Advertisement
สาเหตุสิว
หากการทำงานของฮอร์โมนผิดปกติจะส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป และเร่งการหลุดลอกของเซลล์ผิวบริเวณผิวชั้นบน และในรูขุมขนซึ่งสิ่งตกค้างเหล่านี้จะขัดขวางทางเดินของต่อมไขมัน และอุดตันรูขุมขนด้วย ซึ่งสภาพแบบนี้ช่วยให้แบคทีเรียชนิดโปรฟิโอแบคทีเรีย
แอ็คเน่ส์ที่แอบอยู่ในต่อมไขมันเจริญเติบโต และก่อให้เกิดตุ่มอักเสบระคายเคือง หรือสิวนั่นเอง และอีกเหตุผลที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็ทำให้เกิดสิวได้ก็คือ การระคายเคืองและการแพ้เครื่องสำอาง หรือยาและอาหารบางชนิด (แต่ก็ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันว่า อาหารใดก่อให้เกิดสิว)
ทำไมหัวขาว ทำไมหัวดำ
น้ำมันส่วนเกิน และเซลล์ผิวเก่าที่มีมากผิดปกติจะรวมตัวกันเป็นสารสีขาวนิ่มๆอุดรูขุมขนไว้ ถ้าส่วนบนของรูขุมขนถูกปิดด้วยผิว ก็จะเรียกว่า สิวหัวขาว (Whitehead/Milia) ถ้าไม่มีอะไรขวางรูขุมขน ส่วนบนของสารขาวๆที่ก่อตัวจะถูกอากาศจนกลายเป็นสีดำ เรียกว่า สิวหัวดำ (Blackhead)
สิวหัวขาวและหัวดำจะกลายเป็นสิวอักเสบเมื่อแบคทีเรียเติบโตในส่วนที่อุดตัน การอักเสบและน้ำมันส่วนเกินจะทำให้กำแพงของต่อมไขมันรั่ว และน้ำมัน เซลล์ผิวเก่า แบคทีเรียจะกระจายตัวไปทั่วเนื้อเยื่อผิวโดยรอบ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจึงต้องเข้าไปต่อสู้ซ่อมแซมผิว จึงทำให้บวมเป็นตุ่มสิวอย่างที่เห็น
วิธีปราบสิว
ถ้ามัวแต่แก้ไขเฉพาะสิวที่เห็นภายนอกโดยไม่สนใจรักษาที่ต้นเหตุซึ่งอยู่ใต้ผิวหนัง การรักษาใดๆก็ไม่ได้ผล เช่นใช้ผลิตภัณฑ์ทำให้หัวสิวแห้งเพียงอย่างเดียว ซึ่งนอกจากสิวจะไม่ยุบและไม่สามารถดูดซับความมันบนหัวสิวแล้วยังระคายผิว และอาจก่อให้เกิดแผลเป็นอีกด้วย
ฉะนั้น วิธีปราบสิวที่ดีที่สุดคือ การขัดผิวเพื่อลดการสะสมตัวของเซลล์ผิวที่ตายทั้งบนผิวและในรูขุมขน การฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว การดูดซับความมันและสร้างสมดุลให้กับฮอร์โมนของร่างกายเพื่อควบคุมการผลิตน้ำมัน
ล้างหน้า :
ควรใช้เคลนเซอร์ที่ละลายน้ำและไม่ผสมสารที่ทำให้ระคายผิว เช่น สบู่ สครับ เพื่อเลี่ยงการกระตุ้นต่อมไขมัน ลดการอักเสบของผิว และความแห้งกร้าน
ส่วนเคลนเซอร์ที่ผสมสารขัดลอกเซลล์ผิว สารยับยั้งเชื้อแบคทีเรียหรือดูดซับน้ำมันส่วนเกินจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เนื่องจากก่อนที่สารเหล่านี้จะออกฤทธิ์คุณก็ล้างออกเสียแล้ว
ขจัดเซลล์ผิว :
เพราะสิวเกิดขึ้นภายในรูขุมขน และเกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำมัน ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่ผสมกรดซาลิไซลิกซึ่งละลายในไขมัน จึงสามารถเข้าขัดลอกเซลล์ผิวเก่าในรูขุมขนได้อย่างอ่อนโยน
แนะนำให้ใช้ประเภทเจลหรือโลชั่นเนื้อเบาๆ ซึ่งไม่ผสมสารสร้างความหนืดหรือสารให้ความชุ่มชื่นอันจะอุดตันรูขุมขน ส่วนสครับหรือกรด AHA มักไม่ค่อยได้ผล เนื่องจากตัวช่วยขัดลอกเซลล์ผิวเฉพาะภายนอก ไม่สามารถลงลึกถึงรูขุมขนได้
ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย :
แอลกอฮอล์หรือซัลเฟอร์เป็นสารฆ่าเชื้อที่ดีแต่ทำให้ผิวแห้งและระคายจนทำให้เกิดสิวใหม่ คุณจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมน้ำมีทีทรีหรือเบนซอยล์เพอร๊อกไซด์
ที่มีความเข้มข้นประมาณ 2.5% 5% หรือ 10% ส่วนการกินยาแอนตี้บอดี้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งก่อสิวได้จริง แต่จะทำลายแบคทีเรียตัวที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกายไปด้วย
เพิ่มการสร้างเซลล์ผิว :
คุณหมออาจใช้สารจำพวกเตรตินอยน์ ดิเฟอรีนและกรดอะเซลาอิก ซึ่งช่วยให้เจริญเติบโตได้ดี จนสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างของรูขุมขน และช่วยให้การขับน้ำมันสะดวกราบรื่น
ที่พึ่งสุดท้าย :
ถ้าหากสิวยังคงอยู่ทนแม้คุณจะทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ทุกรูปแบบแล้วก็ตาม คุณก็ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพราะยังมียารับประทานอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่าสามารถรักษาสิวได้ผลดีเยี่ยม นั่นก็คืออัคคูเทน ซึ่งเป็นวิตามินเอปริมาณสูง
มักใช้ในกรณีที่เกิดสิวรุนแรงและยังช่วยทำให้ผิวเนียนกระชับสวยขึ้นด้วย แต่ยาตัวนี้ควรเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆและต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยานี้มีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง เช่น ก่อให้เกิดความผิดปกติในการตั้งครรภ์และปัญหาทางจิต
วันที่ 19 ธ.ค. 2552
ไฟโซล่าเซลล์ สปอร์ตไลท์ led Solar light ไฟโซล่า ไฟ solar cell IP67 กันน้ำและป้องกันฟ้าผ่ 10000W รับประกัน30ปี
฿199 - ฿1,358https://s.shopee.co.th/6pmJMLjlQH?share_channel_code=6
Advertisement
 เปิดอ่าน 7,511 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,515 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,513 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,512 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,514 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,513 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,513 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,531 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,536 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,510 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,560 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,513 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,537 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,512 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,517 ครั้ง  เปิดอ่าน 7,508 ครั้ง
|

เปิดอ่าน 7,504 ☕ คลิกอ่านเลย |

เปิดอ่าน 7,522 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 7,512 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 7,512 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 7,514 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 7,514 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 7,513 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ 
เปิดอ่าน 24,968 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 22,090 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 13,850 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 18,936 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 14,665 ครั้ง |
|
|