ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

?การวิจัยแบบง่าย


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,640 ครั้ง
Advertisement

?การวิจัยแบบง่าย

Advertisement

 

การแก้ไขปัญหาการอ่าน เขียน ภาษาไทย ด้วยวิจัยในชั้นเรียน

ยุพิน   อินทะยะ

 

ความนำ

                การวิจัยเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ เป็นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ให้เกิดขึ้นได้ดี  วิธีหนึ่ง ทุกงานทุกสาขาอาชีพ สามารถนำมาใช้ในการหาองค์ความรู้หรือข้อค้นพบในการแก้ปัญหา หรือพัฒนางานได้อย่างเป็นระบบ จึงอาจกล่าวได้ว่า การวิจัยช่วยให้การพัฒนางานเป็นระบบและเป็นไปอย่างน่าเชื่อถือสะท้อนถึงความชัดเจน รอบคอบ และตรวจสอบได้

                งานการจัดการเรียนการสอนของครู ถือว่าเป็นวิชาชีพชั้นสูงที่ต้องการความเชื่อถือได้ใน    ผลงานการสอนที่เกิดขึ้น หากครูผู้สอนได้นำการวิจัยมาใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอน หรือ        แก้ปัญหาการเรียนรู้ของนักเรียน จะสามารถพัฒนานักเรียนได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งเป็นการประกัน คุณภาพการศึกษาได้อย่างดียิ่ง ทั้งนี้จะทำให้ผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งบิดามารดา ผู้ปกครองของนักเรียนจะ มีความมั่นใจในการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนได้เป็นอย่างดี

                การวิจัยแบบง่ายจึงเป็นแนวทางหนึ่งของการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน โดยมีขอบเขตของเรื่องที่จะดำเนินการวิจัยที่ไม่ซับซ้อน ไม่ใหญ่มาก แล้วมีการสรุปผลการวิจัยที่สมบูรณ์ครอบคลุมประเด็นสำคัญ โดยมีจำนวนหน้าไม่มากนัก อาจเป็นหนึ่งหน้า หรือมากกว่าหนึ่งหน้า     ก็ได้ และปัจจุบันจึงเรียกงานวิจัยในชั้นเรียนลักษณะนี้ว่า วิจัยแผ่นเดียวหรือ วิจัยหน้าเดียว

                การแก้ไขปัญหาการอ่าน     เขียน  ภาษาไทย  หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ  ปัญหาการอ่านไม่ ออก เขียนไม่ได้ อ่านไม่คล่อง เขียนไม่คล่อง ในขณะนี้เป็นปัญหาเร่งด่วน ที่ครูผู้สอนทุกคน   ไม่เฉพาะแต่ครูภาษาไทยเท่านั้น ต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขเพื่อให้เยาวชนผู้เป็นอนาคตของชาติ   มีการพัฒนาหรือได้รับการแก้ไขปัญหา ด้วยเหตุที่ว่า หากเยาวชนของเราอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้  การเรียนรู้สรรพวิชาต่างๆ ก็ย่อมจะมืดมน เพราะทักษะการอ่าน เขียน เป็นทักษะพื้นฐานจำเป็น   ในการรับสาร ส่งสาร นอกเหนือจากทักษะฟัง ดู พูด ซึ่งผู้เรียนจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน  ดังนั้นการนำกระบวนการวิจัยที่เป็นการวิจัยแบบง่าย หรือวิจัยแผ่นเดียวมาใช้ในการแก้ปัญหา    การอ่าน เขียนภาษาไทย จึงเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นสำหรับครูและต้องเป็นเรื่องที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก    ซับซ้อน และส่งผลต่อคุณภาพในการเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างแท้จริง เพราะภาษาไทยเป็นเครื่องมือสำคัญที่ผู้เรียนจะใช้ในการแสวงหาความรู้ในโลกกว้างได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

 

การกำหนดขั้นตอนในการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาการอ่าน เขียนภาษาไทย

                การกำหนดขั้นตอนการวิจัยแบบง่ายที่เสนอนี้ เป็นขั้นตอนหลักซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัย ทั่วไป  ผู้สอนจะกำหนดให้ละเอียดกว่านี้ก็ได้ ในที่นี้ขอเสนอไว้  5  ขั้นตอน  ดังนี้

1.       การกำหนดปัญหา หรือเป้าหมายการวิจัย

2.       การกำหนดวิธีการวิจัย หรือวิธีหาคำตอบ หรือวิธีการแก้ปัญหาหรือพัฒนางาน

3.       การรวบรวมข้อมูลตามวิธีการที่กำหนด

4.       การวิเคราะห์ประมวลผล ตีความ โดยนำข้อมูลที่รวบรวมมาพิจารณา

5.       การสรุปและเขียนรายงานการวิจัยแบบง่าย (วิจัยแผ่นเดียว)

 

กรณีศึกษาการแก้ปัญหาการอ่าน เขียน ภาษาไทย

                กรณีศึกษาที่เสนอเป็นตัวอย่างนี้  ครูผู้สอนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพของผู้เรียน

 


ตัวอย่างกรณีครูใจดี  รักสอน

 

ชื่อเรื่อง                  การพัฒนาความสามารถการอ่าน เขียน คำควบกล้ำ        นักเรียนชั้นประถม

                                ศึกษาปีที่ 6  โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ

ชื่อผู้วิจัย                นางสาวใจดี   รักสอน

 

สภาพปัญหา

                                นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1  จำนวน 20 คน ส่วนใหญ่อ่านและเขียนคำที่  ควบกล้ำ        ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้เพราะ เมื่อตรวจสมุดงานในวิชาต่างๆ จากการตรวจงานการเขียนเรียงความ และสอบถามจากครูผู้สอนท่านอื่น ต่างก็มีความเห็นเช่นเดียวกัน นอกจากนั้น ผู้สอนได้ใช้แบบประเมินการอ่าน เขียน ภาษาไทย ตรวจสอบพบว่าคำที่นักเรียนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ส่วนใหญ่เป็นคำควบกล้ำ        ซึ่งเป็นสาเหตุให้นักเรียนไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงออก และขาดความมั่นใจ เวลาให้นักเรียนสรุปหรือรายงานหน้าชั้นเรียน จะรู้สึกว่าเป็นตัวตลกให้เพื่อนหัวเราะเวลาพูดผิดหรือออกเสียงผิด เวลาเขียนก็เกิดความลังเลไม่มั่นใจ มีลักษณะการขีดฆ่าและลบบ่อย    ดังนั้นหากนักเรียนได้รับการแก้ไขโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน เขียน คำภาษาไทย ที่เป็น คำควบกล้ำ        จะช่วยพัฒนาความสามารถการอ่าน เขียน คำควบคล้ำ        ของนักเรียนได้ดีขึ้น

เป้าหมายการวิจัย

                เพื่อฝึกและพัฒนาความสามารถการอ่าน เขียน คำควบกล้ำ        ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่  6/1  จำนวน  20  คน

 

วิธีการวิจัย

1.     สร้างแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน เขียน คำภาษาไทยที่เป็นคำควบกล้ำ            โดยใช้คำที่นักเรียน อ่าน เขียน ไม่ถูกต้อง ปรากฏในแบบฝึกให้ครบถ้วน จำนวน 5 ชุด รวม 20 แบบฝึกดังนี้

1.1    แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน เขียน คำควบกล้ำ        โดยใช้คำประพันธ์         5 แบบฝึก

1.2    แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน เขียน คำควบกล้ำ        โดยใช้ข้อความ / นิทาน 3 แบบฝึก

1.3    แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน เขียน คำควบกล้ำ        โดยใช้ปริศนาคำทาย           3 แบบฝึก

1.4    แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน เขียน คำควบกล้ำ        โดยใช้เกมปริศนาอักษรไขว้   5  แบบฝึก

1.5    แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน เขียน คำควบกล้ำ        โดยใช้บทเพลง 4       แบบฝึก

 

2.       สร้างแบบประเมินการอ่าน เขียน คำควบกล้ำ        ก่อน และหลังการใช้แบบ   ฝึกเสริมทักษะ  จำวน  40  คำ

3.       ประเมินการอ่าน เขียน คำควบกล้ำ        ก่อนใช้แบบฝึกเสริมทักษะ

4.       เขียนแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถการอ่าน เขียนคำ     ควบกล้ำ        ควบคู่กับแบบฝึก

5.     ดำเนินการพัฒนาการอ่าน เขียนคำควบกล้ำ        โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ ชุดที่  1 – 5  โดยใช้คาบกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นเวลา 20 ชั่วโมง (สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง)

6.       ขณะฝึกการอ่าน เขียนคำควบกล้ำ        บันทึกผลการอ่าน เขียน นักเรียนเป็นรายบุคคล

7.       สรุปผลการอ่าน เขียน คำควบกล้ำ        ในแต่ละแบบฝึกเสริมทักษะ

8.       ประเมินการอ่าน เขียนคำควบกล้ำ        หลังใช้แบบฝึกเสริมทักษะ

9.     สรุปผลและเปรียบเทียบความก้าวหน้าในการพัฒนาความสามารถ การอ่าน เขียน คำควบกล้ำ        ก่อน หลัง การใช้แบบฝึกเสริมทักษะเป็นรายบุคคล และรายกลุ่ม (ทั้งชั้น)

 

ผลการวิจัย

1.     นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1  ทุกคน มีความสามารถในการอ่าน เขียน คำ      ควบกล้ำ        สูงขึ้น โดยมีนักเรียนจำนวน 5 คน ได้พัฒนาความสามารถจากระดับปรับปรุง เป็นระดับพอใช้ นักเรียนจำนวน 12 คน ได้พัฒนาความสามารถจากระดับพอใช้เป็นระดับดี         นักเรียนจำนวน  3 คน ได้พัฒนาความสามารถจากระดับปรับปรุง เป็น ระดับดี

2.     นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 โดยภาพรวมมีความสามารถในการอ่าน เขียน       คำควบกล้ำ        อยู่ในระดับพอใช้ มีพฤติกรรมการแสดงออกดีขึ้น กล้าพูด กล้าแสดงออกหน้าชั้นเรียนมากยิ่งขึ้น ใช้ภาษากลางในการสื่อสารมากขึ้นกว่าเดิม

 

หมายเหตุ             ในกรณีที่ผู้สอนต้องการพัฒนานวัตกรรม แบบฝึกทักษะการอ่าน เขียนคำภาษาไทยที่เป็นคำควบกล้ำ        หรืออื่นๆ ในลักษณะที่ใช้ในวงกว้าง และพัฒนาเป็นผลงานวิชาการ ควรเพิ่มขั้นตอนการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกโดยใช้เกณฑ์มาตรฐาน E1 / E2 = 80/80 ก่อนนำไปใช้จริง

 


ตัวอย่างกรณีครูบุษยา

 

ชื่อเรื่อง                  การออกเสียงได้ของ ด..จักรี

ชื่อผู้วิจัย                นางสาวบุษยา   ใจดี

 

สภาพปัญหา

                เมื่อครูบุษยาเข้ามาสอนวิชาภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ในสัปดาห์ที่ 2 ครูบุษยาให้นักเรียนทุกคนดูภาพสวนสนุกและอ่านคำบรรยายภาพ แล้วให้นักเรียนเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับภาพที่เห็นส่งครู ซึ่งครูได้สังเกตพบว่า ด..จักรี มีอาการกระวนกระวาย ไม่สามารถเขียนได้ จึงได้สอบถามก็พบว่า ด..จักรีอ่านหนังสือไม่ออก และเขียนไม่ได้นั่นเอง

 

ปัญหาการวิจัย

                ทำอย่างไรที่จะช่วยให้ ด..จักรี อ่านหนังสือออกและเขียนได้

เป้าหมายการวิจัย

                เพื่อฝึกและพัฒนาให้ ด..จักรี อ่านออกเขียนได้

 

วิธีการวิจัย

1.       สร้างแบบฝึกการสะกดคำ และบัตรคำตัวอักษร สระ เพื่อใช้ประสมเป็นคำ / พยางค์

2.       สร้างแบบฝึกการเขียนสะกดคำ และเขียนเป็นประโยค (จากง่ายไปหายาก)

3.       กำหนดข้อความ / นิทานที่ใช้ในการฝึกอ่าน 10 เรื่อง

4.       นัดหมายให้ ด..จักรี มาเรียนกับครูทุกวันๆ ละ 1 ชั่วโมง หลังเลิกเรียนหรือในเวลาว่าง

5.     เริ่มฝึกจากการสะกดคำง่ายๆ วันละ 5 – 10 คำ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และฝึกสะกดคำพร้อมกับเขียนในสัปดาห์ที่ 2 – 3 ในสัปดาห์ที่  4 – 5  จึงได้ฝึกแต่งประโยคพร้อมกับการอ่านและเขียน ในสัปดาห์ที่ 6 – 15 จึงได้ให้ฝึกอ่านจากนิทานต่างๆ และเขียนเรื่องจากภาพในนิทาน รวมเวลาฝึกอ่านและเขียน 4 เดือน

6.     บันทึกผลการสะกดคำอ่าน การเขียนเป็นคำ และการแต่งเป็นประโยคทุกวัน เพื่อดูพัฒนาการความก้าวหน้าของ ด..จักรี โดยบันทึกคะแนนลงในแบบบันทึกคะแนนการอ่าน เขียนคำ และเขียนเป็นประโยค และการเรียนเรื่องจากภาพ

7.       บันทึกพฤติกรรมขณะฝึกอ่าน เขียนลงในแบบสังเกตพฤติกรรม

8.       สรุปผลการอ่าน การเขียนของ ด..จักรี

 

ผลการวิจัย

1.       การฝึกอ่านของ ด..จักรี พบว่า

สัปดาห์ที่ 1                      อ่านได้โดยเฉลี่ยวันละ 3 คำ จาก 10 คำ

สัปดาห์ที่ 2 – 3               ประสมคำอ่านได้ โดยเฉลี่ยวันละ 5 – 10 คำ จาก 10 คำ

สัปดาห์ที่ 4 – 5               ฝึกอ่านเป็นประโยคได้ โดยเฉลี่ยวันละ 5 – 10 ประโยค

สัปดาห์ที่ 6 – 16             ฝึกอ่านนิทานสัปดาห์ละ 1 เรื่อง โดยเฉลี่ยพบว่าอ่านได้ประมาณมากกว่า 50 %

2.       การฝึกเขียน

สัปดาห์ที่ 1                    เขียนได้เฉพาะตัวพยัญชนะและคำที่ไม่มีตัวสะกดโดยเฉลี่ยวันละ 3 คำ

สัปดาห์ที่ 2 – 3             เขียนคำที่มีตัวสะกดง่ายๆ ได้ โดยเฉลี่ยวันละ  5 คำ

สัปดาห์ที่ 4 – 5             เขียนคำที่มีตัวสะกดง่ายๆ ได้ โดยเฉลี่ยวันละ 10 คำ

สัปดาห์ที่ 6 – 10           เขียนเป็นคำและแต่งเป็นประโยคได้ โดยเฉลี่ยวันละ 3 – 5 ประโยค

สัปดาห์ที่ 11 – 16        เขียนเป็นคำ แต่งประโยค และเขียนเล่าเรื่องสั้นๆ ได้

3.     ..จักรี มีพฤติกรรมการอ่าน เขียนดีขึ้น กล้าซักถามครู อาการกระวนกระวายลดน้อยลงตามช่วงเวลาที่ได้ฝึกอ่าน เขียน และมีความสุขมากเมื่อได้อ่านนิทาน

4.       ผลการฝึก ด..จักรี สามารถอ่านหนังสือได้ และเขียนได้ทั้งเป็นคำและประโยครวมทั้งการเขียนเล่าเรื่องจากภาพได้

 

กิจกรรมปฏิบัติ

 

ลองคิด

ลองทำ

แลกเปลี่ยน

เรียนรู้

ร่วมคิด ทำ - นำไปใช้

 

1.       วิเคราะห์ประเด็นปัญหา

                ครูอรนุช  สุดยอด สอนนักเรียนชั้น ป.6 จำนวน 29 คน นักเรียนส่วนใหญ่เป็นชาวเขา       เผ่ากะเหรี่ยง จากการประเมินผลการอ่าน เขียนภาษาไทย จำนวน 40 คำ ของเขตพื้นที่การศึกษา พบว่า มีนักเรียนจำนวน 3 คน อ่านไม่ได้ เขียนไม่ได้เลย นักเรียน 10 คน อยู่ในระดับปรับปรุง (อ่าน เขียน ได้ 1 – 23 คำ) นักเรียน 11 คน อยู่ในระดับพอใช้ (อ่าน เขียน ได้ 24 – 31 คำ)        นักเรียน 5 คน อยู่ในระดับดี (อ่าน เขียน ได้ 32 คำ ขึ้นไป)

                หากท่านจะช่วยครูอรนุช  สุดยอด ดำเนินการแก้ไขปัญหานักเรียน ชั้น ป.6 ท่านควรเสนอแนะให้เขาดำเนินการตามขั้นตอนอย่างไรบ้าง

 

2.       พัฒนาทักษะ

                สร้างแบบฝึกเสริมทักษะภาษาไทยเพื่อแก้ไขปัญหาการอ่าน เขียนภาษาไทย ในเรื่อง     ต่อไปนี้เพียง 1 ปัญหาโดยเลือกใช้นวัตกรรม - เทคนิควิธีการตามความเหมาะสม

2.1    การอ่าน เขียน คำควบกล้ำ     

2.2    การอ่าน เขียน อักษรควบ อักษรนำ

2.3    การอ่าน เขียนคำที่ใช้มาตราตัวสะกด ไม่ตรงตามมาตรา

2.4    การอ่าน เขียนคำที่มาจากภาษาต่างประเทศ

2.5    การอ่าน เขียนคำที่ใช้ ร   

2.6    การอ่าน เขียนคำที่ใช้ตัวการันต์

2.7    การอ่าน เขียนคำที่ประวิสรรชนีย์

2.8    การอ่าน เขียนคำที่ใช้พยัญชนะต้น           

 

3.       มานะพากเพียรฝึกเขียนรายงาน

·     ฝึกเขียนรายงานวิจัยแบบง่ายเพื่อแก้ปัญหาการอ่าน เขียนภาษาไทย สำหรับนักเรียน  ที่ท่านสอน 1 เรื่อง ตามแบบฟอร์มโดยกำหนดหัวข้อหรือชื่อเรื่องวิจัย สภาพปัญหา    เป้าหมายการวิจัย วิธีการวิจัย ผลการวิจัย ทั้งนี้ให้ใช้นวัตกรรมตามที่ท่านได้จัดทำใน ข้อ  2

 

4.       วิจารณ์วิจัยให้คุณภาพผลงาน

·       นำเสนอผลการฝึกเขียนรายงานต่อที่ประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเติมเต็มซึ่งกันและกัน

·       ให้ระดับคุณภาพผลงานการฝึกเขียนรายงานโดยใช้เกณฑ์การประเมิน และกำหนดระดับคุณภาพผลงาน ดังนี้

-          เกณฑ์การประเมิน

1.       การเขียนเป็นลำดับขั้นตอน

2.       การกำหนดชื่อเรื่อง สภาพปัญหา เป้าหมายการวิจัย วิธีการวิจัย และผลการวิจัย มีความสอดคล้องกัน

3.       มีความเป็นไปได้สูงที่จะนำไปใช้จริง

-          ระดับคุณภาพผลงานมีดังนี้

                                ระดับดี                   หมายถึง                 ผลงานเป็นไปตามเกณฑ์การประเมิน 3 ข้อ

                                ระดับพอใช้          หมายถึง                 ผลงานเป็นไปตามเกณฑ์การประเมิน 2 ข้อ

                                ระดับปรับปรุง     หมายถึง                 ผลงานเป็นไปตามเกณฑ์การประเมิน 1 ข้อ

 

 

 

 

 

 

 

เอกสารอ้างอิง

 

ประสงค์  รายณสุข. การศึกษาผลการทดลองใช้แบบฝึกเสริมทักษะการพูดภาษาไทยแก่ชาวเขา.   รายงานวิจัยภาควิชาภาษาไทย และภาษาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ, ประสานมิตร. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์เพียรเจริญ, 2532.

_________________. เสียงและการออกเสียงการพัฒนาเพื่อประสิทธิภาพในการพูด.

ยุพิน  อินทะยะ. การศึกษาสภาพปัญหาการอ่านออกเสียงภาษาไทยของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาและแนวทางแก้ไขปัญหาของครูผู้สอน กรณีศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดกรมสามัญศึกษา เขตการศึกษา 8. เชียงใหม่ : หน่วยศึกษานิเทศก์ กรมสามัญศึกษา เขตการศึกษา 8, 2539.

สำนักนิเทศและพัฒนามาตรฐานการศึกษา. การทำวิจัยแบบง่าย : บันไดสู่ครูนักวิจัย (วิจัยแผ่นเดียว). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุ

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 1756 วันที่ 27 มี.ค. 2552

ไฟโซล่าเซลล์ สปอร์ตไลท์ led Solar light ไฟโซล่า ไฟ solar cell IP67 กันน้ำและป้องกันฟ้าผ่ 10000W รับประกัน30ปี

฿199 - ฿1,358

https://s.shopee.co.th/6pmJMLjlQH?share_channel_code=6


?การวิจัยแบบง่าย

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

นี่เลย....ห้าคำถามงี่เง่า

นี่เลย....ห้าคำถามงี่เง่า


เปิดอ่าน 7,541 ครั้ง
ลายแทง

ลายแทง


เปิดอ่าน 7,544 ครั้ง
congratulation""""""""""ยินดี.....ๆๆๆๆๆๆๆ...

congratulation""""""""""ยินดี.....ๆๆๆๆๆๆๆ...


เปิดอ่าน 7,541 ครั้ง
เพลงปลุกใจ

เพลงปลุกใจ


เปิดอ่าน 7,547 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

วิธีถนอม.....ธัมบ์ไดรฟ์สุดรัก

วิธีถนอม.....ธัมบ์ไดรฟ์สุดรัก

เปิดอ่าน 7,545 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
มีดอกไม้มาฝาก...ดอกAuricula สวยมาก..
มีดอกไม้มาฝาก...ดอกAuricula สวยมาก..
เปิดอ่าน 7,594 ☕ คลิกอ่านเลย

ปัญหาของผม
ปัญหาของผม
เปิดอ่าน 7,544 ☕ คลิกอ่านเลย

ว่าเป็นฉาก
ว่าเป็นฉาก
เปิดอ่าน 7,541 ☕ คลิกอ่านเลย

ศาสนาแห่งการชนะ !........
ศาสนาแห่งการชนะ !........
เปิดอ่าน 7,528 ☕ คลิกอ่านเลย

ล้วงความลับ..ช๊อกโกแลต!!
ล้วงความลับ..ช๊อกโกแลต!!
เปิดอ่าน 7,556 ☕ คลิกอ่านเลย

คิดแล้ว...ทุกข์
คิดแล้ว...ทุกข์
เปิดอ่าน 7,528 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

สารพัดวิธี เบิร์น 100 กิโลแคลอรี่ แค่ไม่ถึงชั่วโมง แบบง่ายๆ
สารพัดวิธี เบิร์น 100 กิโลแคลอรี่ แค่ไม่ถึงชั่วโมง แบบง่ายๆ
เปิดอ่าน 14,761 ครั้ง

9 อาชีพน่าอิจฉา เงินเดือนทะลุล้าน
9 อาชีพน่าอิจฉา เงินเดือนทะลุล้าน
เปิดอ่าน 45,049 ครั้ง

ทึ่ง! เด็ก5ขวบพูดอังกฤษสำเนียงอเมริกันคล่อง
ทึ่ง! เด็ก5ขวบพูดอังกฤษสำเนียงอเมริกันคล่อง
เปิดอ่าน 14,177 ครั้ง

21 ตุลาคม วันรักต้นไม้แห่งชาติ
21 ตุลาคม วันรักต้นไม้แห่งชาติ
เปิดอ่าน 15,420 ครั้ง

ปลูกดอกหน้าวัว แซมปาล์มน้ำมัน สร้างรายได้เสริม 46,000 บาท/ไร่/ปี
ปลูกดอกหน้าวัว แซมปาล์มน้ำมัน สร้างรายได้เสริม 46,000 บาท/ไร่/ปี
เปิดอ่าน 3,646 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ