ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


Advertisement

ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ทำไมมุสลิมจึงเล่นสาดน้ำสงกรานต์ไม่ได้


เรื่องราวจากสมาชิก

8,314

views
Advertisement

ทำไมมุสลิมจึงเล่นสาดน้ำสงกรานต์ไม่ได้

❝ ประเพณีวันตรุษสงกรานต์ สงกรานต์เป็นคำภาษาสันสกฤต มักเรียกเข้าคู่กับคำว่าตรุษ ซึ่งเป็นคำภาษาสันสกฤตเช่นกันรวมกันเป็นตรุษสงกรานต์ คำว่า ตรุษ หมายถึง เทศกาลเนื่องในการสิ้นปีซึ่งกำหนดตามจันทรคติ ตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 4 (ราชบัณฑิตยสถาน. 2525 : 325) ส่วนคำว่าสงกรานต์ หมายถึง เทศกาลเนื่องในการขึ้นปีใหม่อย่างเก่า ซึ่งกำหนดตามสุริยคติ คือวันที่ 13,14และ 15 เมษายน (ราชบัณฑิตยสถาน. 2525 : 777) แปลว่า ตัด หรือขาด คือตัดขาดจากปีเดิมหรือสิ้นปีเป็นพิธีแสดงความยินดีที่ได้มีชีวิตผ่านพ้นมาด้วยความสวัสดีในรอบปีหนึ่ง เรียกว่าส่งปีเก่า ส่วนสงกรานต์ แปลว่า เคลื่อน ย้าย ผ่าน อันได้แก่พระอาทิตย์ผ่านหรือเคลื่อนย้ายเข้าไปในจักราศีใดราศีหนึ่ง และจักราศีนั้นแบ่งออกเป็น 12 ส่วนเท่ากัน หรือ 12 ราศี แต่ละราศีมีกลุ่มดาวอยู่ในราศีนั้นด้วย เมื่อพระอาทิตย์โคจรเข้าไปในราศีใดแล้วกว่าดวงอาทิตย์ผ่านพ้นไปได้ต้องใช้เวลาเป็นเดือน แต่ครั้นเมื่อพระอาทิตย์ผ่านพ้นไปครบ 12 ราศีก็นับเป็นเวลา 1 ปี (เสฐียรโกเศศ. 2516 : 6) ด้วยเหตุนี้ตรุษสงกรานต์จึงหมายถึงวันสิ้นปีเก่าขึ้นปีใหม่อย่างเก่าของไทย? ❞  

ทำไมมุสลิมจึงเล่นสาดน้ำสงกรานต์ไม่ได้

 

          ประเพณีวันตรุษสงกรานต์

          สงกรานต์เป็นคำภาษาสันสกฤต มักเรียกเข้าคู่กับคำว่าตรุษ ซึ่งเป็นคำภาษาสันสกฤตเช่นกันรวมกันเป็นตรุษสงกรานต์ คำว่า ตรุษ หมายถึง เทศกาลเนื่องในการสิ้นปีซึ่งกำหนดตามจันทรคติ ตรงกับวันแรม 15 ค่ำ เดือน 4 (ราชบัณฑิตยสถาน. 2525 : 325)

          ส่วนคำว่าสงกรานต์ หมายถึง เทศกาลเนื่องในการขึ้นปีใหม่อย่างเก่า ซึ่งกำหนดตามสุริยคติ คือวันที่ 13,14และ 15 เมษายน (ราชบัณฑิตยสถาน. 2525 : 777) แปลว่า ตัด หรือขาด คือตัดขาดจากปีเดิมหรือสิ้นปีเป็นพิธีแสดงความยินดีที่ได้มีชีวิตผ่านพ้นมาด้วยความสวัสดีในรอบปีหนึ่ง เรียกว่าส่งปีเก่า ส่วนสงกรานต์ แปลว่า เคลื่อน ย้าย ผ่าน อันได้แก่พระอาทิตย์ผ่านหรือเคลื่อนย้ายเข้าไปในจักราศีใดราศีหนึ่ง และจักราศีนั้นแบ่งออกเป็น 12 ส่วนเท่ากัน หรือ 12 ราศี แต่ละราศีมีกลุ่มดาวอยู่ในราศีนั้นด้วย เมื่อพระอาทิตย์โคจรเข้าไปในราศีใดแล้วกว่าดวงอาทิตย์ผ่านพ้นไปได้ต้องใช้เวลาเป็นเดือน แต่ครั้นเมื่อพระอาทิตย์ผ่านพ้นไปครบ 12 ราศีก็นับเป็นเวลา 1 ปี (เสฐียรโกเศศ. 2516 : 6) ด้วยเหตุนี้ตรุษสงกรานต์จึงหมายถึงวันสิ้นปีเก่าขึ้นปีใหม่อย่างเก่าของไทย

 

          ประเด็นชี้แจง

          จากเนื้อหาข้างต้นพอสรุปได้ว่า วันสงกรานต์ถือว่าเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของไทย ดังนั้นเมื่อวันสงกรานต์เป็นวันปีใหม่ของไทย มุสลิมที่อาศัยอยู่ในเมืองไทยย่อมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับวันดังกล่าว เพราะอิสลามมิได้บัญญัติหรือ ส่งเสริม ให้สนุกสนานรื่นเริง ในวันขึ้นปีใหม่ของชนชาติอื่นหรือแม้กระทั่งวันขึ้นปีใหม่ของอิสลามเองก็ตาม ดังเช่นมุสลิมบางกลุ่มเข้าใจผิดว่า วันที่ 1 มุหัรร็อมของทุกปี คือวันขึ้นปีใหม่ของอิสลาม

          ส่วนวันที่อิสลามอนุมัติให้รื่นเริงได้มีเพียงสองวันในรอบปีเท่านั้น คือวันอีดุลฟิฏฺริและอีดุลอัฎหา ดังที่ท่านอนัสได้กล่าวไว้ว่า

เมื่อท่านนบีมุหัมมัดมาถึงนครมะดีนะฮฺ พวกชาวเมืองก็มีวันรื่นเริงอยู่สองวัน ท่านจึงถามขึ้นว่า ทั้งสองวันนั้นคือวันอะไร?พวกเขา ตอบว่า ในสมัยก่อนศาสนาอิสลามพวกเราได้มีการละเล่นกันท่านนบีจึงกล่าวว่า พระองค์อัลลอฮฺทรงกำหนดวันทั้งสองให้แก่พวกท่านซึ่งดีกว่าวันทั้งสองนั้น ก็คือวันอัฎหา และวันฟิฎฺริ

          ฉะนั้น เมื่ออิสลามมิได้กำหนดวันขึ้นปีใหม่ให้แกบรรดามุสลิม จึงถือว่าไม่อนุญาตให้จัดงานเกี่ยวกับวันขึ้นปีใหม่ ไม่ว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ที่อ้างว่าเป็นของอิสลามหรือของศาสนาอื่นก็ตาม

          ท่านนบีมุหัมมัดกล่าวไว้ว่าบุคคลใดที่เลียนแบบชนกลุ่มอื่น ดังนั้น เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของชนกลุ่มนั้นด้วย

          วันสงกรานต์เป็นวันปีใหม่ของศาสนาอื่น ซึ่งเทศกาลดังกล่าวมิได้เกี่ยวข้องกับบรรดามุสลิมเลยแม้แต่น้อย จึงไม่เป็นที่อนุมัติสำหรับมุสลิมต่อการร่วมแสดงความยินดีหรือร่วมเฉลิมฉลองและร่วมสนุกสนานในวันดังกล่าว

 

          ประวัติความเป็นมาของวันสงกรานต์

          วันสงกรานต์ตกอยู่ในวันที่ 13,14และ 15 เมษายนของทุกปี การกำหนดวันสงกรานต์ในปีแรกเป็นครั้งแรกเผอิญตรงกับวันที่ 13 เมษายน ปีต่อๆมาจึงต้องยึดเอาตามวันที่กำหนดครั้งแรกนั้น ที่จริงแล้ววันสงกรานต์อาจจะไม่ใช่วันที่ 13 เมษายนก็ได้ วันที่ 13 เมษายน เรียกว่าวันมหาสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันที่พระอาทิตย์ขึ้นสู่ราศีเมษ วันที่ 14 เมษายนเรียกว่าวันเนา ซึ่งเป็นวันที่พระอาทิตย์โคจรอยู่ระหว่างราศีมีนกับราศีเมษ และวันที่ 15 เมษายนเป็นวันเถลิงศกขึ้นปีศักราชใหม่

          วันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ โดยเริ่มใช้มาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย กระทั่งถึงปี พ.ศ. 2483 พล.ต.หลวงพิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในปีนั้น ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติปีปฏิทินต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อแก้วันขึ้นปีใหม่ จาก 1 เมษายน เป็น 1 มกราคม เมื่อ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2483 และสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติรับหลักการ และได้ประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2483 โดยให้ขึ้นปีใหม่ตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ.2484

 

          ตำนานวันสงกรานต์

          ตำนานในวันสงกรานต์นี้ได้ปรากฏในเทพนิยายของศาสนาพราหมณ์ ฮินดูอยู่เรื่องหนึ่ง และได้ปรากฏอยู่ในศิลาจารึกที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามดังต่อไปนี้

          เศรษฐีคนหนึ่งไม่มีบุตร บ้านของเขาอยู่ใกล้กับบ้านของนักเลงสุรา นักเลงสุรานั้นมีบุตร 2 คน มีผิวเนื้อเหมือนทอง วันหนึ่งนักเลงสุรานั้นได้เข้าไปกล่าวคำหยาบคายต่อเศรษฐี และเศรษฐีถามเขาว่าเหตุใดเขาจึงมาหมิ่นประมาทต่อเศรษฐีผู้มีทรัพย์สมบัติมาก นักเลงสุราได้ตอบว่าถึงเศรษฐีมีสมบัติมากก็ไม่มีบุตร เมื่อเศรษฐีตายแล้วทรัพย์สมบัติก็สูญเปล่า นักเลงสุรากล่าวว่าตนประเสริฐกว่าเศรษฐี เศรษฐีมีความละอายแล้วจึงบวงสรวงพระอาทิตย์พระจันทร์ตั้งจิตอธิษฐานขอบุตรถึง 3 ปีก็มิได้มีบุตร อยู่มาวันหนึ่ง เป็นวันนักขัตฤกษ์สงกรานต์ พระอาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ เศรษฐีได้พาบริวารขนไปยังต้นไทรอันเป็นที่อยู่แห่งฝูงนก ทั้งปวงริมฝั่งน้ำ จึงเอาข้าวสารล้างน้ำ 7 ครั้ง แล้วหุงขึ้นบูชาพระไทร ประโคมพิณพาทย์ตั้งจิตอธิฐานขอบุตร พระไทรมีความกรุณา จึงเหาะไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ พระอินทร์ได้ให้ธรรมบาลเทวบุตรลงมาปฏิสนธิในครรภ์ภริยาของเศรษฐี เมื่อนางคลอดบุตรออกมา จึงให้ชื่อธรรมบาลกุมาร แล้วปลูกปราสาท 7 ชั้น ให้อยู่ใต้ต้นไม้ไทรริมฝั่งแม่น้ำ ธรรมบาลกุมารโตขึ้นได้เรียนรู้ภาษานก แล้วเรียนไตรเพทจนจบ เมื่ออายุ 7 ขวบและได้เป็นครูสอนมงคลการต่างๆแก่คนทั้งหลาย มงคลเหล่านั้นมีอยู่ 12 มงคล อันได้แก่ การโกนผมไฟ การเจาะหู การตั้งชื่อเด็ก การสอนเด็กให้เดิน ให้พูด การเปิบข้าว การนุ่งผ้า การว่ายน้ำ การโกนจุก การตัดเล็บ การตกแต่งร่างกาย และการแต่งงาน

          ในขณะนั้นโลกทั้งหลายนับถือท้าวกบิลมหาพรหมองค์หนึ่ง ว่าเป็นผู้แสดงมงคลแก่มนุษย์ทั้งปวง เมื่อท้าวกบิลมหาพรหมทราบจึงลงมาถามปัญหา 3 ข้อกับธรรมบาลกุมาร โดยให้สัญญากันไว้ว่า ถ้าธรรมบาลกุมารแก้ปัญหานั้นได้ จะตัดเศียรบูชาความรู้ของธรรมบาลกุมาร แต่ถ้าธรรมบาลกุมารแก้ปัญหานั้นไม่ได้ต้องตัดศีรษะของตนบูชาท้าวกบิลมหาพรหมภายใน 7 วัน ปัญหา 3 ข้อนั้นมีอยู่ว่า

ข้อ 1.ตอนเข้าราศีของมนุษย์อยู่ที่ไหน

ข้อ 2.ตอนเที่ยงราศีของมนุษย์อยู่ที่ไหน

ข้อ 3.ตอนเย็นราศีของ มนุษย์อยู่ที่ไหน

          เมื่อเวลาล่วงไป 6 วัน ธรรมบาลกุมารยังคิดไม่ออก จึงนึกว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่ตนต้องตายด้วยอาญาของท้าวกบิลมหาพรหม ธรรมบาลกุมารไม่ต้องการตายจึงคิดหนีไปซุกซ่อนตายเสียดีกว่า แล้วลงจากปราสาทไปนอนอยู่ใต้ต้นตาล 2 ต้น ซึ่งมีนกอินทรีสองตัวผัวเมียทำรังอาศัยอยู่บนต้นตาลนั้น ครั้นเวลาค่ำนางนกอินทรีได้ถามสามีของมันว่าพรุ่งนี้จะได้อาหารที่ใด สามีของนางนกอินทรีตอบว่าจะได้กินศพธรรมบาลกุมาร ซึ่งท้าวกบิลมหาพรหมจะฆ่าเสีย เพราะธรรมบาลกุมารไม่สามารถตอบปัญหา 3 ข้อของท้าวกบิลมหาพรหมได้ นางนกอินทรีจึงถามสามีของมันว่า ปัญหา 3 ข้อนั้นมีอย่างไร สามีของนางนกอินทรีบอกว่าตอนเช้าราศีของมนุษย์อยู่ที่ไหน ตอนเที่ยงราศีของมนุษย์อยู่ที่ไหน ตอนเย็นราศีของมนุษย์อยู่ที่ไหน นางนกอินทรีก็ถามสามีของมันว่าปัญหานั้นแก้อย่างไร สามีของนางนกอินทรีได้บอกว่า ตอนเช้าราศีของมนุษย์อยู่ที่หน้า มนุษย์ทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างหน้า ตอนเที่ยงราศีของมนุษย์อยู่ที่อก มนุษย์ทั้งหลายจึงเอาเครื่องหอมปะพรมที่อก ส่วนตอนเย็นราศีของมนุษย์อยู่ที่เท้า มนุษย์ทั้งหลายจึงเอาน้ำล้างเท้า (คณะกรรมการ วัฒนธรรมแห่งชาติ.2529 : 84)

          ธรรมบาลกุมารได้ยินการสนทนาของนกอินทรี 2 ผัวเมียเช่นนั้นแล้ว ก็ได้กลับไปยังปราสาทของตน ครั้นวันรุ่งขึ้นท้าวกบิลมหาพรหมได้มาถามปัญหา 3 ข้อนั้น ธรรมบาลกุมารได้ตอบคำถามนั้นถูกต้อง ท้าวกบิลมหาพรหมจึงเรียกเทพธิดาทั้งเจ็ดผู้เป็นบริจาริกา(แปลว่าหญิงรับใช้ หรือภรรยา) พระอินทร์มาพร้อมกันแล้วบอกว่าเราจะตัดศีรษะของเราบูชาธรรมบาลกุมาร ถ้าศีรษะ ของเราตั้งไว้บนแผ่นดินไฟจะไหม้ทั่วโลก ถ้าทิ้งขึ้นบนอากาศฝนจะแล้งถ้าทิ้งในมหาสมุทรน้ำจะแห้ง จึงให้เทพธิดาทั้งเจ็ดนั้นเอาพานมารองรับศีรษะ แล้วตัดศีรษะส่งให้ธิดาองค์ใหญ่ นางจึงเอาพานมารับพระเศียรของบิดาไว้ แล้วแห่ประทักษิณ(คือการแห่เวียนขวา) รอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในมณฑปถ้ำคันธธุลีเขาไกรลาส บูชาด้วยเครื่องพิมพ์ต่างๆ พระเวสสุกรรมหรือวิษณูกรรมก็นิรมิตโลงด้วยแก้วเจ็ดประการชื่อภควดีให้เป็นที่ประชุมเทวดา เทวดาทั้งปวงได้นำเถาฉมูนาค(ไม่ทราบว่าเถาอะไร น่าจะเป็นเถาไม้ที่ใช้หมักสำหรับทำน้ำโสมหรือสุรา) มาล้างในสระอโนดาตเจ็ดครั้งแล้วแจกกันสังเวยทุกพระองค์ ครั้นถึงครบกำหนด 365 วัน โลกสมมติว่าปีหนึ่งเป็นสงกรานต์ นางเทพธิดา 7 องค์ จึงผลัดเวรกันองค์ละ 1 ปี มาอัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลมหาพรหมออกแห่ประทักษิณเขาพระสุเมรุทุกปี แล้วกลับไปเทวโลก  (วีระชัย มีชอบธรรม และคณะ.2530 : 123,สุเมธ เมธาวิทยากุล. 2535 : 6)

          นางเทพธิดา 7 องค์ ที่ผลัดเวรกันมาอัญเชิญพระเศียรท้าวกบิลมหาพรหมออกแห่ประทักษิณเขาพระสุเมรุทุกปีนั้น มีหลักเกณฑ์อยู่ว่าถ้าวันมหาสงกรานต์ในวันที่ 13 เมษายน ตรงกับวันอะไร และเป็นเวรของนางเทพธิดาองค์ใดเป็นไปดังนี้

วัน

อาทิตย์

จันทร์

อังคาร

พุธ

พฤหัสบดี

ศุกร์

เสาร์

ชื่อนางสงกรานต์

ทุงษเทวี

โคราคเทวี

รากษสเทวี

มณฑาเทวี

กิริณีเทวี

กิมินาเทวี

มโหทรเทวี

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


        ประเด็นชี้แจง

          ตำนานของวันสงกรานต์มาจากความเชื่อที่ปรากฏในเทพนิยายของศาสนาพราหมณ์ ฮินดู โดยเชื่อว่าเมื่อวันสงกรานต์ตรงกับวันที่ 13 เมษายน ตรงกับวันใดก็ตาม เช่น วันตรงกับวันอาทิตย์ วันศุกร์ หรือวันอื่นๆ ภายในสัปดาห์ เหล่าธิดาของท้าวกบิล มหาพรหม จะทำหน้าที่ออกมาอัญเชิญพระเศียรบิดาของพวกนางตามวันที่ถูกกำหนดไว้

          เช่นนั้นสมมติว่าวันที่ 13 เมษายนตรงกับวันพุธเท่ากับว่านางมณฑาเทวีจะออกมารับพระเศียรของเท้ากบิลมหาพรหม เพื่อนำมาแห่ประทักษิณเขาพระสุเมรุของปีนั้น

          ความเชื่อดังกล่าวยังคงดำเนินอยู่จนกระทั่งถึงปัจจุบันสำหรับบุคคลที่นับถือและเชื่อถึงการร่วมพิธีกรรมในวันสงกรานต์ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพราหมณ์ ฮินดู หรือศาสนาพุทธก็ตาม

          ส่วนของศาสนาอิสลามได้กำหนดขอบเขตของความเชื่อไว้ว่าความเชื่อนั้นๆ จะต้องอยู่บนพื้นฐานของอัล-กรุอานและแบบฉบับของท่านนบีมุหัมมัดเท่านั้น ส่วนความเชื่อที่ขัดกับหลักการของอิสลามหรืออิสลามไม่ได้กำหนดไว้ถือว่ามุสลิมทุกคนจะกระทำมิได้โดยเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้เองท่านนบีมุหัมมัดจึงกล่าวสอนไว้ว่า

          โลกนี้ (ดุนยา) เปรียบเสมือนห้องขังของผู้ศรัทธาและเป็นสวรรค์สำหรับผู้ไม่ศรัทธา (ต่ออิสลาม)

          คำสอนของท่านนาบีมุหัมมัด นัยหมายการดำเนินชีวิตของมุสลิมจะต้องอยู่ในขอบเขตและระเบียบที่ศาสนากำหนดไว้ตลอดเวลา จึงคล้ายกับบุคคลที่อาศัยอยู่ในห้องขังที่ไม่มีอิสระมากนัก การกระทำอะไรต้องอยู่ภายใต้กฎเกณท์ตลอดเวลา ตรงกันข้ามกับบุคคลที่มิใช่มุสลิม ซึ่งพวกเขามีอิสระเต็มที่ในการดำรงชีวิตของตัวเองโดยไม่มีขอบเขตและหลักเกณฑ์ตายตัว กระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดตามอำเภอใจภายใต้จิตสำนึกแห่งความต้องการของตนเองเสมอ

          ฉันใดก็ฉันนั้น แม้มุสลิมปรารถนาเข้าร่วมกิจกรรมในวันสงกรานต์มากเพียงใด ก็ไม่สามารถกระทำเช่นนั้นได้ เพราะวันดังกล่าวเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวพุทธ ส่วนมุสลิมมีวิถีชีวิตที่ถูกกำหนดบนพื้นฐานของพระผู้เป็นเจ้า อีกทั้งไม่ใช่วันรื่นเริง หรือวันแห่งการเฉลิมฉลองของศาสนาอิสลามเพราะฉะนั้นมุสลิมจึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวันดังกล่าวแม้แต่น้อย

          การเล่นสาดน้ำสงกรานต์

          วิธีเล่นสาดน้ำสงกรานต์นั้นคงมีลักษณะนั้นคงมีลักษณะคล้ายกันในทุกภาค ของราชอาณาจักรไทย แต่บางท้องถิ่นอาจมีการเล่นน้ำกันรุนแรงไป การสาดน้ำวันสงกรานต์มักแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายชายกับฝ่ายหญิง และการเล่นสาดน้ำวันสงกรานต์นี้เกิดจาก ความเชื่อว่า การสาดน้ำจะช่วยให้ฝนตกตามฤดูกาล

          การเล่นน้ำสาดน้ำในวันสงกรานต์เป็นประเด็นที่ผู้เขียนต้องการเขียนถึงมากที่สุด เนื่องจากมุสลิมบางกลุ่มโดยเฉพาะบรรดาเยาวชนมุสลิมทั้งชายและหญิง นิยมเล่นสาดน้ำในวันสงกรานต์กันอย่างแพร่หลาย มีกล่าวกันว่าในบางท้องที่มุสลิมจะเล่นสาดน้ำ ก่อนวันสงกรานต์ (คือก่อนวันที่13) และเลิกสาดน้ำภายหลังวันสงกรานต์ (คือเลิกภายหลังวันที่  15) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามุสลิมบางกลุ่มนิยมเล่นสาดน้ำสงกรานต์มากกว่าผู้ที่นับถือศาสนาพุทธเสียอีก

          ภาพลักษณ์ของมุสลิมจึงดูมัวหมองอย่างเห็นได้ชัดถึงการไม่มีจุดยืน และไม่ได้ศึกษาค้นคว้าถึงที่มาของวันสงกรานต์ และการเล่นสาดน้ำว่าเป็นอย่างไร? ซึ่งถ้าหากมุสลิมทราบก็คงจะได้ใคร่ครวญถึงความผิดพลาดของตนในอดีตที่ได้ร่วมเล่นสาดน้ำเป็นแน่ เพราะการสาดน้ำในวันดังกล่าวมากความเชื่อที่ว่าจะช่วยให้ฝนตกตามฤดูกาล เป็นการมอบหมายให้ฝนตกด้วยการสาดน้ำ ด้วยเหตุนี้เองที่มุสลิมไม่สามารถจะร่วมเล่นสาดน้ำในวันสงกรานต์ได้อย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเยาวชนซึ่งหวังเพียงความสนุกสนานจนอาจลืมนึกถึงสิ่งที่อาจส่งผลเสียกระทบต่อความศรัทธาของตน

          โปรดพิจารณาหลักฐานดังต่อไปนี้

          ภายหลังการนมาซศุบหฺที่ตำบลหุดัยบิยะฮฺ ท่านนบีมุหัมมัดจึงกล่าวถามขึ้นว่า พวกท่านทราบไหมว่า พระผู้อภิบาลตรัสไว้อย่างไรกับพวกท่าน?บรรดาสหายของท่านนบีกล่าวตอบว่า พระองค์อัลลอฮฺ และศาสนฑูตของพระองค์ย่อมรู้ดียิ่งท่านนบีกล่าวว่า พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสว่า ในตอนเช้า ส่วนหนึ่งจากปวงบ่าวของฉันนั้นศรัทธาต่อฉันและปฏิเสธต่อฉัน(กล่าวคือ)บุคคลหนึ่งกล่าวว่า เมื่อฝนตกลงมายังเรา นั่นเป็นความโปรดปรานจากพระองค์อัลลอฮฺ เขาผู้นั้นศรัทธาต่อฉันและปฏิเสธต่อดวงดาว (เพราะดาวต่างๆ บนท้องฟ้าไม่สามารถทำให้ฝนตกได้), ส่วนบุคคลหนึ่งกล่าวว่า เมื่อฝนตกมายังเรานั่นเป็นเพราะดวงดาวต่างๆ โคจรที่นั้นไปยังที่โน้น เช่นนั้นแหละที่เขาได้ปฏิเสธต่อฉัน และเชื่อมั่นศรัทธาต่อดวงดาวต่างๆ

          ผู้เขียนจึงใคร่ขอเรียนให้ผู้ปกครองหรือครูอาจารย์ได้ช่วยกันกำชับ และรณรงค์ให้มุสลิมละทิ้งการร่วมกิจกรรมในวันดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นสาดน้ำ ยิ่งต้องตักเตือนกันอย่างจริงจังและเข้มงวดอย่างที่สุด หวังเพียงให้เยาวชนมุสลิมในวันนี้ได้ยืนหยัดและรักษาจุยืนแห่งความเป็นมุสลิมที่แท้จริงตลอดไป

 

          จากรายละเอียดที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมด  พอที่จะสรุปให้เป็นบทเรียนและเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของมุสลิมได้ดังนี้

 

          1. มุสลิมจะต้องไม่นำสิ่งอื่นที่มิใช่อิสลามมาปฏิบัติ

          มุสลิมจะต้องดำเนินชีวิตด้วยการยึดแนวทางที่ถูกกล่าวไว้ใน อัล-กุรฺอาน และแบบฉบับที่มาจากท่าน นบีมุหัมมัด  เพราะพระองค์อัลลอฮฺจะทรงรับการงานจากแนวทางทั้งสองนี้เท่านั้น  และพระองค์ยังทรงสั่งกำชับอย่างเน้นหนักมิให้นำสิ่งที่มิใช่อิสลามมาปฏิบัติดังนี้

          และบุคคลใดก็ตามที่แสวงหาแนวทางอื่นจากอิสลาม ( นำมาปฏิบัติ ) ศาสนานั้นจะไม่ถูกรับจากเขา (หมายถึงพระองค์อัลลอฮฺจะไม่ทรงรับการงานที่เป็นแบบฉบับอื่นจากอิสลามอย่างเด็ดขาด)

          ท่านนบีมุหัมมัดได้กล่าวไว้ว่า

          ฉันได้ทิ้งไว้สำหรับพวกท่านสองสิ่ง  ซึ่งพวกท่านจะไม่มีวันหลงทาง  ตราบเท่าที่พวกท่านยึดมั่นสองสิ่งนี้ไว้ นั่นคือคัมภีร์ของอัลลอฮฺและแบบฉบับจากศาสนาทูตของพระองค์ (คือสุนนะฮฺของท่านนบีมุหัมมัด )

          จึงสรุปได้ว่า ไม่มีช่องทางใดที่ทำให้มุสลิมสามารถเข้าร่วมกิจกรรมในวันสงกรานต์ได้เลย  เพราะเพียงแค่หลักฐานที่นำมาเสนอข้างต้นก็เป็นที่แน่ชัดตรงประเด็นอยู่แล้ว

 

          2. พฤติกรรมของมุสลิมจะต้องแตกต่างจากศาสนิกอื่น

          ท่านนบีมุหัมมัด กล่าวไว้ว่า พวกท่านจงมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากบรรดาผู้ที่ตั้งภาคี

          คำกล่าวของท่านนบีมุหัมมัดบ่งบอกให้รู้ว่ามุสลิมะต้องอยู่ร่วมกับสังคมทั้งที่เป็นมุสลิมและมิใช่มุสลิม  โดยแสดงภาพลักษณ์แห่งการเป็นมุสลิมให้เป็นประจักษ์ในทุกๆ ด้าน  ไม่ว่าชีวิตความเป็นอยู่  จริยธรรมแห่งอิสลาม  การประกอบศาสนกิจ  และอื่นๆ  เพื่อให้ต่างศาสนิกได้รู้ถึงมาตรฐานและจุดยืนแห่งความเป็นมุสลิมซึ่งมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองในทุกๆ ด้าน

          เมื่อเป็นเช่นนี้หากมุสลิมผู้หนึ่งเข้าร่วมกิจกรรมในวันสงกรานต์  ย่อมชี้ให้เห็นว่ามุสลิมผู้นั้นมิได้ทำตัวแตกต่างไปจากสังคมส่วนใหญ่ที่มิใช่มุสลิม  ทั้งๆ  ที่รู้ว่าสิ่งดังกล่าวไม่เป็นที่อนุมัติของศาสนา  อีกทั้งท่านนบีมุหัมมัดได้กำชับไว้ว่า จงทำตัวให้แตกต่างจากบรรดาผู้ที่ตั้งภาคี  ซึ่งหมายรวมถึงความเชื่อและการปฏิบัติ  ภาพลักษณ์ของมุสลิมควรจะเด่นชัดกว่านี้  มิเช่นนั้นแล้วผู้คนทั่วไปจะตัดสินได้อย่างไรว่าสังคมไหนคือสังคมมุสลิม และสังคมไหนมิใช่สังคมมุสลิม

 

          3. มุสลิจะต้องดำเนินชีวิตท่ามกลางสังคมอย่างมีจุดยืน

          ท่านนบีมุหัมมัดได้กล่าวไว้ว่า พวกท่านอย่าเป็นบุคคลที่ไร้จุดยืน (เขาจะมีสภาพเป็นเช่นไร) หากผู้คนทั้งหลายกระทำความดี  (ที่สอดคล้องกับอิสลาม)  เราก็กระทำความดีนั้นด้วย  และหากว่าผู้คนทั้งหลายกระทำความชั่วร้าย  เราก็กระทำความชั่วร้ายนั้นด้วย  แต่ทว่าพวกท่านจงเป็นบุคคลที่มีจุดยืน    (หมายถึง)  หากว่าผู้คนทั้งหลายกระทำความดี  เราก็กระทำความดีนั้นด้วย  แต่ถ้าผู้คนทั้งหลายกระทำความชั่วร้าย  เราก็ไม่กระทำความชั่วร้ายนั้น

          วจนะของท่านนบีมุหัมมัด ชี้ประเด็นที่ชัดเจนและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของมุสลิม ขณะอยู่ร่วมปะปนกับผู้คนในสังคมส่วนใหญ่โดยที่ท่านนบีได้สอนให้มุสลิมแสดงจุดยืนอย่างเด่นชัดมุสลิมจะไม่คลุมเคลือและไร้แก่นสารอย่างเด็ดขาด  เพราะมุสลิมมีแนวทางเป็นของตนเอง  และต้องดำเนินไปตามแนวทางนั้นถึงแม่ว่าคิดว่าดีงาม  ซึ่งมีพื้นฐานมากความเชื่อ  ไม่ว่าความเชื่อนั้นจะได้รับอิทธิพลมากจากศาสนา  ลัทธิ  หรือความคิด  มุสลิมถือว่าจะนำสิ่งนั้นมาปฏิบัติด้วยไม่ได้ เพราะไม่มีคำสอนมาจากศาสนาอิสลาม

          ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่า  หากมุสลิมในปัจจุบันยึดมั่นอุดมการณ์มีจุดยืนชัดเจนเฉกเช่นที่กล่าวมาข้างต้น  มุสลิมจะพัฒนาคุณภาพและยกระดับการเป็นมุสลิมได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันอย่างไม่ต้องสงสัย

 

          4. ใก้ลวันกิยามะฮฺ  (วันสิ้นโลก)  มุสลิมจะต้องมีสภาพเหมือนบุคคลที่กำเถ้าถ่านไฟไว้ในมือ

          ท่านนบีมุหัมมัดได้กล่าวไว้ว่า ช่วงสมัยหนึ่งจะเกิดขึ้นกับประชาชาติของฉัน  (หมายถึงสภาพก่อนใกล้วันกิยามะฮฺ)  จะมีบุคคลในหมู่พวกเขาที่ยืนหยัดอยู่บนศาสนาของเขา  ประหนึ่งว่าเขากำถ่านไฟ  (ร้อน ๆ ไว้ในมือของเขา)

          ท่านนบีมุหัมมัดได้กล่าวถึงสภาพใกล้ๆ วันสิ้นโลกว่ามุสลิมจะมีสภาพเหมือนบุคคลที่กำถ่านไฟร้อนๆ ไว้ในมือของตนเอง  นั่นย่อมหมายถึง มุสลิมในยุคใกล้วันสิ้นโลกจะต้องต่อสู้กับอารมณ์ใฝ่ต่ำของตนเอง  มิให้เดินตามสังคมที่มีพฤติกรรมอันสวนทางกับอิสลาม  ต้องต่อสู้กับอารมณ์ใฝ่ต่ำของตนเองมิให้ละทิ้งการประกอบศาสนกิจในช่วงนั้นและอื่น ๆ  ซึ่งดูราวกับว่าตนเอง ต้องใช้ความอดทนพอ ๆ  กับการกำถ่านไฟร้อนๆ  ไว้ในกำมือของตนนั่นเอง  แต่ถ้าไม่ต่อสู้กับอารมณ์ใฝ่ต่ำของตนเองอย่างจริงจังแล้ว  เชื่อแน่เหลือเกินว่าเขาอาจเป็นบุคคลหนึ่งที่ตกอยู่ในสภาพที่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ

          สภาพของมุสลิมในปัจจุบันคงไม่แตกต่างอะไรกับมุสลิมในยุคใกล้วันสิ้นโลก (หรือว่ายุคนี้อาจจะถึงยุคใกล้วันสิ้นโลกก็เป็นได้)  เนื่องจากมุสลิมในปัจจุบันต้องต่อสู้กับอารมณ์ใฝ่ต่ำของตนเองอย่างหนักหน่วง  มิเช่นนั้นแล้ว  มุสลิมจะไม่สามารถแสดงภาพลักษณ์แห่งอิสลามได้เลย  อย่างเช่น  การร่วมกิจกรรมหรือการเล่นสาดน้ำในวันสงกรานต์  เป็นบทพิสูจน์การต่อสู้กับอารมณ์ใฝ่ต่ำของมุสลิมได้เป็นอย่างดี  มุสลิมคนใดที่พ่ายแพ้ให้แก่ค่านิยมความเชื่อของสังคมแล้วเข้าไปมีส่วนร่วมในวันสงกรานต์  และมุสลิมคนใดบ้างที่ต่อสู้กับอารมณ์ใฝ่ต่ำของตนเองโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมในวันสงกรานต์ ประหนึ่งผู้ที่กำลังกำถ่านไฟร้อนๆ  ไว้ในมือของตน

 

 

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 8773 วันที่ 10 ต.ค. 2552

ชุดไทยจิตรลดา โทนสีดำ ตัดเย็บจากผ้าไหมแพรทิพย์ งานละเอียดปราณีต แพทเทิร์นเข้ารูป สวยหรู ทันสมัย #ภาพถ่ายจากสินค้าจริง

฿1,790

https://s.shopee.co.th/8ANnSpUT4P?share_channel_code=6


ทำไมมุสลิมจึงเล่นสาดน้ำสงกรานต์ไม่ได้

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ไม้มงคลประจำวันเกิด

ไม้มงคลประจำวันเกิด


เปิดอ่าน 8,301 ครั้ง
,มุมโปรด......ฝนตกตลอดเวลา....

,มุมโปรด......ฝนตกตลอดเวลา....


เปิดอ่าน 8,302 ครั้ง
ครูดี "ครูเพื่อศิษย์"

ครูดี "ครูเพื่อศิษย์"


เปิดอ่าน 8,293 ครั้ง
เรื่องราวของ...โถ..มดแดง

เรื่องราวของ...โถ..มดแดง


เปิดอ่าน 8,329 ครั้ง
บรอคโคลี่....ผักสยบภูมิแพ้

บรอคโคลี่....ผักสยบภูมิแพ้


เปิดอ่าน 8,299 ครั้ง
>>>100 เคล็ดลับไดเอต<<<

>>>100 เคล็ดลับไดเอต<<<


เปิดอ่าน 8,299 ครั้ง
ทำไมฉันจึงหางานทำไม่ได้?

ทำไมฉันจึงหางานทำไม่ได้?


เปิดอ่าน 8,302 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

ภาษาเขมรในภาษาไทย

ภาษาเขมรในภาษาไทย

เปิดอ่าน 9,378 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
สอนฝรั่งพูดไทย
สอนฝรั่งพูดไทย
เปิดอ่าน 8,310 ☕ คลิกอ่านเลย

พบ 10 ผลงานดีไซน์จาก ฝีมือยังก์ดีไซเนอร์
พบ 10 ผลงานดีไซน์จาก ฝีมือยังก์ดีไซเนอร์
เปิดอ่าน 8,293 ☕ คลิกอ่านเลย

ร้มั้ยทำไม? ผู้หญิงไม่ยอมทิ้งส้นสูง
ร้มั้ยทำไม? ผู้หญิงไม่ยอมทิ้งส้นสูง
เปิดอ่าน 8,301 ☕ คลิกอ่านเลย

ฝากถึงนักเรียนกิจกรรมดนตรีสากล 1/52
ฝากถึงนักเรียนกิจกรรมดนตรีสากล 1/52
เปิดอ่าน 8,295 ☕ คลิกอ่านเลย

พรปีใหม่ 2553 ร่วมกันสร้าง ′พลัง′ แห่งธรรมะ 4 ประการ โดยท่านว.วชิรเมธี
พรปีใหม่ 2553 ร่วมกันสร้าง ′พลัง′ แห่งธรรมะ 4 ประการ โดยท่านว.วชิรเมธี
เปิดอ่าน 8,293 ☕ คลิกอ่านเลย

ขำขัน : ซื้อ อะไรดี
ขำขัน : ซื้อ อะไรดี
เปิดอ่าน 8,291 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ซักซ้อมความเข้าใจเรื่องอำนาจการอนุมัติสั่งซื้อสั่งจ้างตามระเบียบฯว่าด้วยการพัสดุ 2535 และที่แก้ไขฯ
ซักซ้อมความเข้าใจเรื่องอำนาจการอนุมัติสั่งซื้อสั่งจ้างตามระเบียบฯว่าด้วยการพัสดุ 2535 และที่แก้ไขฯ
เปิดอ่าน 17,219 ครั้ง

ประหยัดน้ำมันทำยังไง
ประหยัดน้ำมันทำยังไง
เปิดอ่าน 10,629 ครั้ง

ไมยราบไร้หนาม
ไมยราบไร้หนาม
เปิดอ่าน 30,920 ครั้ง

ฮิคิโคโมริ ซินโดรม โรคเก็บตัวที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตุเมื่อลูกเริ่มหนีห่างจากสังคม
ฮิคิโคโมริ ซินโดรม โรคเก็บตัวที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตุเมื่อลูกเริ่มหนีห่างจากสังคม
เปิดอ่าน 5,227 ครั้ง

เอกสาร/แนวทางเตรียมรับการประเมินวิทยฐานะ
เอกสาร/แนวทางเตรียมรับการประเมินวิทยฐานะ
เปิดอ่าน 437,376 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ