ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

เด็กเสี่ยงไฮเปอร์-สมาธิสั้น


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,537 ครั้ง
Advertisement

เด็กเสี่ยงไฮเปอร์-สมาธิสั้น

Advertisement

เด็กเสี่ยงไฮเปอร์-สมาธิสั้น เหตุบริโภคอาหาร เครื่องดื่มมีสารกันบูด

 

เชื่อหรือไม่ ทุกวันนี้ วิถีชีวิตคนไทยยังต้องผจญอยู่กับวัตถุเจือปนอาหาร ทั้งสารเคมีสังเคราะห์  สารกันเสียและสีผสมอาหาร ในอาหาร  ขนมหวาน  ลูกกวาด  ไอศกรีม  น้ำผลไม้และน้ำอัดลม   ซึ่งวัตถุเจือปนอาหารเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในระยะยาว

ข้อมูลจากรายงาน ประจำเดือนมกราคม 2551 ของ ศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร แผนกวิเคราะห์ข้อมูล ฝ่ายบริการข้อมูลและสารสนเทศ สถาบันอาหาร ระบุว่า ปัจจุบันวัตถุเจือปนอาหาร  ซึ่งเป็นสารกลุ่มหนึ่งในอุตสาหกรรมสารผสมอาหาร อาทิ  วัตถุกันเสีย  สีผสมอาหาร ฯลฯ ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการผลิตอาหารเกือบทุกประเภท โดยเฉพาะอาหารสำหรับเด็กนั้นมีมูลค่ากว่า  20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ   
 
ด้วยคุณสมบัติช่วยถนอมรักษาอาหาร ให้สามารถเก็บได้นาน สีสัน สวยงาม สม่ำเสมอตลอดอายุการเก็บ ซึ่งสารเหล่านี้บางชนิดผลิตจากสารเคมีสังเคราะห์ ที่ถูกควบคุมและจำกัดด้านปริมาณ โดยในทั่วโลก ต่างให้ความสำคัญกับการใช้วัตถุเจือปนอาหารนี้อย่างมาก
 
ล่าสุดในเดือนตุลาคม 2550 นักวิจัยจากประเทศอังกฤษ ได้เผยแพร่ผลการวิจัยในวารสารทางการแพทย์ชื่อดัง พบว่า การใช้สีผสมอาหารสังเคราะห์ร่วมกับ สารโซเดียมเบนโซเอต ซึ่งเป็นวัตถุกันเสีย หรือในภาษาชาวบ้านที่เรียกว่า สารกันบูด ชนิดหนึ่งที่ใช้ผสมอาหารอย่างแพร่หลายในอาหารประเภทขนมหวาน ลูกกวาด ลูกอม ไอศกรีม น้ำผลไม้และน้ำอัดลม อาจเป็นสาเหตุทำให้เด็กอายุระหว่าง 3-9 ขวบ มีพฤติกรรมไม่หยุดนิ่ง ที่เรียกกันว่าอาการ “ไฮเปอร์” หรือเป็นโรคสมาธิสั้น
 
สามารถสังเกตได้จากเด็กจะไม่สามารถควบคุมสมาธิและการเคลื่อนไหวของตนเองได้ วอกแวกง่าย อยู่ไม่นิ่ง ซุกซนผิดปกติ ขาดความยับยั้งชั่งใจ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา อาทิ ผลการเรียนตกต่ำ เป็นต้น
 
ดังนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อขนม หรือเครื่องดื่มให้เด็ก ๆ ผู้ปกครองควรอ่านฉลากให้แน่ใจว่าขนมหรือเครื่องดื่มที่เด็ก ๆ ชื่นชอบปราศจากวัตถุกันเสียและสีสังเคราะห์ ซึ่งผู้ผลิตที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมจะมีแนวโน้มที่จะผลิตสินค้าที่มีคุณภาพโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ จากต่างประเทศมาในการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม มากกว่าที่จะใช้วิธีเก่า ๆ แบบดั้งเดิมที่เน้นผลิตจำนวนมากในราคาถูก
 
สำหรับในประเทศไทยนั้น กระทรวงสาธารณสุข มีประกาศควบคุมชนิดและปริมาณการใช้วัตถุเจือปนอาหารในอาหารแปรรูปและเครื่องดื่มหลายชนิด โดยกำหนดให้ใช้สีผสมอาหารในอาหารและเครื่องดื่ม   ได้เพียง 4 ชนิด คือสีสังเคราะห์ที่ให้สีเหลือง ได้แก่ Sunset Yellow  และ Tartrazine สีสังเคราะห์ที่ให้สีแดง ได้แก่ Ponceau 4R และ Carmoisine พร้อมกำหนดปริมาณการทั้งในเครื่องดื่ม ลูกกวาดและขนมหวาน ไอศกรีม ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ แยม เยลลี่ และมาร์มาเลด (ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องวัตถุเจือปนอาหาร ฉบับที่ 281 พ.ศ. 2547)
 
แม้ประเทศไทยจะยังไม่มีการศึกษาวิจัยถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวัตถุเจือปนอาหารอย่างจริงจัง แต่ผลจากนักวิจัยในต่างประเทศ กระตุ้นให้ผู้ประกอบการคนไทยหันมาใส่ใจ และศึกษาถึงการพัฒนาสินค้าอาหารแปรรูป เครื่องดื่ม และอื่น ๆ เพื่อการจำหน่ายในประเทศ และส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก 
 
ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาที่หน่วยงานภาครัฐต้องเร่ง กระตุ้นและสนับสนุน คือการลดการใช้สีสังเคราะห์และสารกันเสียในการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงลูกกวาด ขนมหวาน เค้ก เบเกอรี่ น้ำผลไม้และน้ำอัดลม 
 
โดยเปลี่ยนมาใช้สีผสมอาหารที่ได้จากธรรมชาติ ขณะที่ผู้บริโภคเองโดยเฉพาะผู้ปกครอง ต้องป้องกันไม่ให้เด็กบริโภคอาหาร เครื่องดื่มที่มีสีสันฉูดฉาด เลือกบริโภคอาหารที่ใหม่ สด และเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปที่ผ่านกระบวนการผลิต และมีฉลากระบุส่วนผสมอาหารที่ชัดเจน
  
อย่างไรก็ดี การลด ละ เลิก การใช้วัตถุเจือปนอาหาร ทั้งสารกันเสียและสีผสมอาหาร ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการภาคเอกชนถ้วนหน้า ซึ่งปัจจุบันพบว่าบริษัทเอกชน เริ่มให้ความสำคัญและหันมาใช้เทค โนโลยีใหม่ ๆ ในการผลิตเพื่อให้สินค้าคงคุณค่าทางโภชนาการอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องปรุงแต่งด้วยสารสังเคราะห์
   
โดย นางสาว สุวรรณดี ไชยวรุตม์ ผู้จัดกา ร ฝ่ายการตลาด บริษัท ที.ซี. ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำส้มฟรุ้ตฟิตฟอร์ฟัน กล่าวว่า ด้วยนโยบายของบริษัทในการเป็นผู้ผลิตสินค้าเพื่อพัฒนาและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนไทย และเชื่อว่าคุณภาพชีวิตมิได้ถูกจำกัดด้วยรายได้ ทุกคนสามารถเลือกคุณภาพชีวิตที่ดีได้
 
โดยการให้ความใส่ใจขึ้นอีกนิดในการเลือกซื้ออาหารและเครื่องดื่ม บริษัทจึงนำระบบเทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่ที่เรียกว่า ระบบ โคลด์ อะเซพเทค ( COLD ASEPTECH )  หรือ การบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ จากประเทศเยอรมนี เข้ามาใช้ในการผลิตและบรรจุน้ำส้มฟรุ้ตฟิตฟอร์ฟัน ซึ่งเป็นน้ำส้มไร้วัตถุกันเสียและสีสังเคราะห์ที่ผลิตด้วยระบบโคลด์ อะเซพเทคแบบครบวงจรรายแรกในเมืองไทย
 
ทั้งนี้ ระบบโคลด์ อะเซพเทค เป็นเทคโนโลยีล่าสุด ที่อาศัยกรรมวิธีในการทำให้ปลอดเชื้อตลอดกระบวนการบรรจุ โดยเน้นการลดจำนวนเชื้อจุลินทรีย์ตั้งแต่ขั้นตอนในการผสมในห้องปลอดเชื้อ หรือ คลีนรูม ที่มีอากาศบริสุทธิ์ในระดับที่เรียกว่า คลาส 5 ซึ่งเทียบเท่าห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐานโลก ทำให้บรรจุภัณฑ์ปราศจากเชื้อจุลินทรีย์ และฆ่าเชื้อส่วนผสมด้วยความร้อนสูง แต่ใช้ระยะเวลาสั้นมาก เพื่อคงคุณค่าสารอาหาร ความสดใหม่ กลิ่นและรสชาติที่คงเดิม รวมทั้งยังช่วยยืดอายุสินค้าให้เก็บไว้ได้นานยิ่งขึ้น 
 
นอกจากนี้ ระบบโคลด์ อะเซพเทค ยังเหมาะกับการใช้ผลิตเครื่องดื่มประเภทน้ำผักผลไม้ ที่ต้องการรสสัมผัสและกลิ่นตามธรรมชาติ อีกทั้งยังคงคุณค่าสารอาหาร โดยเฉพาะวิตามินซีไว้ได้ เทคโนโลยีการบรรจุแบบใหม่นี้ได้รับความนิยมแพร่หลายในยุโรป สหรัฐอเมริกา และกำลังขยายวงกว้างสู่ประเทศในแถบเอเชีย
 
ด้าน ผศ.ดร.รัชนี คงคาฉุยฉาย รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ สถาบันวิจัยโภชนาการ ม.มหิดล ให้ข้อมูลทางวิชาการด้านวิตามินซีว่า วิตามินจะถูกทำลายได้ง่ายในสภาพที่มีความร้อน ยิ่งบ้านเราเป็นเมืองร้อนการสูญเสียวิตามินซีในผลไม้รวดเร็วกว่าประเทศในเมืองหนาว ประกอบกับในภาคการขนส่งไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้ อย่างส้มจากเชียงใหม่ มาในรถไม่ติดแอร์กว่าจะถึงกรุงเทพฯ วิตามินซีที่มีอยู่ 100 อาจเหลือ 20
  
ยกตัวอย่างเมื่อซื้อฝรั่งจากตลาดวันที่ 1 ตั้ง  ทิ้งไว้ไม่เก็บในตู้เย็น วิตามินซีจะลดลงประมาณ 30-50 เปอร์ เซ็นต์ ขณะเดียวกันเมื่อใส่ในตู้เย็นวิตามินซีก็ลดลงไปเรื่อย วิธีเก็บผลไม้ให้คงวิตามินซีไว้ได้มากที่สุดคือเก็บแล้วห่อให้ปิดสนิทโดยใช้กระดาษห่อ เพราะแสงไฟในตู้เย็นสามารถทำลายวิตามินซีได้
  
“ผลไม้ไม่ควรซื้อกักตุนไว้ทานเป็นอาทิตย์ เพราะการเก็บไว้นานจะไม่ได้อะไรเลย สุดท้ายแล้วจะเหลือสารอาหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
 
นักโภชนาการคนเดิมยังบอกอีกว่า ข้อแตกต่างระหว่างการรับประทานผลไม้สดกับน้ำผลไม้ ต่างกันที่เส้นใยอาหาร เมื่อผลไม้ถูกสกัดมาเป็นน้ำผลไม้ กากใยอาหารถูกแยกออกไป แต่การกินผลไม้สดซึ่งมีใยอาหารการดูดซึมน้ำตาลในกระแสเลือดจะช้ากว่าการกินน้ำผลไม้ ขณะที่ดื่มน้ำผลไม้มีข้อดีที่ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้รวดเร็ว แต่เป็นผลร้ายสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน จึงควรหลีกเลี่ยงเพราะน้ำตาลจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำตาลหลังจากที่ย่อยแล้วมันจะลอยอยู่ในกระแสเลือด เข้าไม่ได้ เนื่องจากไม่มีอินซูลิน ไตทำหน้าที่ขับพวกนี้ค่อนข้างที่จะลำบาก ส่วนข้อเสียที่ได้เมื่อดื่มน้ำผลไม้มาก ๆ ร่างกายก็จะไม่ได้ใยอาหาร ใยอาหารช่วยในการขับถ่าย เมื่อขับถ่ายทำให้คนเราสุขภาพดี
 
“ควรจะมีฉลาก ว่าดื่มน้ำผลไม้ไม่ควรเกินเท่าไรเหมือนกับขนมกรุบกรอบ สมมุติว่ากรณีดื่มมากเกินไปก็มีผล ก็โดยเฉพาะใยอาหารได้ในปริมาณซึ่งพอเหมาะพอสมเขาก็จะช่วยให้สุขภาพดี”
 
เมืองไทยเป็นเมืองเกษตรกรรม ผลไม้มีให้เลือกรับประทานทั้งปี วิตามินซีจากผลไม้หาได้ไม่ยาก ผลไม้พื้นบ้านอย่างเช่น มะยม ตะลิงปลิง ปลูกง่ายให้ผลดีวิตามินซีโข เป็นสิ่งที่เราอาจหลงลืมไปในยุคข้าวยากหมากแพงจึงเป็นสิ่งที่น่าคิดคำนึง.

 

 

 

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 4030 วันที่ 19 ต.ค. 2552

HY300 โปรเจคเตอร์ 1080P 4K มินิโปรเจคเตอร์ Project Android 12.0 5G WIFI บลูทูธ รองรับการมิเรอร์หน้าจอ เชื่อมต่อกับมือถือ

฿940 - ฿2,699

https://s.shopee.co.th/3LCRC5o6j5?share_channel_code=6


เด็กเสี่ยงไฮเปอร์-สมาธิสั้น

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

การทำ EM จากเศษผักผลไม้

การทำ EM จากเศษผักผลไม้


เปิดอ่าน 7,886 ครั้ง
บทคัดย่อ

บทคัดย่อ


เปิดอ่าน 7,529 ครั้ง
ความลับของช็อกโกแลต

ความลับของช็อกโกแลต


เปิดอ่าน 7,583 ครั้ง
ฝากรัก...ฝากคิดถึง...

ฝากรัก...ฝากคิดถึง...


เปิดอ่าน 7,542 ครั้ง
"ปัญญา" คือ "ความเข้าใจ"

"ปัญญา" คือ "ความเข้าใจ"


เปิดอ่าน 7,525 ครั้ง
คำว่า เจริญสติ คืออะไร???

คำว่า เจริญสติ คืออะไร???


เปิดอ่าน 7,586 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

พลังมหัศจรรย์แห่งชีวิต

พลังมหัศจรรย์แห่งชีวิต

เปิดอ่าน 7,526 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
การทำหนังสือเดินทางไปต่างประเทศ(passport)
การทำหนังสือเดินทางไปต่างประเทศ(passport)
เปิดอ่าน 7,552 ☕ คลิกอ่านเลย

การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น
การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น
เปิดอ่าน 9,090 ☕ คลิกอ่านเลย

คอลเลคชั่นปืนสวย..สักกระปอกไหมค่ะ
คอลเลคชั่นปืนสวย..สักกระปอกไหมค่ะ
เปิดอ่าน 7,537 ☕ คลิกอ่านเลย

ส่งข่าวไปยังโรงเรียนบ้านเวินบึก อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
ส่งข่าวไปยังโรงเรียนบ้านเวินบึก อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี
เปิดอ่าน 7,531 ☕ คลิกอ่านเลย

โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน
เปิดอ่าน 7,542 ☕ คลิกอ่านเลย

ภัยคอนโดฯ อันตรายใกล้ตัว ของผู้หญิงวันนี้
ภัยคอนโดฯ อันตรายใกล้ตัว ของผู้หญิงวันนี้
เปิดอ่าน 7,532 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?
กระแสแอนตี้ "เด็กแสบ"...ผู้ใหญ่ใจร้ายหรือพ่อแม่รังแกฉัน?
เปิดอ่าน 10,579 ครั้ง

รู้จักโรคกระดูกเข่าเสื่อม เพื่อหาทางออกการรักษาที่เหมาะสม
รู้จักโรคกระดูกเข่าเสื่อม เพื่อหาทางออกการรักษาที่เหมาะสม
เปิดอ่าน 339 ครั้ง

7 คำถามที่ควรถามลูก...หลังลูกจากกลับจากโรงเรียน
7 คำถามที่ควรถามลูก...หลังลูกจากกลับจากโรงเรียน
เปิดอ่าน 10,645 ครั้ง

FAQ ถาม-ตอบ สาระสำคัญพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 (7 ก.ค. 51)
FAQ ถาม-ตอบ สาระสำคัญพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 (7 ก.ค. 51)
เปิดอ่าน 17,385 ครั้ง

การศึกษาในกะลา
การศึกษาในกะลา
เปิดอ่าน 11,741 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ