Advertisement
การค้นพบนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ โดยริชาร์ด แอนเดอร์สัน จากศูนย์วิจัยด้านสารอาหารเพื่อมวลมนุษย์ ของกระทรวงเกษตรกรรมแห่งสหรัฐอเมริกา ที่เมืองเบลท์สวิลล์ รัฐแมรี่แลนด์ ที่กำลังวิจัยเรื่องผลของอาหารที่มีต่อระดับน้ำตาลในเลือด โดยเลือกเอาพายแอปเปิ้ล ซึ่งเป็นอาหารจานโปรดของคนอเมริกัน ซึ่งปกติแล้วจะมีการโรยผงอบเชยเพื่อเพิ่มความหอมอร่อย มาเป็นตัวอย่างในการวิจัย
ปกติเมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลและแป้งในอาหาร จะแตกตัวกลายเป็นกลูโคส และเข้าไปหมุนเวียนในระบบเลือด ซึ่งฮอร์โมนอินซูลินจะไปทำให้เซลล์ของร่างกายดูดซึมกลูโคสไปใช้เป็นพลังงาน หรือเปลี่ยนให้กลายเป็นไขมัน ซึ่งในคนที่เป็นเบาหวานก็จะไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอ หรือผลิตได้ แต่ร่างกายไม่สามารถตอบสนองต่ออินซูลินได้ รวมทั้งในคนที่ไม่ได้เป็นเบาหวานแต่มีน้ำหนักตัวมาก ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ก็มักจะมีกลูโคสในเลือดมาก ซึ่งถ้ามีมากติดต่อกันนาน ๆ ก็อาจมีผลต่ออวัยวะต่าง ๆ เช่น ตา ไต ประสาท ฯลฯ ได้
เมื่อแยกธาตุของอบเชยออกมา พบว่ามีสารประกอบโพลีฟีนอลชนิดละลายน้ำได้ตัวหนึ่ง เรียกว่า MHCP เมื่อทดสอบในหลอดทดลองพบว่า MHCP นี้ทำหน้าที่เลียนแบบฮอร์โมนอินซูลิน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับอินซูลินในเซลล์มากขึ้น
ทีมงานของแอนเดอร์สันได้ทำการศึกษากับอาสาสมัครชาวปากีสถานที่ป่วยเป็นเบาหวาน โดยให้กินผงอบเชยบรรจุแคปซูล ขนาด 1, 3 และ 6 กรัมต่อวัน หลังอาหาร ผลที่ปรากฏในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา พบว่าคนกลุ่มนี้มีระดับน้ำตาลในเลือดเฉลี่ยต่ำกว่าคนในกลุ่มควบคุมซึ่งไม่ได้กินอบเชย ประมาณ 20% บางคนถึงกับมีระดับน้ำตาลลดลงมาเป็นปกติ ซึ่งหากหยุดกินอบเชย ก็พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะกลับสูงขึ้นมาเหมือนเดิม
นอกจากนี้อบเชยยังช่วยเสริมการทำงานของอินซูลิน ในเรื่องการควบคุมระดับไขมันในเลือดและคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) ให้มีระดับต่ำลง และผลที่ได้จากหลอดทดลองยังพบว่ามันช่วยทำลายอนุมูลอิสระ ที่มักจะเพิ่มจำนวนขึ้นในคนที่เป็นเบาหวานให้ลดลงด้วย
มีข้อควรระวังเล็กน้อย ก็คือ งดใช้ในเด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 2 ขวบ ผู้ที่มีปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขัด เป็นโรคริดสีดวง อุจจาระแห้งแข็ง และหญิงมีครรภ์ ไม่ควรกินอบเชย และห้ามกินน้ำมันอบเชย เพราะจะเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน และเป็นอันตรายต่อไตได้ น้ำมันอบเชยนั้น เขาไว้ใช้แต่งกลิ่นสบู่ ใช้เป็นส่วนผสมในยาทาถูนวดเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยค่ะ
คนไทยคุ้นเคยกลิ่นอบเชยในน้ำพะโล้อยู่แล้ว หรือจะลองหาผงอบเชยมาเหยาะในอาหารหรือเครื่องดื่มในแต่ละวันดูบ้างก็ได้ อย่างเช่น ชา กาแฟ น้ำผลไม้ หรือแซนด์วิช ก็ไม่เลวนะคะ แล้วแต่จะดัดแปลง สูตรใครสูตรมันค่ะ
อย่างไรก็ตาม ย้ำกันอีกครั้ง เหมือนที่เราย้ำกันบ่อยๆ ในรายการว่า อะไรที่น้อยเกินไปก็ไม่ดี มากเกินไปก็ไม่ดี ดังนั้นกินเป็นส่วนปรุงในอาหารน่าจะดีที่สุด โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน อบเชยอาจเป็นทางเลือกเสริม แต่ไม่ใช่ยารักษานะคะ การใช้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ค่ะ
วันที่ 21 เม.ย. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 6,275 ครั้ง เปิดอ่าน 6,545 ครั้ง เปิดอ่าน 6,270 ครั้ง เปิดอ่าน 6,251 ครั้ง เปิดอ่าน 6,271 ครั้ง เปิดอ่าน 6,268 ครั้ง เปิดอ่าน 6,265 ครั้ง เปิดอ่าน 6,253 ครั้ง เปิดอ่าน 6,263 ครั้ง เปิดอ่าน 6,268 ครั้ง เปิดอ่าน 6,254 ครั้ง เปิดอ่าน 6,264 ครั้ง เปิดอ่าน 6,271 ครั้ง เปิดอ่าน 6,257 ครั้ง เปิดอ่าน 6,254 ครั้ง เปิดอ่าน 6,256 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 6,262 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 6,273 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 6,262 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 6,273 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 6,262 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 6,262 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 6,260 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 11,162 ครั้ง |
เปิดอ่าน 11,160 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,009 ครั้ง |
เปิดอ่าน 13,701 ครั้ง |
เปิดอ่าน 21,473 ครั้ง |
|
|