ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมบทความการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

จะยุบโรงเรียนขนาดเล็กอีกกี่แห่ง? : รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก


บทความการศึกษา 17 มิ.ย. 2565 เวลา 06:02 น. เปิดอ่าน : 12,278 ครั้ง
จะยุบโรงเรียนขนาดเล็กอีกกี่แห่ง? : รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก

Advertisement

จะยุบโรงเรียนขนาดเล็กอีกกี่แห่ง?
รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก

ผู้เขียนตั้งคำถาม”จะยุบโรงเรียนขนาดเล็กอีกกี่แห่ง? “ตามชื่อบทความกับท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ท่านตรีนุช เทียนทอง เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 นี้ ในที่ประชุมสภาคณบดีคณะครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย

ผู้เขียนตั้งคำถามพร้อมเสนอข้อมูลและความเห็นข้างล่าง แต่เนื่องจากระยะเวลามีจำกัด จึงไม่ได้เสนอข้อมูลละเอียดเท่าที่ควร จึงขอบันทึกข้อมูลและความเห็นเพิ่มเติม ต่อไปนี้ ครับ

ข้อมูลประกอบคำถาม

1.สภาพปัจจุบันมีโรงเรียนในสังกัดสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งสิ้น จำนวน 29,583 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียน 0-120 คน จำนวน 14,958 แห่ง และมีจำนวนโรงเรียนที่มีนักเรียนต่างขนาดกัน จำนวน 14,625 แห่ง ประกอบด้วย (1)นักเรียน 121-200 คน จำนวน 7,000 แห่ง (2)นักเรียน 201-300 คน จำนวน 3,300 แห่ง (3)นักเรียน 301-499 คน จำนวน 1,961 แห่ง (4) นักเรียน 500-1,499 คน จำนวน 1,673 แห่ง (5) นักเรียน 1,500 -2,499 คน จำนวน 408 แห่ง (6)นักเรียน 2,500 คนขึ้นไป จำนวน 283 แห่ง. (สมคิด หอมเนตร;24 พฤษภาคม 2565)

2.จากข้อมูลข้างต้น สรุปได้ว่า ประเทศไทย มีโรงเรียนขนาดเล็ก จำนวน 14,958 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 50.563 (เกินกว่าครึ่งหนึ่ง) และมีโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนมากกว่า 120 คน จำนวน 6 ขนาด รวมจำนวน 14,625 แห่ง คิดเป็น ร้อยละ 49.437 (น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง) และ นับวันโรงเรียน 6 ขนาด ที่ใหญ่กว่าขนาดเล็กข้างต้น จะมีจำนวนนักเรียนลดลงตามลำดับ เนื่องจากประชากรไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามสถิติจำนวนประชากรดังนี้

3.การลดลงของประชากรไทย ระหว่าง ปี 2553 - 2583 (แผนภาพ 1)

(1)พ.ศ.2553 มีประชากรกลุ่มอายุ 0-14 ปี จำนวน 12.6 ล้าน ร้อยละ 19.8 (เฉลี่ย 14 รุ่นอายุ มีประชากรเกิด ปีละ 12.6 หารด้วย 14 ได้รุ่นอายุละ 900,000 คน)

(2)พ.ศ.2563 มีประชากรกลุ่มอายุ 0-14 ปี จำนวน 11.2 ล้าน ร้อยละ 16.9 (เฉลี่ย 14 รุ่นอายุ มีประชากรเกิด ปีละ 11.2 หารด้วย 14 ได้ประชากรเกิดรุ่นอายุละ 800,000 คน)

(3)พ.ศ.2573 มีประชากรกลุ่มอายุ 0-14 ปี จำนวน 9.9 ล้าน ร้อยละ 14.8 (เฉลี่ย14 รุ่นอายุ มีประชากรเกิด ปีละ 9.9 หารด้วย 14 ได้รุ่นอายุละ 707,142 คน)

(4)พ.ศ.2583 มีประชากรกลุ่มอายุ 0-14 ปี จำนวน 7.4 ล้าน ร้อยละ 12.4 (เฉลี่ย14 รุ่นอายุ มีประชากรเกิด ปีละ 7.4 หารด้วย 14 ได้รุ่นอายุละ 528,571 คน)

#ที่มา ประมวลจากรายงานการคาดประมาณประชากรของประเทศไทย พ.ศ. 2553 - 2583

4.จะเห็นได้ว่าประชากรแรกเกิดและวัยเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานลดลงตามลำดับอย่างต่อเนื่อง ทุก 10 ปี ดังนี้

(1)ปี 2553-2563 (12.6-11.2)= 10 ปี ลดลง 1.4 ล้านคน เฉลี่ยลดลง ปีละ 900,000-800,000 = 100,000 คน
(2)ปี 2563-2573 (11.2-9.9) = 10 ปี ลดลง 1.3 ล้านคน เฉลี่ยลดลง ปีละ 800,000-707,142 = 92,858 คน
(3)ปี 2573-2583 (9.9-7.4) =10 ปี ลดลง 2.5 ล้านคน เฉลี่ยลดลง707,142-528,571 = 178,571 คน

###สรุป ปี 2553-2583 ระยะเวลา 30 ปี จะมีประชากรวัยเรียนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ลดลง จาก 12.6 -7.4 = 5.2 ล้านคน

5.จากการคาดประมาณการประชากรตามข้อ 3(2)ในปี 2564 จะมีประชากรไทยเกิดปีละ 800,000 คน แต่โดยข้อเท็จจริง ในปี 2564 มีเด็กไทยเกิดใหม่ลดลงเหลือเพียง 540,000 คน (ศ.เกียรติคุณ ดร.ปราโมทย์ ประสาทกุล; สำนักข่าวอิศรา,4 กุมภาพันธ์ 2565) (แผนภาพ 2) ลดลงจากคาดประมาณการ จำนวน 260,000 คน และลดลงเร็วกว่าการคาดประมาณการเกือบ 20 ปี

6.หากนำตัวเลขจำนวนประชากร ตาม3(1) ในกลุ่มปี พ.ศ.2553 จำนวน 900,000 คน มาวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยกับจำนวนโรงเรียนในปัจจุบัน จำนวน 29,583 แห่ง จะพบว่า โรงเรียน 1 แห่ง จะมีนักเรียนเข้าเรียนเฉลี่ย 30 คน และหากนำไปวิเคราะห์เปรียบเทียบหาจำนวนนักเรียนอีก 6 ปีข้างหน้าที่เด็กเกิดปี พ.ศ.2564 จำนวน 540,000 คน ซึ่งจะครบอายุ 6 ปี เข้าเรียนการศึกษาภาคบังคับ ใน ปี พ.ศ. 2570 (หากยังคงมีโรงเรียนจำนวน 29,583 แห่ง เท่าเดิม) จะพบว่าโรงเรียน 1 แห่ง จะมีนักเรียนเข้าเรียน เฉลี่ยเท่าๆกันโรงเรียนละ 18 คน

7.แต่โดยข้อเท็จจริงนักเรียนจะเข้าเรียนในโรงเรียนแต่ละแห่งไม่เท่ากันโดยเฉพาะโรงเรียนในจังหวัดและโรงเรียนในอำเภอ จะเป็นโรงเรียนยอดนิยมที่จะมีนักเรียนเข้าเรียนจำนวนมากกว่าค่าเฉลี่ย 18 คน ดังนั้น ยิ่งโรงเรียนยอดนิยมรับนักเรียนจำนวนห้องมากเท่าไหร่ และจำนวนนักเรียนแต่ละห้องมากเท่าไหร่ โรงเรียนระดับตำบลในแต่ละหมู่บ้าน(ถ้ามี) จำนวนจะลดลงจากค่าเฉลี่ย ต่ำกว่า 18 คนถึงไม่มีนักเรียนเข้าเรียนเลยอีกจำนวนมาก
และหากใช้เกณฑ์ในปัจจุบัน จะต้องมีโรงเรียนขนาดเล็กต้องถูกยุบจำนวนมาก

###ดังนั้น หากใช้เกณฑ์ในปัจจุบัน จะต้องมีโรงเรียนขนาดเล็กต้องถูกยุบจำนวนมาก ถ้ากำหนดให้ 1 โรงเรียน มีเด็กเข้าเรียนเฉลี่ย 30 คน เช่นปัจจุบัน ในปี พ.ศ.2570 จะต้องยุบโรงเรียนอีก 17,749 แห่ง และจะเหลือโรงเรียนในประเทศไทย เพียง 11,834 แห่ง เท่านั้น

 

###จากข้อมูลข้างต้น ผู้เขียนจึงขอเสนอกระทรวงศึกษาธิการ ว่าควรมีการดำเนินการเตรียมรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านประชากรที่เกิดขึ้น อย่างน้อย 4 ประการ ดังต่อไปนี้

1.ควรกำหนดเกณฑ์โดยใช้เกณฑ์พื้นที่เป็นที่ตั้งโรงเรียนในตำบล/หมู่บ้าน โดยควรมีโรงเรียน 1 แห่งต่อ พื้นที่และจำนวนประชากรวัยเรียนไม่เกิน 3 หมู่บ้าน (1 โรงเรียน: 3 หมู่บ้าน) ไม่ว่าจำนวนประชากรวัยเรียนในตำบล/หมู่บ้านนั้นจะลดลงมากน้อยเพียงใด

2.ควรกำหนดนโยบายการบริหารโรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ ในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ร่วมกับองค์กรปกคองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ใน 3 รูปแบบ คือ

รูปแบบที่ 1 กำหนดนโยบายการโอนโรงเรียน สพฐ.ให้เป็นโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) เพื่อให้ สพฐ. และ อปท.ร่วมกันรับผิดชอบการจัดการศึกษาในท้องถิ่น
รูปแบบที่ 2 กำหนดหลักเกณฑ์การบริหารโรงเรียนร่วมกันระหว่าง สพฐ.กับ อปท.
รูปแบบที่ 3 กำหนดหลักการในการที่ อปท.จะตั้งงบประมาณสนับสนุนโรงเรียนในท้องถิ่น

3. ควรดำเนินการ ดังนี้

(1)ลดเกณฑ์การกำหนดขนาดโรงเรียนโรงเรียนจาก 6 ขนาด เหลือ 3 ขนาดคือ เล็ก กลาง ใหญ่ โดยกำหนดจำนวนนักเรียนที่เหมาะสมกับแต่ละขนาดโรงเรียน และโรงเรียนขนาดใหญ่ต้องไม่มีนักเรียนมากเกินไปจนกระทั่งไม่เกิดการกระจายนักเรียนไปยังโรงเรียนอีกสองขนาด

(2)พัฒนารูปแบบการบริหารโรงเรียนและรูปแบบการเรียนการสอนกับวิธีการจัดการเรียนการสอน โดยใช้บทเรียนและวิธีการในช่วงโควิดเป็นแนวทางในการวิจัย

(3)แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ UNICEFได้สรุปประเด็นปัญหาการศึกษาของประเทศไทย ในช่วงปี 2565(แผนภาพ 3)

 

4.แก้ไขกฎหมายการใช้พื้นที่ดิน อาคารสถานที่ ทรัพย์สินอื่นๆของโรงเรียน ที่ถูกยุบรวมหรือยุบเลิก โดยควรมีการจัดสรรและบริหารจัดการอาคารสถานที่และพื้นที่ ดินในรูปแบบที่เหมาะสมกับบริบทสถานการณ์และของพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบันโรงเรียนที่ถูกยุบมีอาคารที่ผุพัง เนื่องจากไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์ และพื้นที่โรงเรียนรกร้างว่างเปล่าจำนวนมาก

###หมายเหตุ วิกฤติตามบทความนี้ จะลามไปเป็นวิกฤติระดับอาชีวะศึกษา และวิกฤตระดับอุดมศึกษาด้วย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ก่อนที่จะถึงวันนั้น ผู้เขียนคงต้องตั้งคำถามล่วงหน้า ว่าอนาคตจะต้องยุบสถาบันอาชีวะศึกษากี่แห่ง? และจะต้องยุบมหาวิทยาลัยอีกกี่แห่ง ด้วย?

13 มิถุนายน 2565 

 

ขอบคุณที่มาจาก เฟซบุ๊ค สมบัติ นพรัก


จะยุบโรงเรียนขนาดเล็กอีกกี่แห่ง? : รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรักยุบโรงเรียนขนาดเล็กโรงเรียนขนาดเล็กยุบ รร.สมบัติ นพรัก

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

"ฟุตบอล"...สอนอะไร

"ฟุตบอล"...สอนอะไร


เปิดอ่าน 7,775 ครั้ง
โรงเรียนยุคมิลเลนเนียล

โรงเรียนยุคมิลเลนเนียล


เปิดอ่าน 8,173 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

ปฏิรูปการศึกษา ติดอาวุธครูสอนคิด

ปฏิรูปการศึกษา ติดอาวุธครูสอนคิด

เปิดอ่าน 8,886 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
การศึกษาไทย…ไปถึงไหนแล้ว?? ผู้เขียน สหัส แก้วยัง
การศึกษาไทย…ไปถึงไหนแล้ว?? ผู้เขียน สหัส แก้วยัง
เปิดอ่าน 50,985 ☕ คลิกอ่านเลย

Meritocracy กับการศึกษาสิงคโปร์  มูลค่าของความสามารถ
Meritocracy กับการศึกษาสิงคโปร์ มูลค่าของความสามารถ
เปิดอ่าน 9,748 ☕ คลิกอ่านเลย

เรื่องที่คุณครูต้องอ่าน
เรื่องที่คุณครูต้องอ่าน
เปิดอ่าน 12,656 ☕ คลิกอ่านเลย

หมดยุค"ปริญญาแปะฝาบ้าน"!! "ทักษะอาชีพ-ชีวิต"สำคัญกว่า?
หมดยุค"ปริญญาแปะฝาบ้าน"!! "ทักษะอาชีพ-ชีวิต"สำคัญกว่า?
เปิดอ่าน 427,911 ☕ คลิกอ่านเลย

อภิปัญหาหนี้ครู...ปมที่แก้ไม่ตก 11 ปีลุกลาม 1.2 ล้านล้าน
อภิปัญหาหนี้ครู...ปมที่แก้ไม่ตก 11 ปีลุกลาม 1.2 ล้านล้าน
เปิดอ่าน 10,836 ☕ คลิกอ่านเลย

เสียงสะท้อนจากนิทานเรื่องมดน้อย ของลุงตู่ ต่อการปฏิรูปการศึกษา : โดย เพชร เหมือนพันธุ์
เสียงสะท้อนจากนิทานเรื่องมดน้อย ของลุงตู่ ต่อการปฏิรูปการศึกษา : โดย เพชร เหมือนพันธุ์
เปิดอ่าน 9,466 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

แฉช่องโหว่ Windows 7
แฉช่องโหว่ Windows 7
เปิดอ่าน 15,112 ครั้ง

กินถั่วช่วยคุ้มกัน โรคมะเร็ง-หัวใจ
กินถั่วช่วยคุ้มกัน โรคมะเร็ง-หัวใจ
เปิดอ่าน 13,323 ครั้ง

เคยเห็นมั๊ย? มดมหัศจรรย์พันธุ์ เก็บน้ำหวานจนท้องกลมป่อง เป็นเสบียงให้ฝูง
เคยเห็นมั๊ย? มดมหัศจรรย์พันธุ์ เก็บน้ำหวานจนท้องกลมป่อง เป็นเสบียงให้ฝูง
เปิดอ่าน 16,342 ครั้ง

หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามาตรา 36 ค.(2)
หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามาตรา 36 ค.(2)
เปิดอ่าน 16,815 ครั้ง

"การสอบบรรจุครูผู้ช่วย" จากสไลด์ประกอบการประชุมมสัมมนาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด
"การสอบบรรจุครูผู้ช่วย" จากสไลด์ประกอบการประชุมมสัมมนาการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด
เปิดอ่าน 25,547 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ