อารมณ์ขันชนะทุกอย่างแน่หรือ

ตะละแม่วีนัส


จากผลสำรวจพบว่าอารมณ์ขันมักติดอันดับต้นๆในลิสต์คุณสมบัติที่หญิงสาวมองหาในตัวผู้ชาย นอกจากเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวหนุ่มในฝันของสาวทุกคนแล้ว พลังของอารมณ์ขันยังปรากฎอยู่ในภาพยนตร์ดังๆหลายเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของผู้ชายที่ไม่เอาไหนจับคู่กับสาวสวยชวนตะลึง และไปๆมาๆก็ไม่ได้กลายเป็นเรื่องประหลาดอะไร เพราะผู้ชายที่ไร้เสน่ห์พวกนี้ดันฮาสุดๆ อย่างไรก็ตามในชีวิตจริงนอกจอนั้น อารมณ์ขันจะชนะทุกอย่างได้แน่หรือ มาดูกันเลยค่ะ


อารมณ์ขันกับรูปร่างหน้าตา
ไม่มีผู้ชายหรือผู้หญิงคนไหนจะไม่รู้สึกผิดกับการที่แอบซอกซอนสายตาเหล่คนหน้าตาดีสุดฮ๊อต มันเรื่องของสัญชาตญาณตามธรรมชาติ ไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองแย่หรอกค่ะ ยังดีที่มนุษย์สามารถเลือกคู่โดยมองข้ามความต้องการทางร่างกายได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีช่องให้คนที่ มีบุคลิกเยี่ยม เสียบเข้ามาได้ ข่าวดีสำหรับผู้ชายคือ ผู้หญิงมักจะหมายความตามที่พูด บุคลิกเยี่ยม สามารถทดแทนรูปร่างหน้าตาที่ไม่เข้าขั้นนายแบบได้ และอารมณ์ขันก็เป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งของ บุคลิกเยี่ยม ที่ทำให้สาวปลื้ม

ผู้ชนะ ได้แก่อารมณ์ขัน การออกเที่ยวกับหนุ่มหน้าตาดีอาจสนุกแค่ชั่วครู่ชั่วยาม แต่ผู้ชายที่สร้างความฮาตลอดจะทำให้สาวติดหนึบได้นานกว่า

 


อารมณ์ขันกับความทะเยอทะยาน
ถึงแม้อารมณ์ขันจะมีภาษีพอดู แต่ถ้าชายคนนั้นเอาแต่นอนอืดอยู่บนโซฟา ไม่ทำอะไรนอกจากเฮฮาไปวันๆ รับรองว่าผู้หญิงวิ่งหนีแน่นอน

ผู้ชนะ ความทะเยอทะยานคว้าชัยชนะไปครอง อารมณ์ขันอันยอดเยี่ยมก็ไม่สามารถทดแทนความต้องการของผู้หญิงที่จะมีชีวิตคู่ร่วมกันได้ และชีวิตที่ว่างงานและไร้เป้าหมายไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงต้องการ

 


อารมณ์ขันกับความร่ำรวย
ถึงแม้จะมีผู้หญิงที่เห็นเงินเป็นพระเจ้า ความรักเอาไว้ทีหลัง แต่ก็ยังมีผู้หญิงที่เก่งกล้าไม่พึ่งใคร และไม่แคร์ว่าผู้ชายจะกระเป๋าตุงแค่ไหนหรือเครดิตการ์ดมีวงเงินเท่าไร ความสามารถในการทำให้ผู้หญิงหัวเราะคือของขวัญที่มีค่ามากกว่าข้าวของทั้งหลายที่หนุ่มเงินถังพยายามมาปรนเปรอ

ผู้ชนะ อารมณ์ขันชนะแน่นอน อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย แม้แต่ผู้ชายก็ชอบผู้หญิงขำๆ เงินซื้อความรักไม่ได้ว่างั้นเถอะ

 


อารมณ์ขันกับความฉลาด
อารมณ์ขันกับความฉลาดนั้นเกี่ยวเนื่องกันจนแยกแทบไม่ออก ทำให้ผู้หญิงกับผู้ชายตกลงกันไม่ได้ว่าอย่างไหนดีกว่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่ชอบความเป็นผู้รู้ อาจไม่ถึงขนาดเป็นแพทย์ศัลยกรรมมือดีหรือนักวิทยาศาสตร์สร้างยานอวกาศ แต่พอเอาเข้าจริงผู้หญิงมักชื่นชอบความรอบรู้มากกว่าความตลกโปกฮาฉาบฉวย

ผู้ชนะ เอาเป็นว่าคะแนนเสมอกัน ความฉลาดทำให้ผู้หญิงยกย่อง ส่วนอารมณ์ขันก็ชนะใจเธอ สรุปว่าถ้ามาเป็นแพ็คเก็จคู่ละก็...เอาไปเลย 100 คะแนนเต็ม.

 

อารมณ์ขันบำบัด

ข้อมูลจาก วารสารชีวจิต

 

วันเวลาในแต่ละวันที่ผ่านไป หลายคนมีความสุขจนล้นเหลือ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ดูจะไม่ค่อยมีความสุขเลย สาเหตุที่ทำให้ไม่มีความสุขนั้น มาจากหลายสาเหตุ แต่ก็มีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เป็นอย่างนั้นได้นั่น คือ "ความเครียด" และวิธีคลายเครียดอีกวิธีหนึ่งก็คือ กรมีอารมณ์ขัน ถ้าวัน ๆ คุณไม่ได้หัวเราะกับใครเขาเลย นั่นแหละค่ะคุณกำลัง ป่วยอยู่นะคะ และจงเปลี่ยนเถอะค่ะ เพราะอารมณ์ขันถูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นยาวิเศษที่ช่วยบกบัดโรคได้

 

นายแพทย์ Normal Cousins เป็นคนแรกที่เขียนเกี่ยวกับการอาการป่วย ankylosing spondlitis ของเขา ซึ่ง ทำให้เขาเจ็บปวดเนื่องจากเนื้อเยื่อกระดูกสันหลังที่เชื่อมโยงกันผิดปกติไป โรคนี้พบได้น้อยมาก และเขาได้ทดลองใช้ อารมณ์ขันในการบำบัดตัวเอง เขาพบว่า หลังจากหัวเราะงอหายอยู่สัก ๑๕ นาที จะช่วยให้เขาลดความเจ็บปวดลงได้ ถึง ๒ ชั่วโมง นอกจากนี้ตัวอย่างเลือดยังแสดงผลว่าการอักเสบลดลงด้วย แล้วในที่สุดเขาก็หายป่วย จนกระทั่งเขา เผยแพร่เรื่องนี้ในบทความอันโด่งดังชื่อ "Anatomy of an illness"

 

หลังจากนั้นมีการศึกษาเรื่องอารมณ์ขันช่วยบำบัดอาการป่วยอย่างกว้างขวาง จนทุกวันนี้ความสนใจเรื่องผลกระทบ จากอารมณ์ขันรุดหน้าไปมาก และจัดเป็นความรู้หนึ่งในสาขา Psychoneuro-immunology ซึ่งศึกษาเรื่องปัจจัยทาง จิตวิทยา สมอง และระบบภูมิชีวิตที่ตอบสนองต่อสุขภาพ

 

ในอินเดียถึงขนาดมีการตั้ง "ชมรมหัวเราะ" ซึ่งผู้ป่วยแต่ละคนจะมาพูดคุยและหัวเราะกันในตอนเช้า ข่าวว่ากิจการ ของชมรมได้ผลดีมาก จนกระทั่งดังพอ ๆ กับชมรมโรตารี่ของอเมริกาเชียวละ

 

การหัวเราะเป็นภาษาสากล และเป็นการติดต่อทางอารมณ์ด้วย (สังเกตดูว่าเวลาเห็นคนอื่นหัวเราะ คุณมักจะ หัวเราะตาม) การหัวเราะเป็นความสนุกสนานโดยธรรมชาติทำให้ผู้คนหันหน้าเข้าหากันพูดคุยกัน ทำลายกำแพงเฉพาะตัว และที่ดีที่สุดคือ การหัวเราะไม่มีผลข้างเคียงที่ทำความเสียหายใด ๆ ต่อร่างกายเลย

 

มาดูว่าอารมณ์ขันและการหัวเราะมีผลอย่างไนต่อร่างกายเรา (จากหลักฐานที่มีการพิสูจน์แล้ว)

 

- ความดันโลหิตลดลง

 

- ฮอร์โมนเกี่ยวกับความเครียดลดลง ขณะเดียวกันการทำงานของฮอร์โมนต่าง ๆ ก็เป็นปกติ

 

- กระตุ้นระบบภูมิชีวิต (Immune system) ทำให้ T-celll ซึ่งเป็นทหารประจำตัวคอยกำจัดเชื้อโรคเพิ่มจำนวนขึ้น รวมถึงแอนติบอดีอื่น ๆ ในร่างกายด้วย

 

- คลายความเจ็บปวด อารมณ์ขันทำให้ผู้ป่วยลืมความเจ็บปวด และยังกระตุ้นการสร้างเอนดอร์ฟินในร่างกาย ซึ่งเป็นฮอร์โมนระงับปวดโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

 

- กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย ขณะที่คุณหัวเราะ กล้ามเนื้ออื่น ๆ ที่ไม่ได้สัมพันธ์กับการหัวเราะจะผ่อนคลาย และเมื่อ หยุดหัวเราะกล้ามเนื้อที่สัมพันธ์กับการหัวเราะก็จะผ่อนคลาย เป็นการทำงานสองขั้นตอนเชียวนะ

 

- หายใจดีขึ้น การหัวเราะบ่อย ๆ ทำให้ปอดโล่ง หายใจได้ลึกขึ้นดีมาก ๆ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการหายใจ

 

นอกจากนี้การหัวเราะทำให้เรารู้สึกดีกับการมีชีวิตอยู่ คนที่สามารถสร้างอารมณ์ขันและหัวเราะได้ในยามที่ต้อง เผชิญสถานการณ์ที่เลวร้าย เช่น ป่วยด้วยโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ว เป็นต้น นับว่าเป็นความกล้าหาญ และจะทำให้ผู้นั้น รู้สึกถึงพลังในตัวเอง นอกจากให้ผลดีทางกายอย่างที่กล่าวแล้วข้างต้น ผู้ป่วยยังคลายความเศร้าหมองและช่วยเปิด ทัศนคติในการมองโลกด้วยแง่มุมที่กว้างขึ้นและเป็นไปในทางบวก

 

ทันทีที่คุณคิดถึงเรื่องโจ๊ะ ตลกโปกฮาสมองซีกซ้ายจะเริ่มทำหน้าที่คิดวิเคราะห์จัดสรรถ้อยคำ ต่อมาสมอง ส่วนหน้าซึ่งเป็นศูนย์กลางของอารมณ์จะเริ่มตอบสนองโดยพลันชั่วครู่สมองซีกขวาจะร่วมปะติดปะต่อเรื่องราวพริบตา เดียว คลื่นสมองจะเพิ่มขึ้นและแพร่ขยายไปทั่วบริเวณของสมองก่อนที่จะเล่าเรื่องโจ๊กนั้นออกมาเสียอีก แล้วในที่สุด ก็ระเบิดเป็นการหัวเราะนั่นเอง

 

อารมณ์ขันจึงทำให้สมองแทบทุกส่วนได้ทำงานประสานกันยิ่งกว่ากิจกรรมหลาย ๆ อย่างที่ทำกันเสียอีก ฉะนั้น เวลาไปเยี่ยมคนไข้ครั้งต่อไป แทนที่จะมัวจับเจ่าพาให้คนไข้เศร้างไปด้วยโดยไม่ได้ประโยชน์อะไร จงเปลี่ยนมาหัวเราะ ร่วมกับเขาดีกว่า ถึงใครจะว่าผิดกาลเทศะ แต่คู้รู้นี่ว่า คนไข้กำลังได้รับยาวิเศษ