ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


Advertisement

ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

เยาวชนรุ่นใหม่..ใส่ใจ...สิ่งแวดล้อม...


เรื่องราวจากสมาชิก

8,300

views
Advertisement

เยาวชนรุ่นใหม่..ใส่ใจ...สิ่งแวดล้อม...

ชมรมสิ่งแวดล้อม โรงเรียนอัสสัมชัญ เชิญชวนร่วมใจอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม

 

 

               วันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก หลังการเคารพธงชาติแล้ว นายสรคม เปรมพงษ์ นักเรียน ม.5/2 ตัวแทนชมรมสิ่งแวดล้อม โรงเรียนอัสสัมชัญ ได้มากล่าวเชิญชวนคณะนักเรียนและครู ให้ร่วมใจอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันกำลังมีปัญหา ให้คงอยู่เคียงคู่กับโลกตลอดกาล ดังคำกล่าวตอนหนึ่งของการเชิญชวนว่า ... ในปัจจุบัน ทรัพยากรถูกใช้ไปอย่างสิ้นเปลืองโดยไม่รู้จักอนุรักษ์ หรือสร้างขึ้นมาทดแทน มีคำที่เรามักได้ยินเป็นข้ออ้างเสมอๆ ในการทำลายทรัพยากรคือ รู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือไม่มีความรู้ แต่ในความเป็นจริงเรากลับพบว่าทรัพยากรจำนวนไม่น้อยถูกทำลายจากผู้ที่มีความรู้แต่ไม่สำนึก บัดนี้ยังไม่สายเกินไป ที่เราจะมาช่วยกันปลูกจิต สร้างสำนึกและความรับผิดชอบในสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติให้มากขึ้น...

 

ความเป็นมาวันสิ่งแวดล้อมโลก

ความตื่นตัวในวิกฤตการณ์ ด้านสิ่งแวดล้อมของโลกเริ่มขึ้นอย่างจริงจังเมื่อรัฐบาลสวีเดนได้เสนอต่อองค์การสหประชาชาติถึงวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อม อันประกอบด้วยวิกฤตการณ์ต่าง ๆ คือ การขาดแคลนอาหาร วิกฤตการณ์ด้านพลังงาน อัตราการเพิ่มของประชากรที่สูงมากรวมทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ซึ่งส่งผลกระทบต่อคนทั่วโลก ดังนั้นองค์การสหประชาชาติร่วมกับรัฐบาลสวีเดนจึงได้จัดการประชุมที่เรียกว่า "การประชุมสหประชาชาติเรื่องสิ่งแวดล้อมของมนุษย์" (UN CONFERENCE ON THE HUMAN ENVIRONMENT) ที่กรุงสต๊อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ระหว่างวันที่ 5-16 มิถุนายน พ.ศ. 2515 โดยใช้เวลาเตรียมการประชุมครั้งนี้ถึง 3 ปี เพื่อจัดทำร่างข้อเสนอต่าง ๆ รวมทั้งแผนการดำเนินการและปฏิญญาว่าด้วยสิ่งแวดล้อมของมนุษย์

ในการประชุมครั้งนี้มีผู้ร่วมเข้าประชุมถึง 1,200 คน จาก 113 ประเทศ นอกจากนั้น ยังมีผู้สังเกตการณ์อีกกว่า 1,500 คน จากหน่วยงานรัฐ องค์การสหประชาชาติ สื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ และตัวแทนเยาวชนและกลุ่มนักศึกษาจากทั่วโลก ซึ่งผลการประชุมนับว่าประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม เพราะเป็นครั้งแรกที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ได้หันหน้าเข้าหากันเพื่อเพื่อร่วมขจัดภยันตรายด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังคุกคามโลกของเรา และมีการตกลงที่จะร่วมมือในด้านต่าง ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญคือ องค์การสหประชาชาติได้จัดตั้งโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP : UNITED NATIONS ENVIRONMENT PROGRAMME) ขึ้น และรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ก็ได้รับข้อตกลงจากการประชุมคราวนั้น จัดตั้งหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมขึ้นในประเทศของตน รวมทั้งประเทศไทย รัฐบาลได้ตราพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2518 และก่อตั้งสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในปีเดียวกัน

ดังนั้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงจุดเริ่มต้น ของการร่วมมือระหว่างชาติทั่วโลกในด้านสิ่งแวดล้อมวันที่5 มิถุนายน อันเป็นวันเริ่มการประชุม ครั้งยิ่งใหญ่นี้ จึงได้รับประกาศให้เป็น "วันสิ่งแวดล้อมโลก" (WORLD ENVIRONMENT DAY)  สำหรับในปี พ.ศ.2550 วันสิ่งแวดล้อมโลกได้กำหนดแนวคิดหลักในการรณรงค์ให้เป็นทิศทางเดียวกัน คือ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โดยมีคำขวัญว่า “Melting Ice – a Hot Topic?” “หยุดโลกร้อนด้วยชีวิตพอเพียง

           ที่มา  :    กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม

รายงานโดย  : งานประชาสัมพันธ์โรงเรียนอัสสัมชัญ

 


เด็ก รร.หนองจิกดูงานเรือนจำ

เยาวชนในโครงการ  ค่ายพระพุทธบุตร  จากโรงเรียนหนองจิก    เข้ารับฟังการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตที่เคยหลงผิดจากผู้ต้องขังในเรือนจำกลางจังหวัดเพชรบุรีเพื่อเป็นอุทาหรเตือนใจไม่ให้หลงผิด
คณะครูอาจารย์จากโรงเรียน  หนอกจิกวิทยา    อำเภอท่ายาง  นำนักเรียนและเยาวชนจำนวนกว่า  ๑๖๐  ที่เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมค่ายพระพุทธบุตร  ที่วัดกำแพงแลง    ตำบลท่าราบ    เข้ารับฟังการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตจากผู้ต้องขังที่เคยกระทำความผิดในคดีต่างๆ      และใกล้จะพ้นโทษมาถ่ายทอดประสบการณ์ให้ได้ฟัง  เมื่อช่วงบ่ายของวันที่  ๒๐  มิถุนายนที่ผ่านมา    โดย  มีนาย  กฤธ    กระแสทิพย์    ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดเพชรบุรีพร้อมเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ      โดยการถ่ายทอดประสบการณ์จากผู้ต้องขังสู่เยาวชนเป็นหนึ่งในการดำเนินงานของโครงการ  พี่สอนน้อง  รวมพลังไทย    ขจัดภัยยาเสพติด  ร่วมเทิดไท้องค์ราชัน    ที่เรือนจำกลางจังหวัดจัดขึ้น    เนื่องจากพบว่า    ปัจจุบัน    ปัญหาเสพติดเป็นปัญหาสังคมที่สำคัญและสร้างผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศโดยเฉพาะยาบ้า      ที่ระบาดไปยังกลุ่มเยาวชนนักเรียนนักศึกษา      ซึ่งเมื่อเสพเข้าไปจะส่งผลกระทบทั้งด้านการเรียน      สังคม    และครอบครัว      รวมไปถึงปัญหาอาชญากรรมอื่นๆ   
ดังนั้นเพื่อให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้และรับทราบประสบการณ์ตรงจากผู้ที่เคยหลงผิดแล้วถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมาย    ซึ่งปัจจุบันบุคคลเหล่านี้สำนึกผิดชอบชั่วดีและพร้อมจะออกมาเป็นคนดีของสังคมและไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติดเหล่านี้    เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องปีมหามงคล    เฉลิมพระชนม์มายุ    ๘๐  พรรษา    และที่สำคัญพวกเขาต้องการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาให้    เยาวชนเหล่านี้ได้รับทราบ    เพื่อเป็นอุทาหรณ์  และเกรงกลัวต่อการกระทำความผิด    พิษภัยของสิ่งเสพติด    ที่จะก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตทรัพย์สิน  รวมไปถึงโทษทัณฑ์ที่จะได้รับ      และไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิงเสพติดเด็ดขาด
ตามไปดู "ทูตไบเออร์" ปลูกข้าวแบบไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมที่ "บ้านควาย"

your image


29 เมษายน 2551
ผู้จัดการออนไลน์ : ฉันขี่ไอ้ทุยวิ่งลุยท้องนา ฉันคนบ้านป่าหน้าตาเหมือนโจร แต่งตัวก็เชยหนักหนา ดูหน้าดูตาก็มีแต่โคลน ต่อให้ตะโกนเธอก็ไม่มา..."

บรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นโคลนสาบควายในแบบบทเพลงลูกทุ่งอมตะนี้ดูจะหาดูได้ยากเต็มที ด้วยรูปแบบเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไปส่งผลให้วิถีชาวนาที่พึ่งพิงแรงงานและปุ๋ยบำรุงดินจากเจ้าทุยเพื่อนยากต้องเปลี่ยนแปลงสู่การพึ่งพาเครื่องจักร ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลงเพื่อเพิ่มผลผลิตสู่การส่งออกมากกว่าอยู่อย่างพอเพียง

แต่ก่อนที่วิถีชาวนาแบบไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อมจะหายไปจากผืนนาไทย "ผู้จัดการวิทยาศาสตร์" ก็มีโอกาสได้ไปสัมผัสชีวิตแบบลูกทุ่งใกล้ๆ กรุง ณ หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย จ.สุพรรณบุรี ร่วมกับเยาวชนกว่า 40 ชีวิตจากโครงการทูตไบเออร์เพื่อสิ่งแวดล้อมของ บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด ภายในค่าย "อนุรักษ์วิถีชาวนาไทยเพื่อความเป็นอยู่อย่างพอเพียง" เมื่อวันที่ 26-27 เม.ย.51 ที่ผ่านมา ซึ่งทุกๆ หน้าร้อนเยาวชนจำนวนหนึ่งในโครงการทูตไบเออร์ทุกรุ่นจะรวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมสำหรับสิ่งแวดล้อม

หลายคนอาจไม่รู้ว่าควายซึ่งเคยเป็นแรงงานหลักประจำท้องทุ่ง แทนที่จะเป็นอาหารในชามก๋วยเตี๋ยวอย่างทุกวันนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ "ควายปลัก" หรือควายไทยที่ชอบแช่ปลัก-แช่โคลน กับ "ควายแม่น้ำ" หรือควายแขกซึ่งเป็นควายสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงในแถบประเทศอินเดียเพื่อไว้รีดนมมากกว่าใช้แรงงานและชอบแช่อยู่ในน้ำสะอาด

ในควายสายพันธุ์หลักๆ นี้เรายังอาจพบควายลักษณะแปลกๆ อาทิ ควายด่อนหรือควายเผือกซึ่งเป็นควายที่ตลอดทั้งตัวเป็นสีขาวค่อนชมพู ควายแคระซึ่งเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมทำให้มีรูปร่างๆ เล็กกว่าควายทั่วๆ ไป เป็นต้น

ภายในหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทยได้ไถ่ชีวิตควายจากโรงฆ่าสัตว์เพื่อนำมาเลี้ยงไว้กว่า 300 ตัวแล้ว ในจำนวนนั้นมี "ควายดารา" ที่คอยแสดงความสามารถให้ชม ณ ลานแสดงควาย ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เห็นว่าควายที่นี่ "ยิ้มได้" สามารถยกขาซ้าย-ขวาได้ตามคำสั่งครูฝึก หรือแม้กระทั่งแกล้งตายก็ยังได้

นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้เห็น "พญาควาย" ที่มีลักษณะเด่นๆ คือมีสีขาวเป็นรูปโพธิอยู่ตรงกลางหน้า หางเป็นพวงสีขาว กีบด่าง ขาทั้งสี่ด่างเหมือนสวมถุงเท้าขาว

"คนโบราณเชื่อกันว่าหากบ้านไหนมีพญาควายมีไว้ครอบครองจะเป็นสิริมงคลแก่บ้านหลังนั้น จะพบแต่ความเจริญ" วิทยากรภาคสนามประจำลานแสดงควายให้ความรู้

"พญาควายเมื่อโตเต็มที่จะสูงได้ถึง 180 เซนติเมตร มีอายุยืนถึง 45 ปี พญาควายจะคอยเป็นจ่าฝูงดูแลควายตัวอื่นๆ แต่ถ้าหากใครนำพญาควายไปฆ่ากินก็จะพบแต่ภัยพิบัติต่างๆ นานา" วิทยากรคนเดิมอธิบายต่อ ซึ่งในหมู่บ้านควายนี้มีพญาควายอยู่ 1 ตัวชื่อ "โพธิทอง" ซึ่งมีอายุได้ 8 ปีแล้ว

หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับควายแล้วก็ถึงเวลาที่เยาวชนทั้งหลายจะได้ลุยโคลน "ดำนา" เพื่อให้เข้าถึงวิถีแห่งชาวนา ซึ่งกว่าจะดำนาได้ชาวนาต้องเตรียมดินสำหรับปลูกข้าวโดยการ "ไถดะ" คือไถดินลงไปให้ลึกที่สุดเพื่อผลิกหน้าดินและทำลายวัชพืช

จากนั้น "ไถแปร" เพื่อพรวนให้ดินเล็กลงซึ่งจะไถตัดฉากกับการไถดะ จากนั้นใช้ "คราด" กวาดเอาวัชพืชทั้งหลายออกจากแปลงนา ซึ่งกระบวนการเตรียมดินเหล่านี้มี "เจ้าทุย" เป็นพระเอกตั้งแต่ต้นจนจบ

ส่วนการเตรียมต้นกล้าชาวนาจะนำเมล็ดพันธุ์ใส่กระสอบไปแช่น้ำไว้คืนหนึ่งเพื่อให้ยอดอ่อนแทงจมูกข้าวออกมา จากนั้นก็นำไปหว่านเพื่อให้กล้าเติบโตเป็นเวลา 1 เดือน และถอนกล้าเหล่านั้นออกมา "ดำ" ให้ต้นข้าวเติบโตอย่างเป็นระเบียบ งานนี้จึงได้เห็นเยาวชนทั้งหลายตั้งแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งค่อยๆ ถอยหลังคนละก้าวพร้อมๆ กับการปักต้นกล้าลงผืนนาที่มีน้ำขังอยู่เต็ม

หนึ่งในทูตไบเออร์ซึ่งเป็นหนุ่มน้อยจากเมืองคนดี "สุราษฎร์ธานี" อย่าง "กฤดา เอื้อกฤดาธิการ" ที่ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่าเขาไม่เคยได้เห็นควายตัวเป็นๆ อย่างใกล้ชิดมาก่อน

ปกติจะเห็นอยู่ตามข้างทางกลางทุ่งหน้าเป็นจุดดำๆ เล็ก ครั้งนี้เขาได้ลองสัมผัสควายและรู้สึกคล้ายกับ "กระเป๋าหนังมีขนและอุ่นๆ" นอกจากนี้ยังได้เปิดมุมมองชีวิต มีเวลาที่เดินช้าลง ต่างจากในเมืองที่เร่งรีบและนึกถึงแต่จุดหมาย

"บางครั้งเราลืมนึกถึงสิ่งที่เราใช้ มาที่นี้เราใช้ควาย ต้องถนอมจะใช้งานหนักไม่ได้ เมื่อก่อนเราใช้ควาย ไม่ต้องพึ่งพาน้ำมัน ให้กินฟาง กินหญ้า ตอนนี้เราใช้รถไถถึงจะได้ข้าวเยอะกว่าแต่ก็เกิดคาร์บอนสู่บรรยากาศ อีกทั้งชาวนาผลิตน้ำมันเองไม่ได้ ต้องนำเข้า เมื่อน้ำมันแพงขึ้นก็ส่งผลกระทบ แนวทางการทำเกษตรต่อไปน่าจะเป็นแบบผสมผสานคือใช้ควายส่วนหนึ่งและใช้เครื่องยนต์ส่วนหนึ่ง" กฤดากล่าว

ส่วนว่าที่สถาปนิกสาวจากเมืองนนท์อย่าง "ธนพร วงษ์ดนตรี" นักศึกษาชั้นปีที่ 5 คณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็เป็นอีกคนที่ไม่เคยเห็นควายในระยะใกล้ๆ แต่เมื่อได้สัมผัสก็รู้สึกว่าเป็นสัตว์โลกที่น่ารักชนิดหนึ่ง ไม่ได้น่ากลัว และอยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับควายเพราะเป็นสัตว์คู่บ้าน-คู่เมืองที่ช่วยผลิตข้าวให้เรากิน นอกจากนี้ยังดีใจที่ได้เห็น "พญาควาย" ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีควายแบบนี้อยู่ รวมถึง "ควายแคระ" ที่ไม่เคยเจอด้วย

"วิถีชีวิตแบบเดิมนั้นเข้าทำนา เย็นก็อยู่พร้อมหน้าครอบครัว แต่เดี๋ยวนี้ชีวิตมีแต่ความเร่งด่วน เมื่อก่อนครอบครัวมีปู่ย่าตายายอยู่กันพร้อมหน้า หาเลี้ยงชีพกันแบบพอกิน ไม่ได้คิดถึงกำไรมาก เดี๋ยวนี้คิดถึงแต่กำไร เน้นใช้เทคโนโลยี ขยะก็มากขึ้น ต่างจากวิถีชาวนาที่มีความผูกพันกับธรรมชาติมากกว่า อยู่กับควาย ใช้ควายทำนา เดี๋ยวนี้มีรถแทรคเตอร์ซึ่งมีดีตรงที่ทำงานเร็วแต่ก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ทั้งยังกินน้ำมันและก่อสารพิษ กลับไปใช้ควายอย่างเดิมผสมผสานการใช้เทคโนโลยีอย่างพอเพียงดีกว่า" ธนพรกล่าว

ด้าน วีระยุทธ โพธิ์ศรี หนุ่มอีสานเมืองขอนแก่นซึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษาจากคณะสังคมศาสตร์ สาขารัฐศาสตร์การปกครอง มหาวิทยาลัยมหามงกุฎวิทยาลัย วิทยาเขตอีสาน บอกเล่าว่าเขาเติบโตมากับสภาพแวดล้อมที่เป็นทุ่งนาและเต็มไปด้วยควาย จึงได้เห็นสัตว์มีเขานี้เป็นปกติ แต่ก็ให้ความเห็นถึงการทำนาในปัจจุบันว่ามีการใช้เทคโนโลยีในการปลูกข้าวมากขึ้น ทำให้เกิดควันพิษออกมามากเช่นกัน

"จากเดิมที่ใช้ควายและมีความสามัคคีกัน โดยเมื่อก่อนในการทำนานั้นเมื่อถึงฤดูเกี่ยวข้าวก็เรียกเพื่อนบ้านข้างเคียงมาช่วยกัน แต่เดี๋ยวนี้คนเราเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น มีการเก็บค่าแรง และก็มีรถรับจ้างเกี่ยวข้าว กลายเป็นการตัดงานแรงงานคน ชาวบ้านจึงต้องย้ายถิ่นฐานเข้าไปทำงานในเมือง"

"หากใช้ควายก็จะเกิดความสามัคคีในชุมชนมากขึ้น มีพืชสีเขียวไว้เป็นอาหารควาย มูลควายก็เป็นปุ๋ยให้นาได้ ควายเป็นแรงงานสำคัญและเป็นแหล่งปุ๋ยธรรมชาติ เป็นแหล่งให้แมลงกุดจี่ชอนไชมูลควาย ช่วยพรสนดินและทำให้ดินดี ขณะที่รถไถมีแต่สร้างมลพิษ" วีระยุทธกล่าว

ขณะที่หนุ่มใต้แห่งจังหวัดกระบี่อย่าง "สราวุธ ทองหนูนุ้ย" นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยทักษิน วิทยาเขตพัทลุง เสริมว่าการทำนาวิถีไทยนั้นสอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว

เมื่อก่อนแม้เศรษฐกิจไม่เติบโตมากแต่ธรรมชาติก็ไม่ได้ย่ำแย่และคนก็ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากนัก พร้อมเล่าประสบการณ์ว่าตอนเด็กๆ นั้นที่บ้านเคยทำนาแต่ทำได้กระทั่งเขาอายุ 5 ขวบก็หยุดไปเนื่องจากสู้ปัญหาดินเค็มไม่ไหว แล้วหันมาทำประมงแทน แต่เป็นการทำประมงแบบไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมทำให้สัตว์น้ำลดลงไปมาก

"เมื่อโตขึ้นได้รับเรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงได้จัดกิจกรรมสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนที่ไม่ได้รับการศึกษาเพื่อให้ทำประมงแบบยั่งยืนและช่วยกันอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ ปัจจุบันในพื้นที่เคยหากุ้ง หาปลาไม่ได้ ก็เริ่มหาได้แล้ว" สราวุธกล่าว พร้อมย้อนความหลังให้ฟังอีกว่าเมื่อตอนเด้กๆ ที่พ่อแม่ทำนานั้นก็พาไปทุ่งนาด้วย ทำให้เขาได้สัมผัสกลิ่นไอดิน กลิ่นข้าวยามออกรวง เมื่อตกเย็นก็ได้พร้อมหน้าพ่อแม่อยู่กันประสาครอบครัวเล็กๆ

แม้ว่าเราไม่อาจเรียกวิถีชีวิตบนหลังทุยให้กลับคืนมาเฟื่องฟูได้เหมือนเก่า แต่อย่างน้อยการกินข้าวให้หมดจานก็น่าจะเป็นวิธีที่เราจะแสดงความเคารพต่อวิถีชาวนาไทยที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษได้ อีกทั้งยังเป็นวิธีรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการลดปริมาณขยะในชีวิตประจำวันได้ง่ายที่สุด.

โครงการของมูลนิธิ

 1. โครงการหลัก

1.1 โครงการป่าของเด็ก Children ‘ s forest  Program (CFP)

          เป็นโครงการหลักที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 จนถึงปัจจุบัน มีพื้นที่ในการดำเนินงาน 4 ภาค ดังนี้  
*** ภาคเหนือ  เชียงใหม่  เชียงราย  ลำพูน และลำปาง                         
*** ภาคกลาง  พระนครศรีอยุธยา และชัยนาท
*** ภาคใต้     ระนอง
*** ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   สุรินทร์ และขอนแก่น  

                       

                        

 1.2 โครงการปลูกป่าเชื่อมมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่น   
      ในทุกๆปีจะมีกลุ่มคณะอาสาสมัครจากประเทศญี่ปุ่นเดินทางมาปลูกป่าร่วมกับมูลนิธิฯ เป็นประจำทุกปี จึงเกิดโครงการปลูกป่าเชื่อมมิตรภาพไทย-ญี่ปุ่น ขึ้นมา นอกจากการเชื่อมมิตรภาพที่ดีระหว่างกันแล้ว ยังได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ประเพณีและวัฒนธรรม โดยมีกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งของการเชื่อมมิตรภาพ

                                           
   
                              

2. โครงการเสริม

2.1 โครงการค่ายเยาวชนเพื่อสิ่งแวดล้อม 
      เป็นโครงการสืบเนื่องจากโครงการป่าของเด็ก เป็นกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะเยาวชนตัวน้อยๆซึ่งพวกเขาจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง สามารถคิด  และเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำลายสิ่งแวดล้อม การจัดค่ายในแต่ละครั้ง มีความมุ่งหวังว่าเยาวชนไทยจะตระหนักและเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมให้มากกว่าเท่าที่เป็นอยู่ และสามารถนำสิ่งดีๆที่ได้รับจากการเข้าค่ายนำไปปฎิบัติและถ่ายทอดให้แก่บุคคคลอื่นต่อไป

                 
     
2.2 โครงการเกษตรครอบครัวปลอดสารพิษ
       เป็นโครงการสืบเนื่องจากโครงการป่าของเด็กเช่นเดียวกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้นักเรียนที่สนใจการทำเกษตรได้เรียนรู้และการทำเกษตรปลอดสารพิษ สำหรับผลผลิตที่ได้จะนำไปเป็นอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน ส่วนที่เหลือจากการรับประทานก็นำไปจำหน่ายให้กับชุมชน นอกจากได้เรียนรู้แล้ว เด็กๆยังได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ รวมทั้งก่อให้เกิดรายได้เล็กๆน้อยๆอีกด้วย

  •  

Leave a response

Your response:

ค่าย เยาวชน หุ่นยนต์ ลดโลกร้อน

แกะรอย "ค่ายเยาวชนหุ่นยนต์ลดโลกร้อน" ...เด็กไทยทำได้!
"KMUTNB o­ne-2-Call! Robot Camp 2008"
โดย วัน-ทู-คอล ! ร่วมกับ ม. เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ


 

            ทรานซ์ฟอร์เมอร์  โดราเอมอน  วอลล์-อี  กันดั้มส์ ล้วนแล้วแต่เป็นหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นจากจิตนาการในภาพยนตร์ และ การ์ตูน ที่น้อยคนจะไม่รู้จัก แม้จะต่างกันด้วยรูปร่างหน้าตา และเรื่องราวเนื้อเรื่อง แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทุกตัวเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ หรือเพื่อปกป้องโลก  จนได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กหลายคนฝันว่าซักวันเขาจะสร้างหุ่นยนต์ซักตัวเพื่อปกป้องโลก


 
            เมื่อเร็ว ๆ นี้ วัน-ทู-คอล! ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จัดโครงการ "KMUTNB o­ne-2-Call! Robot Camp 2008"  เพื่อสร้างจุดเริ่มต้นให้เด็กไทยได้ใช้ไอเดียสร้างสรรค์อย่างอิสระและมีโอกาสทำฝันให้เป็นจริง นั่นคือ...ลงมือ "สร้างหุ่นยนต์ปกป้องโลกด้วยมือของพวกเขาเอง"


 
          โครงการ "KMUTNB o­ne-2-Call! Robot Camp 2008"  เป็นแคมป์เยาวชน ที่ o­ne-2-Call!  ได้ร่วมกับกลุ่มนักศึกษา และอาจารย์จากภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า  คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จัดขึ้น  โดย นายวินชัย วันวัฒน์สันติกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด วัน-ทู-คอล!  กล่าวว่า  "การจัดโครงการ "KMUTNB o­ne-2-Call! Robot Camp 2008" ค่ายเยาวชนหุ่นยนต์ ถือเป็นการร่วมมือที่สำคัญของภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาที่มีความชำนาญในการถ่ายทอดเทคโนโลยี  เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเพิ่มประสบการณ์จริงเกี่ยวกับการประดิษฐ์หุ่นยนต์  ไปพร้อมกับส่งเสริมการใช้จินตนาการด้านการประดิษฐ์ ซึ่ง วัน-ทู-คอล! ขอร่วมเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้เยาวชนได้มีโอกาสแสดงความคิดสร้างสรรค์อย่างเป็นอิสระ และมีเวทีให้พวกเขาได้ทำฝันให้เป็นจริง...แม้จะเป็นแค่จุดเริ่มต้นของเส้นทางนักพัฒนาหุ่นยนต์ก็ตาม"


 
          แคมป์ "KMUTNB o­ne-2-Call! Robot Camp 2008" ได้ต้อนรับเยาวชนกว่า 200 คนจากโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วประเทศ ที่มาใช้ชีวิตร่วมกันตลอด 5 วันเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับหุ่นยนต์ประเภทต่าง ๆ อุปกรณ์ที่จำเป็นในการสร้างหุ่นยนต์เบื้องต้น วิธีการเขียนคำสั่งการให้หุ่นยนต์ทำสิ่ง ต่าง ๆ ที่เราต้องการ และภารกิจสำคัญที่ทุกกลุ่มต้องทำก็คือทำหุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ "หุ่นยนต์ลดโลกร้อน " ไปแข่งขันกับเพื่อน ๆ ในโครงการทั้งหมดในวันสุดท้ายของการอยู่แคมป์อีกด้วย

 


 
          สำหรับโจทย์การสร้างหุ่นยนต์ที่นักเรียนในระดับ ม.ต้น ต้องทำให้สำเร็จ คือ สร้างหุ่นยนต์บังคับที่สามารถออกคำสั่งให้ยิงเลเซอร์ไปที่เป้า  3 จุด และบังคับให้หุ่นยนต์ไปตามเส้นทางที่กำหนดให้เร็วที่สุด ผ่านการเขียนโปรแกรมการตรวจจับด้วยเซ็นเซอร์ …ส่วนนักเรียนในระดับม.ปลาย พวกเขาจะต้องสร้างหุ่นยนต์ที่บังคับด้วยโทรศัพท์มือถือผ่านระบบ GPRS เพื่อให้หุ่นยนต์เก็บขยะไปไว้ในพื้นที่ที่กำหนดให้ได้มากที่สุด


            
            ปรากฏว่า ทีมผู้ชนะเลิศในระดับ ม.ต้น เป็นทีมของสาวน้อยผู้คลั่งไคล้ในหุ่นยนต์จากโรงเรียน อุตรดิตถ์ดรุณี จ.อุตรดิตถ์  โดย "น้องมุข" หรือ ด.ญ. วัชราภรณ์ แก้วคงขำ ตัวแทนกลุ่ม Justice ทีมชนะเลิศ เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ครั้งแรกของการสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถเคลื่อนที่ได้ว่า "หนูได้เรียนรู้ประสบการณ์มากมายจากการมาเข้าแคมป์ในครั้งนี้ เห็นสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ มีเพื่อนใหม่ๆ และที่สำคัญคือได้รู้วิธีการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อบังคับหุ่นยนต์ ...ทำให้รักหุ่นยนต์มากขึ้น รู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่เคยคิดค่ะ"  ส่วนน้องทราย หรือ ด.ญ. ภัณฑิรา คำน้อย อีกหนึ่งสมาชิกของทีม Justice เล่าความฝันของเธอว่า "อยากสร้างหุ่นยนต์ที่ทำจากวัสดุที่ไม่ส่งผลเสียต่อโลก เพราะว่าโลกมันร้อนอยู่แล้ว และหน้าที่ก็คือเป็นหุ่นยนต์ที่มาทำงานที่อันตรายแทนมนุษย์ เช่น การเก็บขยะที่เป็นวัตถุมีพิษ"


 
          สำหรับผู้ชนะในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เป็น ทีมจอมยุทธ์ จากโรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จ. พิษณุโลก โดย นายเกน จินตกะวงส์  สมาชิกของทีมจอมยุทธ์  บอกว่า  "คิดว่าจะเอาความรู้ในการเข้าร่วมกับโครงการ ไปต่อยอดในโครงงานวิทยาศาสตร์ที่โรงเรียน และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมได้จากโครงการนี้คือความภูมิใจในผลงาน การสร้างหุ่นยนต์ครั้งแรกในชีวิต"   ขณะที่อีกหนึ่งหนุ่ม นายจาตุรนต์ มีรัตน์ หรือฟ้า จากทีมเดียวกัน ได้เล่าถึงเทคโนโลยีที่เขาอยากสร้างให้เกิดขึ้นจริงในอนาคตว่า  "ผมมีความสนใจเกี่ยวกับเครื่องบิน พอได้มาเข้าแคมป์ และได้เห็นวิวัฒนาการของหุ่นยนต์ที่มีอยู่ เลยอยากที่จะนำเทคโนโลยีการบินและหุ่นยนต์มาผสมกัน เป็นหุ่นยนต์ที่บินได้ เพื่อไปสำรวจที่ต่าง ๆ หรือการหาทรัพยากรใหม่"


 
            ไม่เพียงนักเรียนกว่า 200 คนที่มาร่วมโครงการ "KMUTNB o­ne-2-Call! Robot Camp 2008" จะได้เรียนรู้ประสบการณ์สร้างหุ่นยนต์เท่านั้น ...นักศึกษารุ่นพี่จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระนครเหนือ อีกกว่า 200 ชีวิตที่รับบทเป็น ออกาไนเซอร์เอง ตั้งแต่การวางแผน ดำเนินการจัดการฝึกอบรม สร้างกิจกรรม และการแข่งขันให้กับรุ่นน้อง ก็ยังได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ในการจัดงานที่ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่ายอีกด้วย


 
นายเจษฎา กาญจนไพจิตร์ นักศึกษาปี 4  ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า  คณะวิศวกรรมศาสตร์ หัวหน้าทีมนักศึกษาที่ร่วมกันจัดค่ายกิจกรรม เล่าให้ฟังว่า  "การจัดแคมป์นี้ ยังถือเป็นการสร้างประสบการณ์ให้กับทีมงานผู้จัดซึ่งล้วนเป็นนักศึกษา ให้ได้มีโอกาสเรียนรู้ในด้านการทำงานเป็นทีม ช่วยเหลือกันและกันในกลุ่ม และระหว่างกลุ่ม การประสานงาน ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับพวกเราก่อนก้าวไปสู่โลกการทำงานจริงในอนาคตอันใกล้"
 
            เพียงเรากล้าลงมือทำตามฝัน...ในที่สุดก็จะได้พบว่า "สิ่งนั้นไม่ได้เป็นแค่จินตนาการหรือความฝันอีกต่อไป" ... เด็กไทยทำได้ !!!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

www.eduzon

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 3113 วันที่ 26 พ.ค. 2552

ชุดไทยจิตรลดา โทนสีดำ ตัดเย็บจากผ้าไหมแพรทิพย์ งานละเอียดปราณีต แพทเทิร์นเข้ารูป สวยหรู ทันสมัย #ภาพถ่ายจากสินค้าจริง

฿1,790

https://s.shopee.co.th/8ANnSpUT4P?share_channel_code=6


เยาวชนรุ่นใหม่..ใส่ใจ...สิ่งแวดล้อม...

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

น้ำผลไม้....สูตรชาววัง

น้ำผลไม้....สูตรชาววัง


เปิดอ่าน 8,297 ครั้ง
2012 วันสิ้นโลก จริงหรือ!?

2012 วันสิ้นโลก จริงหรือ!?


เปิดอ่าน 8,294 ครั้ง
15 แซ่ของผู้ชายในผับ

15 แซ่ของผู้ชายในผับ


เปิดอ่าน 8,298 ครั้ง
มะระหวาน....อาหารมากคุณค่า

มะระหวาน....อาหารมากคุณค่า


เปิดอ่าน 8,293 ครั้ง
^๐^ ตุ๊กตาเปลือกข้าวโพด ^๐^

^๐^ ตุ๊กตาเปลือกข้าวโพด ^๐^


เปิดอ่าน 8,296 ครั้ง
ขอบคุณ..Photoshop...จ๊ะ!!!

ขอบคุณ..Photoshop...จ๊ะ!!!


เปิดอ่าน 8,292 ครั้ง
เบื่อการเมือง เชิญทางนี้

เบื่อการเมือง เชิญทางนี้


เปิดอ่าน 8,297 ครั้ง
ความพยายามที่ไม่สญเปล่า

ความพยายามที่ไม่สญเปล่า


เปิดอ่าน 8,294 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

{ 7 เคล็ดลับชะลอความแก่ }

{ 7 เคล็ดลับชะลอความแก่ }

เปิดอ่าน 8,294 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
 Suv หรู....กันกระสุนคันละ 55 ล้านบาท!!
Suv หรู....กันกระสุนคันละ 55 ล้านบาท!!
เปิดอ่าน 8,301 ☕ คลิกอ่านเลย

สนธิสัญญาเบาว์ริง ว่าด้วย ?การค้าเสรี?
สนธิสัญญาเบาว์ริง ว่าด้วย ?การค้าเสรี?
เปิดอ่าน 8,294 ☕ คลิกอ่านเลย

สิ่งที่คุณชอบทำในเวลาว่าง....บอกนิสัยได้นะ
สิ่งที่คุณชอบทำในเวลาว่าง....บอกนิสัยได้นะ
เปิดอ่าน 8,293 ☕ คลิกอ่านเลย

ธนบัตรปลอมหรือจริงดูอย่างไร?
ธนบัตรปลอมหรือจริงดูอย่างไร?
เปิดอ่าน 8,293 ☕ คลิกอ่านเลย

ก-ฮ กับความหมายประสาวัยรุ่น
ก-ฮ กับความหมายประสาวัยรุ่น
เปิดอ่าน 8,292 ☕ คลิกอ่านเลย

สวนน้ำ.....สมัยใหม่...คลายร้อน....
สวนน้ำ.....สมัยใหม่...คลายร้อน....
เปิดอ่าน 8,296 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ปัญหาการศึกษาไทย...อยู่ตรงไหน?
ปัญหาการศึกษาไทย...อยู่ตรงไหน?
เปิดอ่าน 23,617 ครั้ง

16 ของมงคล แต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย!!
16 ของมงคล แต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย!!
เปิดอ่าน 23,610 ครั้ง

ครูจีนสุดโหด! ตบเด็กอนุบาลไม่ยั้ง โมโหตอบโจทย์เลขไม่ได้
ครูจีนสุดโหด! ตบเด็กอนุบาลไม่ยั้ง โมโหตอบโจทย์เลขไม่ได้
เปิดอ่าน 15,590 ครั้ง

ชนชาติแรกที่สูบบุหรี่
ชนชาติแรกที่สูบบุหรี่
เปิดอ่าน 20,919 ครั้ง

เตือนมีภาพ-คลิปโป๊เด็กต่ำกว่า 18 ปี ในมือถือ ระวังเจอโทษหนัก
เตือนมีภาพ-คลิปโป๊เด็กต่ำกว่า 18 ปี ในมือถือ ระวังเจอโทษหนัก
เปิดอ่าน 18,366 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ