Advertisement
ชาเขียวดี หรือชาดำดี ชาเขียว ชาดำ ชาเขียว...............อะไรดีกว่ากัน คงมีหลายท่านสับสนว่าเราควรจะเลือกบริโภคชาชนิดไหนดี เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ในความเป็นจริงแล้วทั้งชาเขียว และชาดำที่เราบริโภคกันอยู่ทุกวันนี้ ล้วนแต่ได้มาจากต้นเดียวกันนั้นแหละแต่ต่างกันที่ระยะเวลาในการเก็บ ซึ่งแน่นอนชาเขียวจะต้องเป็นใบอ่อนที่แตกยอดใหม่ๆ ส่วนชาดำก็ได้จากใบที่แก่กว่า ชาทั้งสองชนิด เมื่อนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ก็จะมีความแตกต่างกัน
ชาเขียว ชาดำ :
สารสำคัญPolyphenols ในกลุ่มของ flavonoids Catchin, epicatechin, epicatechin gallate, proanthocyanidins) Polyphenols ต่ำ คาเฟอีน สูง
กรรมวิธีในการผลิต :
ใช้ไอน้ำในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่มีฤทธิ์ในการทำลาย polyphenols
ใช้วิธีอ็อกซิเดชั่น ซึ่งทำให้เอนไซม์ทำงานได้ดีขึ้นเป็นผลใน polyphenols ถูกทำลาย
รสชาติ :
จืด มีกลิ่นเหม็นเขียว เข้มข้น มีกลิ่นเฉพาะ รสขม
สี :
เมื่อชงกับน้ำร้อนจะให้สีเขียว เมื่อชงกับน้ำร้อนจะให้สีน้ำตาลเข้ม
ประโยชน์ : Polyphenols ในชาเขียวช่วยในการควบคุมระดับโคเลสเตอรอลในกระแสเลือด โดยไปเพิ่มปริมาณของ HDL ในขณะเดียวกันก็ช่วยละ LDL และไตรกลีเซอไรด์
1 สารในกลุ่ม polyphenols โดยเฉพาะ epicatechin gallate ที่พบในชาเขียวมีคุณสมบัติต้านสารก่อมะเร็ง (anticarcinogenic) และเชื่อว่าช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้
2 ฤทธิ์ในการต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่นของชาเขียว ยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดและหัวใจ
3 การใช้สารสกัดจากชาเขียวในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการฉายแสง และเคมีบำบัด จะทำให้เซลล์ปกติถูกทำลายน้อยลง
ผลข้างเคียงและข้อห้ามใช้ :
เนื่องจากชาเขียวมีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นอาจพบผลข้างเคียงบ้างในผู้ที่ไวต่อสารคาเฟอีน เช่น เวียนศีรษะ นอนไม่หลับ ปวดท้อง ท้องเสีย หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ ปัสสาวะบ่อย ฯลฯ
กลไกการออกฤทธิ์ :
สารในกลุ่มของ polyphenols โดยเฉพาะ (-) Epigallocatechin gallate (EGCG) มีคุณสมบัติในการต้านการกลายพันธุ์ ของเซลล์ (antimutagenic) ต้านสารก่อมะเร็ง (anticarcinogenic) และต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น (antioxidant) โดยสารชนิดนี้จะไปยับยั้งการเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง
ขนาดรับประทาน :
ชาเขียวชนิดดื่มสามารถดื่มได้วันละ 2-4 ถ้วย ต่อวัน ส่วนสารสกัดจากชาเขียวชนิดแคปซูลหรือเม็ดที่มีจำหน่ายในท้องตลาดส่วนใหญ่จะมีขนาด 250 500 มิลลิกรัมต่อแคปซูล แนะนำให้รับประทานวันละ 1-2 แคปซูล
เนื่องจากในปัจจุบันมีกระแสของการนำเอาสารอาหารบางชนิด การนวด การฝังเข็ม สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ฯลฯ มาใช้ในการป้องกัน และรักษาโรคต่าง ๆ มากขึ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราควรจะพัฒนาความรู้ ให้ทันต่อความก้าวหน้าที่เกิดขึ้น
ขอบคุณที่มา สนุก.คอม
Advertisement
เปิดอ่าน 9,627 ครั้ง เปิดอ่าน 40,350 ครั้ง เปิดอ่าน 3,474 ครั้ง เปิดอ่าน 5,111 ครั้ง เปิดอ่าน 13,150 ครั้ง เปิดอ่าน 14,350 ครั้ง เปิดอ่าน 21,161 ครั้ง เปิดอ่าน 10,886 ครั้ง เปิดอ่าน 14,624 ครั้ง เปิดอ่าน 14,000 ครั้ง เปิดอ่าน 29,032 ครั้ง เปิดอ่าน 9,113 ครั้ง เปิดอ่าน 7,026 ครั้ง เปิดอ่าน 22,921 ครั้ง เปิดอ่าน 16,119 ครั้ง เปิดอ่าน 13,615 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 12,465 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 16,779 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 9,517 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 25,979 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 10,015 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 19,769 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 13,820 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 8,755 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,000 ครั้ง |
เปิดอ่าน 22,778 ครั้ง |
เปิดอ่าน 30,468 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,594 ครั้ง |
|
|