ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

จะหนีตาม "กาลิเลโอ" ทั้งที ต้องรู้ชีวประวัติกันหน่อย


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 6,561 ครั้ง
จะหนีตาม "กาลิเลโอ" ทั้งที ต้องรู้ชีวประวัติกันหน่อย

Advertisement

Galileo Galilei
 

เกิด : วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1564 ที่เมืองปิซา (Pisa) ประเทศอิตาลี (Italy)
เสียชีวิต : วันที่ 8 มกราคม ค.ศ.1642 ที่เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) ประเทศอิตาลี (Italy)

กาลิเลโอเป็นนักวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และดาราศาสตร์ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของโลก โดยเฉพาะผลงานด้านดาราศาสตร์เป็นผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุด การทดลองและการค้นพบของเขามีประโยชน์มากมายหลายด้าน อีกทั้งเขายังเป็นบุคคลที่มีความกล้าหาญอย่างมากในการเสนอแนวความคิดต่างๆ เกี่ยวกับทฤษฎีดั้งเดิมที่ผิด เขาจะไม่ยอมเชื่อทฤษฎีต่างๆ ที่ได้รับการเผยแพร่ออกมาทั้งในอดีตและในยุคนั้น จนกว่าจะได้ทำการทดลองเสียก่อนที่จะเชื่อถือในทฤษฎีข้อนั้น และด้วยนิสัยเช่นนี้ทำให้เขาได้รับฉายาว่า The Wrangler ฉายาของกาลิเลโออันนี้ในปัจจุบัน ได้ใช้หมายถึง "ผู้เชี่ยวชาญ" ในมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด (Oxford University) และมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University)

กาลิเลโอเกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1564 ที่เมืองปิซา ประเทศอิตาลี เข้ารับการศึกษาขั้นต้นที่เมืองปิซานั่นเอง ต่อมาเข้าศึกษาต่อในวิชาแพทย์ ณ มหาวิทยาลัยปิซา (Pisa University) ตามความต้องการของบิดา แต่กาลิเลโอมีความสนใจในวิชาวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์มากกว่า จนกระทั่งครั้งหนึ่งกาลิเลโอมีโอกาสได้เข้าฟังการบรรยายวิชาคณิตศาสตร์ ทำให้เขาเลิกเรียนวิชาแพทย์ และไปเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์แทน

การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ครั้งแรกของกาลิเลโอเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1584 เมื่อเขากำลังนั่งฟังสวดมนต์อยู่ในโบสถ์แห่งหนึ่ง เขาสังเกตเห็นโคมแขวนบนเพดานโบสถ์แกว่งไปแกว่งมา เขาจึงเกิดความสงสัยว่าการแกว่งไปมาของโคมในแต่ละรอบใช้เวลาเท่ากันหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงทดลองจับเวลาการแกว่งไปมาของโคม โดยเทียบกับชีพจรของตัวเอง ลปรากฏว่าไม่ว่าโคมจะแกว่งในลักษณะใดก็แล้วแต่ ระยะเวลาในการแกว่งไปและกลับครบ 1 รอบ จะเท่ากันเสมอ เมื่อเขากลับบ้านได้ทำการทดลองแบบเดียวกันนี้อีกหลายครั้ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าทฤษฎีที่เขาจะตั้งขึ้นถูกต้องที่สุด ซึ่งผลการทดลองก็เหมือนกันทุกครั้ง กาลิเลโอได้ตั้งชื่อทฤษฎีนี้ว่า กฎเพนดูลัม (Pendulum) หรือ กฎการแกว่งของนาฬิกาลูกตุ้ม

ในปี ค.ศ.1588 กาลิเลโอได้รับการติดต่อให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์ในมหาวิทยาลัยปิซา ระหว่างที่กาลิเลโอเข้าทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัยปิซา เขาได้นำทฤษฎีของอริสโตเติล มาทดสอบเพื่อหาข้อเท็จจริง ทฤษฎีที่ว่านี้ คือ ทฤษฎีวัตถุที่มีน้ำหนักมากกว่าจะตกถึงพื้นก่อนวัตถุที่มีน้ำหนักเบา แต่เมื่อกาลิเลโอทดลองแล้วปรากฏว่าวัตถุที่มีน้ำหนักมากและวัตถุที่มีน้ำหนักเบาจะตกถึงพื้นพร้อมกัน แต่การที่อริสโตเติลสรุปทฤษฎีเช่นนี้เป็นผลเนื่องมาจากอากาศได้ช่วยพยุงวัตถุที่มีน้ำหนักเบาได้มากกว่าวัตถุที่มีน้ำหนักมากกว่า แต่ถ้าทำการทดลองในสุญญากาศจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าวัตถุตกถึงพื้นพร้อมกัน กาลิเลโอได้นำความจริงข้อนี้ไปชี้แจงกับทางมหาวิทยาลัย ผลปรากฏว่า มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย กลุ่มคนที่ยึดถือทฤษฎีของอริสโตเติลอย่างเหนียวแน่นก็ยังไม่เชื่อกาลิเลโออยู่ดี อีกทั้งหาทางกลั่นแกล้งจนกาลิเลโอต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยปิซา

กาลิเลโอมีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องดาราศาสตร์อย่างมาก เขาได้ทำการปรับปรุงกล้องโทรทรรศน์ให้มีกำลังขยายมากถึง 32 เท่า ซึ่งสามารถส่องดูดวงดาวต่างๆ ในจักรวาลได้อย่างชัดเจน สิ่งที่กาลิเลโอได้พบเห็นจากกล้องโทรทรรศน์ เขาได้บันทึกลงในหนังสือเล่มหนึ่ง และตีพิมพ์เผยแพร่ออกมาในปีเดียวกัน โดยใช้ชื่อหนังสือว่า Sederieus Nuncius หมายถึง ผู้นำสารจากดวงดาว ภายในหนังสือเรื่องนี้มีรายละเอียดดังนี้

  • ผิวของดวงจันทร์ ซึ่งปรากฏว่าไม่เรียบเหมือนอย่างที่มองเห็น แต่มีหลุม หุบเหว และภูเขาใหญ่น้อย จำนวนมาก
  • พบว่าดาวมีหลายประเภท ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกัน ได้แก่ ดาวเคราะห์ คือ ดาวที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง เช่น โลก ดาวพุธ และดวงจันทร์ เป็นต้น และดาวฤกษ์ คือ ดาวที่มีแสงสว่างในตัวเอง เช่น ดวงอาทิตย์ เป็นต้น
  • พบทางช้างเผือก (Milky Way) ซึ่งมีลักษณะเป็นทางขาวๆ ดูคล้ายหมอกบางๆ พาดผ่านไปบนท้องฟ้า ทางช้างเผือก เกิดจากแสงของกลุ่มดาวฤกษ์ซึ่งมีความหนาแน่นมาก
  • เนบิวลา (Nebula) คือ กลุ่มก๊าซ และวัตถุต่างๆ ซึ่งมีการรวมตัวกันอย่างหนาแน่น
  • พบวงแหวนของดาวเสาร์ แต่กาลิเลโอไม่ได้เรียกว่าวงแหวน ต่อมาในปี ค.ศ.1655 ฮอยเกนส์ได้พิสูจน์ว่าเป็นวงแหวน และเรียกว่า "วงแหวนของดาวเสาร์ (Saturn's Ring)"
  • พบบริวารของดาวพฤหัสบดีว่ามีมากถึง 4 ดวง กาลิเลโอได้ตั้งชื่อดาวบริวารของดาวพฤหัสบดีว่า ซีเดรา เมดิซี (Sidera Medicea) เพื่อเป็นเกียรติแก่ดยุคแห่งทัสคานี คอซิโมที่ 2 (Duke of Tuscany Cosimo II) ผู้ซึ่งเป็นทั้งลูกศิษย์และเจ้านายของเขาในเวลาต่อมา และจากการค้นพบครั้งนี้ กาลิเลโอได้ตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ และภายหลังจากการศึกษา กาลิเลโอได้ตั้งทฤษฎีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของสุริยจักรวาล และโลกต้องโคจรรอบดวงอาทิตย์
  • พบว่าพื้นผิวของดาวศุกร์มีลักษณะคล้ายกับดวงจันทร์
  • พบจุดดับบนดวงอาทิตย์ (Sun Spot)
กาลิเลโอได้ประดิษฐ์เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ขึ้นอีกหลายชิ้น ได้แก่ นาฬิกาน้ำ ไม้บรรทัด และเทอร์มอมิเตอร์ (Thermometer) เป็นต้น และในปี ค.ศ.1636 กาลิเลโอได้เขียนหนังสือขึ้นเล่มหนึ่งชื่อว่า Dialoghi Della Nuove Scienze แต่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ.1638 โดยเอสเซฟเวียร์ (Elzavirs) ที่เมืองเลย์เดน (Leyden) หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิชากลศาสตร์ หลังจากหนังสือเล่มนี้เผยแพร่ออกไปกลับได้รับความนิยมมากกว่าหนังสือดาราศาสตร์ของเขา อีกทั้งไม่ถูกต่อต้านจากศาสนาจักรอีกด้วย

ในช่วงสุดท้ายของชีวิต กาลิเลโอได้ค้นคว้า และเฝ้ามองดูการเคลื่อนไหวของดวงดาวบนท้องฟ้า รวมถึงดวงจันทร์ด้วย กาลิเลโอได้เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของดวงจันทร์จนพบว่า ดวงจันทร์ใช้เวลา 15 วัน ในการโคจรรอบโลก ซึ่งถือว่าเป็นการค้นพบครั้งสุดท้ายของเขา เพราะหลังจากนั้นประมาณ 2-3 เดือน เขาก็ตาบอดและสุขภาพอ่อนแอลงเรื่อยๆ เนื่องจากความชรา และเสียชีวิตในวันที่ 8 มกราคม ค.ศ.1642 ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี

ผลงานที่สำคัญ :

  • ค.ศ.1584 ตั้งกฎเพนดูลัม (Pendulum) หรือกฎการแกว่งของนาฬิกาลูกตุ้ม
  • ค.ศ.1585 ตีพิมพ์หนังสือชื่อว่า Kydrostatic Balance และ Centre of Gravity

  • ค.ศ.1591 พิสูจน์ทฤษฎีของอริสโตเติลที่ว่าวัตถุที่มีน้ำหนักเบาว่าผิด อันที่จริงวัตถุจะตกถึงพื้นพร้อมกันเสมอ
  • พัฒนากล้องโทรทรรศน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถส่องดูดาวบนจักรวาลได้
  • พบลักษณะพื้นผิวของดวงจันทร์
  • พบว่าดาวมีหลายประเภท ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกัน ได้แก่ ดาวเคราะห์ และดาวฤกษ์
  • พบทางช้างเผือก (Milky Way)
  • พบบริวารของดาวพฤหัสบดี ว่ามีมากถึง 4 ดวง
  • พบวงแหวนของดาวเสาร์ ซึ่งปรากฏว่ามีสีถึง 3 สี
  • พบว่าพื้นผิวของดาวศุกร์มีลักษณะคล้ายกับดวงจันทร์
  • พบจุดดับบนดวงอาทิตย์ (Sun Spot)
  • พบดาวหาง 3 ดวง
https://www.myfirstbrain.com

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 923 วันที่ 28 ก.ค. 2552


จะหนีตาม "กาลิเลโอ" ทั้งที ต้องรู้ชีวประวัติกันหน่อยจะหนีตามกาลิเลโอทั้งทีต้องรู้ชีวประวัติกันหน่อย

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

?4 อย่า? เมื่อคุณจะนอน..

?4 อย่า? เมื่อคุณจะนอน..


เปิดอ่าน 6,410 ครั้ง
ขาวกับดำ

ขาวกับดำ


เปิดอ่าน 6,414 ครั้ง
6 ขั้นตอน....สอนได้ทุกสิ่ง!!

6 ขั้นตอน....สอนได้ทุกสิ่ง!!


เปิดอ่าน 6,518 ครั้ง
ชีวิตคนเรานี่เนาะ

ชีวิตคนเรานี่เนาะ


เปิดอ่าน 6,431 ครั้ง
ดอกราตรี

ดอกราตรี


เปิดอ่าน 6,416 ครั้ง
ภาพปริศนา : ทายคำศัพท์

ภาพปริศนา : ทายคำศัพท์


เปิดอ่าน 6,873 ครั้ง
อ่านแล้วทำใจให้สบาย

อ่านแล้วทำใจให้สบาย


เปิดอ่าน 6,417 ครั้ง
หมั่นถอนวัชพืชในใจ

หมั่นถอนวัชพืชในใจ


เปิดอ่าน 6,420 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

Hair Spa ศาสตร์บำบัดเส้นผม....

Hair Spa ศาสตร์บำบัดเส้นผม....

เปิดอ่าน 6,410 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ดวงดี อย่าเหลิง
ดวงดี อย่าเหลิง
เปิดอ่าน 6,421 ☕ คลิกอ่านเลย

เผยแพร่ผลงาน
เผยแพร่ผลงาน
เปิดอ่าน 6,418 ☕ คลิกอ่านเลย

หัวเชือกวัวชน งานวิจัยปักษ์ใต้..ที่ค้างคาใจ...มหาชน
หัวเชือกวัวชน งานวิจัยปักษ์ใต้..ที่ค้างคาใจ...มหาชน
เปิดอ่าน 6,473 ☕ คลิกอ่านเลย

"ในหลวง"ทรงมีพระราชดำรัสขอบพระทัยและขอบคุณพสกนิกรชาวไทยขอให้ทุกฝ่าย"ใช้สติรู้ตัว ด้วยปัญญา รู้คิด"
"ในหลวง"ทรงมีพระราชดำรัสขอบพระทัยและขอบคุณพสกนิกรชาวไทยขอให้ทุกฝ่าย"ใช้สติรู้ตัว ด้วยปัญญา รู้คิด"
เปิดอ่าน 6,417 ☕ คลิกอ่านเลย

ถ่ายรูป ท่ากระโดด แบบไหนให้แนวโดนใจต้องนี่เลย ...
ถ่ายรูป ท่ากระโดด แบบไหนให้แนวโดนใจต้องนี่เลย ...
เปิดอ่าน 6,465 ☕ คลิกอ่านเลย

จะทำอย่างไรถ้าทำตลับแป้งที่ทาหน้าหล่นแตก:- ???
จะทำอย่างไรถ้าทำตลับแป้งที่ทาหน้าหล่นแตก:- ???
เปิดอ่าน 6,416 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เคล็ดลับ 13 ประการ เพื่อการเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
เคล็ดลับ 13 ประการ เพื่อการเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
เปิดอ่าน 12,763 ครั้ง

นิทานเคมี เรื่อง ถ่านหินมหัศจรรย์
นิทานเคมี เรื่อง ถ่านหินมหัศจรรย์
เปิดอ่าน 33,970 ครั้ง

อะโวคาโด
อะโวคาโด
เปิดอ่าน 10,381 ครั้ง

อาชีพที่จะหายไปและอาชีพในอนาคต
อาชีพที่จะหายไปและอาชีพในอนาคต
เปิดอ่าน 80,522 ครั้ง

ที่มาของ "กรุงเทพมหานคร" และ "บางกอก"
ที่มาของ "กรุงเทพมหานคร" และ "บางกอก"
เปิดอ่าน 54,050 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ