "5 โรคร้าย" อันตรายต่อ "ครู" แนะเทคนิคดูแลสุขภาพ
เตือน "5 โรคร้าย" อันตรายต่อ "ครู" แนะเทคนิคดูแลสุขภาพ

เปิดอ่าน 34,255 ครั้ง
นมวัว กับ นมถั่วเหลือง.. นมไหนดีกว่ากัน
นมวัว กับ นมถั่วเหลือง.. นมไหนดีกว่ากัน

เปิดอ่าน 116,122 ครั้ง
ประโยชน์ของผักใบเขียวมีอะไรบ้าง
ประโยชน์ของผักใบเขียวมีอะไรบ้าง

เปิดอ่าน 15,591 ครั้ง
16 กันยายน วันโอโซนโลก
16 กันยายน วันโอโซนโลก
เปิดอ่าน 99,137 ครั้ง
ความหมายของ e-Learning (โดย รศ.ดร.ถนอมพร เลาหจรัสแสง)
ความหมายของ e-Learning (โดย รศ.ดร.ถนอมพร เลาหจรัสแสง)
เปิดอ่าน 27,803 ครั้ง
รู้แล้วจะตกใจ! เครื่องดื่มดับกระหาย มีน้ำตาลตัวร้ายผสมเพียบ
รู้แล้วจะตกใจ! เครื่องดื่มดับกระหาย มีน้ำตาลตัวร้ายผสมเพียบ
เปิดอ่าน 53,585 ครั้ง
10 อันดับของผลไม้ที่มี "วิตามินอี" สูง
10 อันดับของผลไม้ที่มี "วิตามินอี" สูง
เปิดอ่าน 12,363 ครั้ง
4 พัฒนาการที่แม่ควรส่งเสริม
4 พัฒนาการที่แม่ควรส่งเสริม

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ