ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมความรู้ทั่วไป  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

หลากวิตามินพิชิตเบาหวาน หยุดน้ำตาลพุ่งสูง ก่อนสายเกินแก้


ความรู้ทั่วไป 24 ม.ค. 2557 เวลา 10:16 น. เปิดอ่าน : 21,722 ครั้ง
Advertisement

หลากวิตามินพิชิตเบาหวาน หยุดน้ำตาลพุ่งสูง ก่อนสายเกินแก้

Advertisement

หลากวิตามิน พิชิตเบาหวาน หยุดน้ำตาลพุ่งสูง ก่อนสายเกินแก้ (ชีวจิต คู่มือรักษา 3 โรคยอดฮิต เบาหวาน ความดัน หัวใจ)
โดย จิรโชติ ปิ่นแก้ว

          วิตามินเป็นหนึ่งในสารอาหารที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อร่างกาย จึงได้รับการบรรจุอยู่ในอาหาร 5 หมู่ แม้จะไม่ใช่สารอาหารหลักที่ใช้เสริมสร้างร่างกาย แต่ก็มีส่วนสำคัญในการช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายดำเนินไปได้อย่างปกติ คอลัมน์ ชีวจิต+ฉบับพิเศษ จึงขอนำประโยชน์อันน่าทึ่งของเหล่าวิตามินที่ช่วยพิทักษ์ร่างกายของเราจากโรคเบาหวานมาฝากกันครับ

 ก้าวแรกให้ถูกต้อง ด้วยการรู้จักวิตามิน

          อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต กล่าวว่า วิตามินที่ร่างกายได้รับส่วนใหญ่มาจากอาหารที่เรากินเข้าไป และส่วนหนึ่งร่างกายสังเคราะห์ขึ้นเอง มีหน้าที่ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างถูกต้อง และช่วยให้ดำรงชีวิตอยู่ได้

          ความสำคัญของวิตามินนั้น เมื่อใช้เป็นยาจะต้องรู้จักว่าควรใช้ในปริมาณเท่าไร (ส่วนมากต้องใช้ในปริมาณหรือโดสสูง) ต้องรู้ว่าตัวไหนส่งเสริมกันและตัวไหนเป็นศัตรูกัน ดังนั้น อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าไปหามากินเองหรือเชื่อแต่คำโฆษณาอย่างเดียว เพราะอาจทำให้เกิดอันตราย โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่อาจจะไปกระตุ้นระดับน้ำตาล ความดันโลหิตให้สูงขึ้น จนเป็นอันตรายต่อร่างกายได้

          เมื่อรู้จักความสำคัญของวิตามินกันแล้ว ก็จะขอพาทุกท่านเข้าสู่โลกของวิตามินพิชิตโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นสูตรจากอาจารย์สาทิสกันครับ




 Did you know?

 วิตามินซี และบี 15 ช่วยป้องกันเบาหวานได้

          วิตามินซีมีสรรพคุณช่วยรักษาและบำรุงภูมิชีวิต ซึ่งถือเป็นเกราะคุ้มกันภัยให้ร่างกายพ้นจากโรคร้ายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยลดคอเลสเตอรอลและคลายเครียดอันเป็นปัจจัยของโรคเบาหวานได้ พบมากในผักสด ผลไม้สด ใบมะละกออ่อน ผักกระเฉด มะขามป้อม พริก เชอร์รี ฝรั่ง ส้ม ฯลฯ

          วิตามินบี 15 พบมากในยีสต์ เมล็ดพืชต่าง ๆ ข้าวซ้อมมือ มีประโยชน์ต่อกล้ามเนื้อ ตับ สมอง และหัวใจ ช่วยย่อยไขมันและช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินอี แพทย์นิยมใช้วิตามินตัวนี้ร่วมกับการรักษาเบาหวานและเส้นเลือดอุดตัน


 วิตามินบี คอมเพล็กซ์

          วิตามินบีคอมเพล็กซ์ (B Complex) หมายถึง วิตามินบีทุกชนิด ได้แก่ บี 1 บี 2 บี 3 บี 6 บี 12 และส่วนประกอบอย่างบี 5 ไอโอดิน (Biotin) โคลีน (Choline) อินอซิทอล (Inositol) กรดโฟลิก (Folic Acid) และพาบา (PABA) ที่นำมาผสมกัน

ประโยชน์

  • ช่วยในการย่อยหรือแตกตัวของคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็นกลูโคส
  • ช่วยในการย่อยหรือแตกตัวของโปรตีนและไขมัน
  • ช่วยให้กล้ามเนื้อในกระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น


          จะเห็นได้ว่า สรรพคุณของวิตามินบีคอมเพล็กซ์สามารถช่วยลดและควบคุมคอเลสเตอรอลและไขมัน ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังช่วยเสริมสร้างภูมิชีวิต ซึ่งอาจารย์สาทิสย้ำว่า เป็นหัวใจของการต้านทานโรคร้ายไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียดอันเป็นตัวกระตุ้นชั้นเลิศให้อาการของผู้ป่วยเบาหวานกำเริบได้อีกด้วย

          อาจารย์สาทิสแนะนำปริมาณของวิตามินบีคอมเพล็กซ์ที่ควรกินไว้ว่า สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงกินอาหารตามสูตรชีวจิต ก็จะได้รับวิตามินชนิดนี้อย่างครบถ้วน แต่หากใช้เป็นยา ต้องกินถึงวันละ 3,000-5,000 มิลลิกรัมเลยทีเดียว

          อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง ได้เตือนไว้ในหนังสือ ปั้นชีวิตใหม่ด้วยชีวจิต เล่ม 1 สำนักพิมพ์คลินิกสุขภาพ ว่า ไม่จำเป็นต้องซื้อวิตามินกินทุกตัว เพราะหากกินอาหารอย่างถูกต้อง (โดยเฉพาะตามสูตรชีวจิตทีแนะนำไว้) ก็จะไม่ขาดวิตามินเลย แต่สำหรับคนที่อายุตั้งแต่ 40 หรือ 50 ปีขึ้นไป และอยู่ในสิ่งแวดล้อมซึ่งมีผลภาวะเป็นพิษ ควรกินวิตามินกลุ่มแอนตี้ออกซิแดนท์วันละ 1 เม็ดแยกชนิดกันไม่ควรกินแบบวิตามินรวม



อาหารที่มีวิตามินบี 3


 วิตามินบี 3

          วิตามินบี 3 หรือไนอะซิน (Niacin) ถูกวงการแพทย์มองข้ามความสำคัญมาเป็นเวลานานหลายสิบปี แต่ปัจจุบันได้รับความสนใจมากขึ้นในการนำมาต่อสู้กับภาวะคอเลสตอรอลในเลือดสูง

ประโยชน์

  • ช่วยทำลายพิษหรือท็อกซินจากมลพิษ แอลกอฮอล์ และยาเสพติด
  • ช่วยให้อาการต่าง ๆ ของผู้ป่วยโรคเบาหวานดีขึ้น
  • ช่วยในการสร้างอินซูลิน
  • ลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ (ไขมันในเลือดและไขมันทั่วไป)


          ปกติร่างกายเราจะสามารถสร้างวิตามินชนิดนี้ขึ้นมาเองได้ แต่หากขาดวิตามินบี 1 บี 2 และบี 6 ก็ไม่สามารถสร้างบี 3 ขึ้นมาได้ และเมื่อร่างกายขาดวิตามินตัวนี้ ก็จะทำให้การสร้างฮอร์โมนอินซูลินน้อยลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยเบาหวานอย่างมหาศาล

          จะเห็นได้ว่า วิตามินบี 3 มีผลกระทบโดยตรงต่ออาการของโรคเบาหวาน จึงจัดเป็นวิตามินสำคัญที่ผู้ป่วยเบาหวานขาดไม่ได้ โดย นายแพทย์เซลดอน ซอล เฮ้นเลอร์ กรรมการที่ปรึกษาของ Board of Medical Advisers ของอังกฤษเห็นควรว่า สามารถกินวิตามินบี 3 เสริมได้ตั้งแต่วันละ 100-2,000 มิลลิกรัม

          การกินวิตามินบี 3 ชนิดเม็ดตั้งแต่ 500 มิลลิกรัมขึ้นไป จะรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าและคันตามตัว และหากกินยาปฏิชีวนะอยู่ด้วย อาการร้อนหน้า และคันจะมีมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนไม่มีอันตรายใด ๆ รอสักครึ่งชั่วโมงอาการก็จะหายไปเอง หรือให้ลองอาบน้ำเย็น ๆ ก็จะช่วยได้

          อย่างไรก็ตาม ข้อควรระวังในการกินวิตามินบี 3 คือ วิตามินชนิดนี้มีศัตรูตัวฉกาจ ได้แก่ เหล้า แอลกอฮอล์ ยากันบูดในอาหารทุกชนิด ยาซัลฟา ยานอนหลับ และฮอร์โมนเอสโทรเจน จึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้ขณะกันวิตามิน

          วิตามินบี 3 สามารถหาได้จากข้าวทุกชนิดที่ไม่ขัดขาว อาทิ จมูกข้าว รวมถึงรำ ยีสต์ ถั่วลิสง อะโวคาโด มะเดื่อ ลูกพรุน อินทรผลัม มันฝรั่ง ใบยอ และเนื้อปลา

          อาหารชีวจิตสูตร 2 ของอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต จากหนังสือ กูไม่แน่ สำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ หน้า 58 เหมาะกับการป้องกันโรคเบาหวานเป็นอย่างยิ่ง เพราะลดปริมาณคาร์โบไฮเดรต และเพิ่มอาหารจำพวกผักและโปรตีน ซึ่งล้วนแต่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดทั้งสิ้น โดยมีสูตรดังนี้

  • กินข้าวกล้อง ข้าวแดง หรือข้าวซ้อมมือ หรือถ้าชอบขนมปังก็กินขนมปังโฮลวีท ปริมาณรวมกันแล้วให้ได้ 30 เปอร์เซ็นต์ของอาหารแต่ละมื้อ
  • กินผักสดและผักปรุงสุกอย่างและครึ่ง รวมกันแล้ว เป็นปริมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ของอาหารแต่ละมื้อ
  • กินโปรตีนจากพืช คือ ถั่วต่าง ๆ หรือผลผลิตจากทั่ว รวมถึงเต้าหู้ รวมแล้ 25 เปอร์เซ็นต์ของอาหารแต่ละมื้อ อาจเพิ่มปลาหรืออาหารทะเลได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
  • กินอาหารเบ็ดเตล็ด เช่น สาหร่ายทะเล เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ผลไม้ไม่หวาน ในปริมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของอาหารแต่ละมื้อ

 



อาหารที่มีวิตามินบี 6



 วิตามินบี 6

          วิตามินบี 6 หรือเรียกอีกชื่อว่าไพริดอกซีน (Pyridoxine) เป็นวิตามินที่มักใช้ร่วมกับบี 1 และบี 12 จะทำให้ได้ผลดียิ่งขึ้น โดยร่างกายต้องการวิตามินชนิดนี้ประมาณ 1.5 มิลลิกรัม

ประโยชน์

  • ช่วยเปลี่ยนกรดอะมิโนให้เป็นวิตามินบี 3 ซึ่งมีประโยชน์ในการบรรเทาอาการของโรคเบาหวาน
  • ช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานแอนติบอดีและช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือด
  • ลดคอเลสเตอรอลในเลือด
  • ช่วยเผาผลาญแป้งและน้ำตาล
  • ช่วยย่อยโปรตีนและไขมัน
  • ช่วยขับปัสสาวะ ซึ่งเป็นอีกทางที่ช่วยขับน้ำตาล ส่วนเกินออกจากร่างกายได้เป็นอย่างดี


          สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ควรกินวิตามินบี 6 เพื่อปรับอัตราการใช้อินซูลินให้ได้ตามสัดส่วนของน้ำตาลในเลือด และควรกินวิตามินบี 6 ควบคู่ไปกับบี 3 จะเกิดประโยชน์สูงสุดในการป้องกันโรคเบาหวาน

          วิตามินชนิดนี้สามารถพบได้ในรำข้าว จมูกข้าว แคนตาลูป กะหล่ำปลี ข้าวโพด และยีสต์



อาหารที่มีวิตามินอี


 วิตามินอี

          วิตามินอี (Tocopherol) เป็นวิตามินที่ช่วยในการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายหลายระบบ จึงถือเป็นวิตามินตัวสำคัญที่สุดที่ร่างกายจะขาดไม่ได้เลย และเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ รอดอันตรายจากท็อกซินได้อีกด้วย

ประโยชน์

  • หน้าที่สำคัญที่สุดคือ เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ ทำให้เกิดการเผาผลาญ (Oxidation) โดยมีออกซิเจนเป็นตัวการสำคัญ ทำให้ร่างกายเผาผลาญได้ดียิ่งขึ้น
  • เป็นตัวช่วยโขไขกระดูกในการสร้างเลือด ช่วยขยายเส้นเลือดด้านการแข็งตัวของเลือด และลดความสามารถในการจับตัวเป็นลิ่มเลือด จึงทำให้เลือดไหลเวียนในร่างกายได้ดี
  • บำรุงตับซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดมากมาย
  • ช่วยให้ระบบสืบพันธุ์ เซลล์ประสาท และกล้ามเนื้อทำงานได้ตามปกติ
  • ช่วยให้ปอดทำงานได้ดีขึ้น ไม่อ่อนเพลียง่าย


          จะเห็นได้ว่า วิตามินอีนั้นมีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย ซึ่งมีผลต่อการควบคุมน้ำตาลโดยตรง ทั้งยังส่งผลต่อระบบการทำงานอื่น ๆ ในร่างกายด้วย จึงเป็นวิตามินอีกชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยควรกินเป็นประจำ

          วิตามินอีนั้นเป็นวิตามินประเภทน้ำมันหรือละลายในไขมัน โดยร่างกายจะเก็บไว้ในตับ ไขมัน หัวใจ กล้ามเนื้อ ลูกอัณฑะ มดลูก โลหิต ต่อมอะดรีนัล และต่อมพิทูอิทารี มีรูปแบบของน้ำมันแตกต่างกันถึง 7 ประเภท แต่ที่ได้ชื่อว่ามีคุณภาพสูงสุดในด้านความเป็นอาหารและยาคือ ประเภทแอลฟา (Alpha Tocopherol) ซึ่งสกัดจากน้ำมันพืช เมล็ดพืช ถั่ว ถั่วเหลือง จมูกข้าว

          อย่างไรก็ตาม วิตามินอีจะถูกทำลายได้ด้วยความร้อน ออกซิเจน อากาศเย็น สารกันบูด ธาตุเหล็ก คลอรีน และน้ำมันจากโลหะ จึงควรหลีกเลี่ยงการเก็บวิตามินสกัดไว้ใกล้กับปัจจัยเหล่านี้ เพื่อป้องกันวิตามินเสื่อมสลาย และมีข้อควรระวังคือ ไม่ควรกันในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจเกิดความดันโลหิตสูงได้ โดยให้กินขนาดเม็ดละ 400 ไอยู วันละ 2 เม็ด เช้า-เย็น เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

          อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ได้แก่ รำละเอียด ธัญพืช ข้าวโพด ถั่วแดง ถั่วเหลือง ผักกาดหอม เมล็ดทานตะวัน งา น้ำมันรำข้าว และน้ำมันถั่วเหลือง

          อย่าลืมนะครับว่า วิตามินไม่ใช่ยาวิเศษที่ใช้ทดแทนอาหาร แต่เป็นเพียงยาบำรุงที่ช่วยส่งเสริมการทำงานและภูมิชีวิตของร่างกายเท่านั้น ดังนั้น การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะปกป้องร่างกายเราให้พ้นจากโรคภัยต่าง ๆ ได้ครับ

 

 

ขอบคุณที่มาจาก นิตยสารชีวจิต


หลากวิตามินพิชิตเบาหวาน หยุดน้ำตาลพุ่งสูง ก่อนสายเกินแก้หลากวิตามินพิชิตเบาหวานหยุดน้ำตาลพุ่งสูงก่อนสายเกินแก้

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

Google "ค้นหา" ข้อมูลเก่งขึ้น

Google "ค้นหา" ข้อมูลเก่งขึ้น


เปิดอ่าน 9,783 ครั้ง
งานประเพณีรับบัว 2552

งานประเพณีรับบัว 2552


เปิดอ่าน 17,753 ครั้ง
ทำไมเราถึงหาว รู้ไหม?

ทำไมเราถึงหาว รู้ไหม?


เปิดอ่าน 10,638 ครั้ง
ตำนาน ชา

ตำนาน ชา


เปิดอ่าน 11,608 ครั้ง
ใช้ร้านเน็ตให้ปลอดภัย

ใช้ร้านเน็ตให้ปลอดภัย


เปิดอ่าน 8,974 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

กำจัดเซลลูไลท์ กำจัดผิวเปลือกส้ม

กำจัดเซลลูไลท์ กำจัดผิวเปลือกส้ม

เปิดอ่าน 10,717 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
4 วิธีบังคับให้ตัวเองออมเงินได้จริง
4 วิธีบังคับให้ตัวเองออมเงินได้จริง
เปิดอ่าน 27,131 ☕ คลิกอ่านเลย

29 ก.ค. วันภาษาไทยแห่งชาติ
29 ก.ค. วันภาษาไทยแห่งชาติ
เปิดอ่าน 15,304 ☕ คลิกอ่านเลย

ดื่มเติมภูมิกันหวัด กระดูก-หัวใจแข็งแรง
ดื่มเติมภูมิกันหวัด กระดูก-หัวใจแข็งแรง
เปิดอ่าน 21,565 ☕ คลิกอ่านเลย

8 นิสัยการทานอาหารที่คุณสาว ๆ มักทำพลาด
8 นิสัยการทานอาหารที่คุณสาว ๆ มักทำพลาด
เปิดอ่าน 11,040 ☕ คลิกอ่านเลย

10 อาหารอุดมแคลเซียม ที่จะช่วยคุณลดน้ำหนักได้
10 อาหารอุดมแคลเซียม ที่จะช่วยคุณลดน้ำหนักได้
เปิดอ่าน 15,955 ☕ คลิกอ่านเลย

ทำไมสัตวแพทย์ต้องดึงหนังระหว่างหัวไหล่ของสุนัข
ทำไมสัตวแพทย์ต้องดึงหนังระหว่างหัวไหล่ของสุนัข
เปิดอ่าน 11,419 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง มาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐ พ.ศ.2561
ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง มาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐ พ.ศ.2561
เปิดอ่าน 21,499 ครั้ง

ว่านหางช้าง
ว่านหางช้าง
เปิดอ่าน 20,533 ครั้ง

สมรรถนะหลัก 6 ด้าน
สมรรถนะหลัก 6 ด้าน
เปิดอ่าน 37,821 ครั้ง

เตาอบพลังงานแสงอาทิตย์ นวัตกรรมไอเดียเด็ดเด็กใต้
เตาอบพลังงานแสงอาทิตย์ นวัตกรรมไอเดียเด็ดเด็กใต้
เปิดอ่าน 36,027 ครั้ง

เหงื่อบอกโรค
เหงื่อบอกโรค
เปิดอ่าน 19,331 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ