ชื่อผลงาน : การพัฒนารูปแบบการนิเทศการจัดการเรียนการสอนด้วย CARE Model เพื่อ
ส่งเสริมสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวม ตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1
ชื่อผู้สร้างผลงาน : นายวินิจ สมาธิมงคล
ปีที่สร้างผลงาน : 2568
การดำเนินการพัฒนารูปแบบการนิเทศการจัดการเรียนการสอนด้วย CARE Model เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวม ตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) รูปแบบการนิเทศการจัดการเรียนการสอนด้วย CARE Model เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวม ตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 2) พัฒนาเครื่องมือนิเทศการจัดการเรียนการสอนด้วย CARE Model เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวม ตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 3) ศึกษาผลการนำรูปแบบการนิเทศการจัดการเรียนการสอนด้วย CARE Model เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวม ตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 ไปใช้ กลุ่มเป้าหมายในการดำเนินการ ได้แก่ คณะครูโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์ษสงเคราะห์) จำนวน 11 คน เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินการ ประกอบด้วย 1) แผนการนิเทศการจัดการเรียนการสอนด้วย CARE Model เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวม ตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 2) แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวมตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 3) แบบประเมินการจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวมตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 4) แบบประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวมตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของครูผู้สอนที่มีต่อการนิเทศการจัดการเรียนการสอนด้วย CARE Model เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวมตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สรุปผลการดำเนินการได้ดังนี้
1. ผลการพัฒนารูปแบบการนิเทศการจัดการเรียนการสอนด้วย CARE Model เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวมตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 โดยการประเมินความเป็นไปได้ ความเหมาะสม ความถูกต้อง ความครอบคลุม และความเป็นประโยชน์ ในภาพรวมพบว่าอยู่ในระดับมากที่สุด (μ = 4.61, σ = 0.50) หากพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน ได้แก่ ด้านความเป็นไปได้ (μ = 4.61, σ = 0.50) ,ด้านความเหมาะสม (μ = 4.60, σ = 0.50) ,ด้านความเป็นประโยชน์ (μ = 4.58, σ = 0.49) ,ด้านความครอบคลุม (μ = 4.49, σ = 0.47) และด้านความถูกต้อง (μ = 4.46, σ = 0.46) ตามลำดับ
2. ผลการพัฒนาเครื่องมือการนิเทศการจัดการเรียนการสอนด้วย CARE Model เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวมตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 สรุปได้ว่า
2.1 แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวมตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 มีค่าความสอดคล้องอยู่ระหว่า 0.80-1.00 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.8014
2.2 แบบประเมินการจัดการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวมตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 มีค่าความสอดคล้องอยู่ระหว่า 0.80 1.00 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.8194
2.3 แบบผลลัพธ์การเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวมตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 มีค่าความสอดคล้องอยู่ระหว่า 0.80 1.00 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.8654
2.4 แบบสอบถามความพึงพอใจของครูที่มีต่อการนิเทศการจัดการเรียนการสอนด้วย CARE Model เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวมตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 มีค่าความสอดคล้องอยู่ระหว่า 0.80 1.00 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.8435
3. ศึกษาผลการนำรูปแบบการนิเทศการจัดการเรียนการสอนด้วย CARE Model เพื่อส่งเสริมสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวม ตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 ไปใช้ สรุปได้ดังนี้
3.1 ผลการเสริมสร้างสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวม โดยใช้รูปแบบการนิเทศการจัดการเรียนการสอน เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวมตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 พบว่า ครูมีสมรรถนะการจัดการเรียนการสอนในการจัดการเรียนรวม อยู่ในระดับ มาก (μ = 4.07, σ = 0.38) หากพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน ได้แก่ ด้านการจัดการเรียนรู้ (μ = 4.15, σ = 0.44) ด้านการจัดบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้ (μ = 4.13, σ = 0.40) ด้านการอบรมคุณลักษณะที่ดีให้กับผู้เรียน (μ = 4.10, σ = 0.37) ด้านการสร้างและพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยี (μ = 4.06, σ = 0.41) ด้านการออกแบบการเรียนรู้ (μ = 4.03, σ = 0.37) ด้านการสร้างและพัฒนาหลักสูตร (μ = 4.00, σ = 0.45) ด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ (μ = 3.59, σ = 0.38) และด้านการศึกษา วิเคราะห์ สังเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียน (μ = 3.57, σ = 0.43) ตามลำดับ
3.2 ผลการศึกษาความพึงพอใจของครูที่มีต่อรูปแบบการนิเทศการจัดการเรียนการสอน เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะของครูผู้สอนในการจัดการเรียนรวมตามกรอบโครงสร้าง SEAT ของโรงเรียนวัดศรีรัตนาราม(รัตนราษฎร์สงเคราะห์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 พบว่า ภาพรวมครูมีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มากที่สุด (μ = 4.53, σ = 0.42) หากพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า อยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ ได้แก่ การสะท้อนคิดและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (μ = 4.56, σ = 0.39) การประเมินผลและการนำไปใช้ (μ = 4.54, σ = 0.44) การช่วยเหลือสนับสนุนและการดำเนินการ (μ = 4.53, σ = 0.43) และการกำหนดเนื้อหาและการวางแผน (μ = 4.51, σ = 0.46) ตามลำดับ