ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

รมว.ศธ.ประชุมทางไกลกับ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ


ข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ เปิดอ่าน : 10,927 ครั้ง
รมว.ศธ.ประชุมทางไกลกับ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ

Advertisement

ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประชุมทางไกล (Video Conference) กับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา-มัธยมศึกษา ๒๒๕ เขตทั่วประเทศ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ สพฐ. โดยมี ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต ประธาน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาทุกเต และคณะผู้บริหาร สพฐ.ร่วมประชุมทางไกล โดยมีสาระสำคัญ ๗ เรื่อง สรุปดังนี้

๑. คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต (Tablet) ใช้ชื่อว่า “คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตสำหรับนักเรียน ป.๑ และ ม.๑ ทุกคน” เป็นโครงการที่จะช่วยยกระดับเทคโนโลยีทางการศึกษา ทำให้การเรียนการสอนมีความทันสมัยและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้ลงนามจัดซื้อคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต จำนวน ๘๐๐,๐๐๐ เครื่องแล้ว เมื่อเครื่องมาถึง ศธ. ก็จะทำการนำซอฟต์แวร์ใส่ลงไปในเครื่อง จัดใส่กล่องเพื่อกระจายเครื่องไปยังเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนทั่วประเทศต่อไป และจัดหางบประมาณมาติดตั้งสัญญาณ Wi-Fi กระจายในโรงเรียนต่างๆ โดยคาดว่าในเดือนกรกฎาคมนี้จะสามารถส่งเครื่องถึงนักเรียนชั้น ป.๑ ส่วนนักเรียนชั้น ม.๑ จะได้รับแจกในภาคเรียนที่ ๒ ของปีการศึกษา ๒๕๕๕

๒. การปฏิรูปการศึกษา ที่เน้น Accountability และ Transparency ศธ.จะนำ Accountability ซึ่งหมายถึงความรับผิดชอบ และ Transparency หมายถึงความโปร่งใส มาเป็นตัวนำในการจัดการศึกษา เพื่อให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นทั้งระบบ เพื่อให้เกิดเป็นจิ๊กซอว์ต่อกันได้อย่างสอดคล้องกัน ทั้ง “ความรับผิดชอบ” ซึ่งจะดูจากผลการสอบ O-Net ของนักเรียนเป็นผลงานสะท้อนการสอนของครู และผลงานของครูก็จะสะท้อนการบริหารของผู้อำนวยการโรงเรียนและของโรงเรียนตามลำดับ ส่วน “ความโปร่งใส” เนื่องจากกฎหมายของ สพฐ.ต้องการกระจายการบริหารงานบุคคลลงไปสู่เขตพื้นที่การศึกษาอย่างเต็มที่ จึงต้องคำนึงถึงความโปร่งใสในการให้ครูเข้าสู่ระบบทุกระดับ ต้องได้รับการเลื่อนขั้น และได้รับการพิจารณาอย่างยุติธรรม โปร่งใส ซึ่งจะส่งผลให้ครูมีกำลังใจในการสอนต่อไป ถ้าทำได้เช่นนี้ Value Judgment ก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และขอเน้นย้ำว่าควรจะลดการใช้ดุลยพินิจ โดยให้เปลี่ยนเป็นการเน้นที่ผลงานให้มากขึ้น เพื่อให้การศึกษาเกิดความโปร่งใสอย่างเป็นรูปธรรม

๓. โครงการครูคืนถิ่น จากเดิมที่สามารถย้ายได้เพียง ๑๙% ของจำนวนผู้ยื่นคำร้องทั้งหมด แต่ในปีนี้มีผู้ยื่นคำร้องถึง ๒๐,๗๑๗ คน ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาให้ย้ายได้จำนวน ๑๐,๑๗๔ คน คิดเป็นร้อยละ ๕๐.๓๔ จึงขอฝากว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่สามารถย้ายโดยนำอัตราไปด้วยถึง ๘,๐๐๐ คน เพื่อให้ครูได้มีกำลังใจในการทำงาน ได้กลับไปอยู่กับครอบครัว มีความอบอุ่นในชีวิตมากขึ้น อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ไม่ได้จัดทำเป็นประจำทุกปี หลังจากนี้การย้ายต่างๆ ก็จะต้องเป็นการย้ายในระบบปกติ สำหรับข้อกังวลของโรงเรียนหรือครูเกี่ยวกับการหาครูมาสอนในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ในโรงเรียนที่ขาดอัตราจำนวนมาก โรงเรียนสามารถจ้างครูได้เอง โดยจ้างในรูปแบบของพนักงานมหาวิทยาลัย แต่จะไม่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการ และอย่าได้กังวลว่าจะรับคนไม่ดีเข้ามาทำงาน เพราะคนที่ไม่ดีเมื่อเข้ามาทำงานจริง ก็จะไม่สามารถอยู่ได้ ซึ่ง สพฐ.ได้เตรียมแผนรองรับผลกระทบจากการดำเนินงานตามโครงการครูคืนถิ่น ดังนี้

•มาตรการเร่งด่วน (ด้านอัตรากำลัง) จัดสรรอัตราข้าราชการครูที่ว่างจากผลการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด ปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๕ จำนวน ๑,๘๓๑ อัตรา และขอใช้อัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด ปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๕ โดยจัดสรรทดแทนและเพิ่มเติมให้แก่สถานศึกษาที่ครูได้รับการพิจารณาย้ายออก ๒ กรณี คือ ๑) สถานศึกษาที่ขาดครูขั้นวิกฤต ตั้งแต่ร้อยละ ๓๐ ขึ้นไป และ ๒) สถานศึกษาขนาดเล็กที่ขาดครูและมีครูไม่ครบชั้น รวมทั้งขอให้ สพท.เร่งสำรวจสภาพปัจจุบัน ปัญหา และผลกระทบจากการย้ายตามโครงการครูคืนถิ่น เพื่อให้คำปรึกษา ชี้แจง และทำความเข้าใจแก่สถานศึกษา

•มาตรการระยะกลาง (ด้านอัตรากำลัง) สพฐ.จะพิจารณาจัดสรรอัตรากำลังข้าราชการครูเกษียณอายุราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๔ จัดทำแผนเกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการครู รวมทั้งเกลี่ยอัตราพนักงานราชการ (ตำแหน่งครูผู้สอน) กรณีที่ว่างลงในสถานศึกษาที่มีอัตรากำลังครูครบเกณฑ์หรือเกินจากเกณฑ์ ก.ค.ศ.กำหนด และจะส่งเสริม สนับสนุน ทั้งในด้านงบประมาณ บุคลากร ขวัญและกำลังใจแก่สถานศึกษาที่ขาดครูเป็นกรณีพิเศษ

ทั้งนี้ สพฐ.จะจัดงาน “โครงการครูคืนถิ่น” ในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยเชิญนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิธีเปิด พร้อมถ่ายทอดสดระหว่างเวลา ๐๙.๐๐-๑๐.๔๐ น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีจะชมการแสดง เยี่ยมชมนิทรรศการ “ครูคืนถิ่น ครูแห่งคุณภาพ” และมอบของที่ระลึกแก่ตัวแทนครอบครัวครูคืนถิ่นด้วย


๔. การสรรหารองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา สพฐ.ได้ประกาศรับสมัครสรรหาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อบรรจุแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถานศึกษาและผู้อำนวยการสถานศึกษา เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๕ ซึ่งมีผู้สมัครทั้งสิ้น ๑๖,๕๒๓ คน เป็นผู้มีสิทธิ์ จำนวน ๑๖,๑๐๒ คน โดยมีกำหนดสอบข้อเขียนในวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ สนามสอบโรงเรียนในกรุงเทพมหานคร จำนวน ๓๓ สนามสอบ และจะประกาศผลภายในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ในการนี้ มีตำแหน่งว่างที่จะเรียกมารายงานตัวเพื่อบรรจุและแต่งตั้ง ๑,๐๑๘ ตำแหน่ง ประกอบด้วย

- ผอ.รร.ประถม จำนวน ๑๙๘ ตำแหน่ง
- รอง ผอ.รร.ประถม จำนวน ๔๓๗ ตำแหน่ง
- ผอ.รร.มัธยม จำนวน ๒๐ ตำแหน่ง
- รอง ผอ.รร.มัธยม จำนวน ๓๑๐ ตำแหน่ง
- ผอ.รร.สศศ. จำนวน ๑ ตำแหน่ง
- รอง ผอ.รร.สศศ. จำนวน ๕๒ ตำแหน่ง

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับการประกาศขึ้นบัญชีที่จะมารายงานตัวเพื่อบรรจุและแต่งตั้งในครั้งแรก ๑,๐๑๘ คนนี้ ก.ค.ศ.กำหนดให้มีการพัฒนาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ.กำหนดให้เรียบร้อยก่อน จึงจะกำหนดวันให้มารายงานตัวเพื่อเลือกโรงเรียนอีกครั้งหนึ่ง

๕. การสอบบรรจุแต่งตั้งในตำแหน่งครูผู้ช่วย การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี ๒๕๕๕ มีกำหนดการสอบแข่งขัน ดังนี้

- ประกาศรับสมัครสอบแข่งขัน วันที่ ๑-๗ มิถุนายน ๒๕๕๕

- รับสมัครสอบแข่งขัน วันที่ ๘-๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๕

- สอบภาค ก. วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๕

- สอบภาค ข. วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๕

- ประกาศผลการสอบแข่งขัน ภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕

แนวปฏิบัติในการดำเนินการสอบแข่งขัน

- สพท.ที่ดำเนินการสอบแข่งขันฯ ต้องไม่มีผู้สอบแข่งขันได้ในกลุ่มวิชาหรือทางหรือสาขาวิชาเอกเดียวกันขึ้นบัญชีรอการบรรจุ

- ผู้สมัครสอบแข่งขันจะต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพ.ศ.๒๕๔๗ คือต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขการได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามระเบียบของคุรุสภาว่าด้วยการออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพควบคุมด้วย

- หากมีปัญหาเกี่ยวกับคุณวุฒิ สาขาวิชาเอกที่ใช้ในการสมัครสอบ ขอให้หารือกับ ก.ค.ศ.โดยตรง และรายงานให้ สพฐ.ทราบ

- สพฐ.จะพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้ สพท.เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสอบแข่งขันเท่าที่จำเป็นและประหยัด

- สพท.ที่มีบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ ปี พ.ศ.๒๕๕๓ และบัญชี ปี พ.ศ.๒๕๕๔ ให้ใช้บัญชีผู้สอบแข่งขันได้ต่อไป จนครบอายุการขึ้นบัญชี

- ให้ สพท.รายงานข้อมูลการเรียกบรรจุให้ สพฐ.ทราบทุกครั้ง ที่มีการเรียกบรรจุเพิ่มเติม พร้อมทั้งประกาศให้ทราบโดยทั่วกันทางเว็บไซต์ของ สพท.

๖. โครงการครูมืออาชีพ จะรับสมัครเพื่อสอบแข่งขันทั่วประเทศ เป็นการสอบล่วงหน้า ๑ ปี จำนวน ๓๐% ของจำนวนที่รับทั้งหมด โดยผู้สมัครจะต้องเป็นนักศึกษาปี ๔ ทุกคณะต่างๆ ที่สนใจจะมาเป็นครู โดยจะต้องเรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ป.บัณฑิต) เพิ่มเติม ทั้งนี้จะต้องมีการระบุเขตที่จะบรรจุ เพื่อลดการย้ายกลับคืนถิ่นในอนาคต และหลังจากจบการศึกษาพร้อมทั้งได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูแล้ว ก็จะได้รับการบรรจุทันที อีก ๔๐% จะเป็นการสอบแข่งขันทั่วไป สำหรับผู้ที่สนใจจะมาเรียนครูและมีเกรดเฉลี่ยไม่ถึง ๓.๐๐ ทั้งนี้ในอนาคตครูที่สอนอยู่กว่า ๕๐๐,๐๐๐ คน จะได้ปรับเป็นครูมืออาชีพทั้งหมด โดยได้มอบหมายให้ สพฐ. และ ก.ค.ศ. คิดหลักเกณฑ์การประเมินเพื่อให้ครูเหล่านี้ได้ประกาศนียบัตรครูมืออาชีพ และให้เป็นคะแนนผลงานในการเลื่อนขั้นและเลื่อนวิทยฐานะด้วย ซึ่งหลักเกณฑ์นี้จะเชื่อมโยงกับหลักเกณฑ์การสอนเด็ก เพื่อลด/ยกเลิกการทำวิจัยลง

๗. วิทยฐานะครูและผู้บริหาร สพฐ.มีนโยบายที่จะกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนวิทยฐานะ ตามนโยบายของ ศธ.โดยใช้หลักเกณฑ์การตัดสินที่เป็นปรนัย เน้นผลสัมฤทธิ์ที่เกิดกับผู้เรียน ซึ่งได้ยกร่างหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนวิทยฐานะ เพื่อเตรียมเสนอให้ ก.ค.ศ.พิจารณา ดังนี้

•ยกร่างหลักเกณฑ์ฯ ด้วยข้อตกลงการปฏิบัติงาน (Performance Agreement) สายงานการบริหารการศึกษาและสายงานบริหารสถานศึกษา โดยการประเมิน ๓ ด้าน ได้แก่ ๑) ด้านจรรยาบรรณวิชาชีพผู้บริหารการศึกษา/ผู้บริหารสถานศึกษา ๒) ด้านประสบการณ์วิชาชีพผู้บริหารการศึกษา/ผู้บริหารสถานศึกษา ๓) ด้านผลการปฏิบัติงานตามข้อตกลงการปฏิบัติงาน โดยใช้กระบวนการ P4 ได้แก่ ๑) Performance Agreement ประเมินสาระสำคัญและความเป็นไปได้แล้วจัดทำข้อตกลงการปฏิบัติงาน ๒) Per-assessment ประเมินก่อนการปฏิบัติงาน ๓) Performing ประเมินระหว่างการปฏิบัติงาน และ ๔) Post-assessment ประเมินหลังการปฏิบัติงาน

•ยกร่างหลักเกณฑ์ฯ ด้วยการประเมินสมรรถนะ (TPK MODEL) สายงานการสอนและสายงานนิเทศการศึกษา ดังนี้ การประเมิน ๒ ด้าน คือ ๑) ทดสอบสมรรถนะ และ ๒) ผลการปฏิบัติงานที่ประสบผลสำเร็จ ได้แก่ ส่วนที่ ๑ ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ประกอบด้วย ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (O-Net) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน และส่วนที่ ๒ รายงานผลการปฏิบัติงานการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยการจัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในลักษณะที่เป็นสาระนิพนธ์ ไม่เกิน ๒๐ หน้า

ที่มา http://www.moe.go.th/websm/2012/may/127.html


รมว.ศธ.ประชุมทางไกลกับ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศรมว.ศธ.ประชุมทางไกลกับผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ ปีการศึกษา 2554 วันที่ 24-27 มกราคม 2555

งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ ปีการศึกษา 2554 วันที่ 24-27 มกราคม 2555

เปิดอ่าน 17,986 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
มติ ครม. 2 ตุลาคม 2555 ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
มติ ครม. 2 ตุลาคม 2555 ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
เปิดอ่าน 10,935 ☕ คลิกอ่านเลย

ผลการประชุม ก.ค.ศ.ครั้งที่ 11/2557 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557
ผลการประชุม ก.ค.ศ.ครั้งที่ 11/2557 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557
เปิดอ่าน 12,191 ☕ คลิกอ่านเลย

รมว.ศธ.หารือหลักเกณฑ์ใหม่ในการสอบผู้อำนวยการสถานศึกษา สพฐ.
รมว.ศธ.หารือหลักเกณฑ์ใหม่ในการสอบผู้อำนวยการสถานศึกษา สพฐ.
เปิดอ่าน 11,334 ☕ คลิกอ่านเลย

Echo English แอพพลิเคชั่นเพื่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของคนไทยทุกคน
Echo English แอพพลิเคชั่นเพื่อการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของคนไทยทุกคน
เปิดอ่าน 22,663 ☕ คลิกอ่านเลย

มติ ครม. 24 กันยายน 2556 ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
มติ ครม. 24 กันยายน 2556 ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
เปิดอ่าน 13,122 ☕ คลิกอ่านเลย

มติครม. ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา วันที่ 30 สิงหาคม 2559
มติครม. ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา วันที่ 30 สิงหาคม 2559
เปิดอ่าน 162,759 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ข่าวดี ! สกัด"ผักติ้ว-สนสามใบ" ยาสู้มะเร็ง ทีมวิจัยไทยเฮทำสำเร็จ
ข่าวดี ! สกัด"ผักติ้ว-สนสามใบ" ยาสู้มะเร็ง ทีมวิจัยไทยเฮทำสำเร็จ
เปิดอ่าน 17,494 ครั้ง

คู่มือเรียนรู้และปฏิบัติการ การวิจัยในชั้นเรียน พลศึกษา
คู่มือเรียนรู้และปฏิบัติการ การวิจัยในชั้นเรียน พลศึกษา
เปิดอ่าน 33,722 ครั้ง

ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 14 การกระทำผิดกติการวม
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 14 การกระทำผิดกติการวม
เปิดอ่าน 48,318 ครั้ง

สาวไส้ความง่อยเปลี้ยระบบศึกษาไทย ใครอยู่เบื้องหลังความเหวอะหวะซ้ำซาก?
สาวไส้ความง่อยเปลี้ยระบบศึกษาไทย ใครอยู่เบื้องหลังความเหวอะหวะซ้ำซาก?
เปิดอ่าน 18,694 ครั้ง

เรื่องที่แม่ควรอ่าน "20 คำถามคำตอบ" ความจริง "นมแม่-นมผง"
เรื่องที่แม่ควรอ่าน "20 คำถามคำตอบ" ความจริง "นมแม่-นมผง"
เปิดอ่าน 18,894 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ