
ใครกำลังมองหาเมืองสำหรับเรียนต่อต่างประเทศที่ให้ทั้งประสบการณ์ชีวิตและการศึกษาระดับเทพ ปี 2025 นี้ QS World University Ranking ได้เปิดโผอันดับเมืองน่าเรียนทั่วโลกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านคุณภาพชีวิตและสถาบันการศึกษา
เหมาะสำหรับใครที่กำลังวางแผนเรียนต่อต่างประเทศและอยากได้ทั้งความรู้และประสบการณ์ชีวิตที่ครบรส มาดูกันว่าเมืองไหนติดท็อป 8 และมีจุดเด่นอะไรที่ทำให้เมืองเหล่านี้เป็นสวรรค์ของนักศึกษาทั่วโลก
เกณฑ์ที่ QS World University Ranking ใช้ประเมินการจัดอันดับ
• อันดับมหาวิทยาลัย: พิจารณาจากจำนวนและอันดับของมหาวิทยาลัยในเมืองนั้น ๆ ที่ได้รับการจัดอันดับโดย QS World University Rankings
• สัดส่วนนักศึกษา: ประเมินจากจำนวนนักศึกษาโดยรวมและความหลากหลายของสัญชาติในกลุ่มนักศึกษา
• คุณภาพชีวิตที่ตอบโจทย์: วิเคราะห์ความน่าอยู่ของเมืองสำหรับนักศึกษา เช่น ความปลอดภัย, ความสะดวกในการเดินทาง และระดับมลพิษ
• โอกาสในการจ้างงาน: พิจารณาจากอัตราการจ้างงานของคนรุ่นใหม่ในเมืองและคุณภาพของบริษัทที่รับนักศึกษาเข้าทำงาน
• ความคุ้มค่าและราคาที่เอื้อมถึง: ประเมินค่าใช้จ่ายโดยรวม ทั้งค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพต่าง ๆ ในเมือง
• ความพึงพอใจของนักศึกษา: วัดจากคะแนนความพึงพอใจโดยรวมที่นักศึกษาให้แก่เมือง และสัดส่วนของนักศึกษาที่เลือกอาศัยอยู่ในเมืองนั้น ๆ ต่อไปหลังสำเร็จการศึกษา
8 อันดับเมืองน่าเรียนต่อในปี 2025
เมืองที่ติดอันดับท็อป 8 ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์กลางการศึกษาเท่านั้น แต่ยังมอบประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลาย วัฒนธรรมที่น่าค้นหา และโอกาสในการพัฒนาตัวเองแบบรอบด้าน มาดูกันว่าเมืองไหนเหมาะกับสไตล์การใช้ชีวิตและเป้าหมายการศึกษาของคุณ
1. ลอนดอน

ลอนดอนครองแชมป์ด้วยคะแนนเต็ม 100 คะแนน ด้วยความเป็นศูนย์กลางการศึกษาระดับโลก ที่มีสถาบันชั้นนำมากมาย เช่น University of Oxford, Imperial College London และ University College London นอกจากนี้ ลอนดอนยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ ควบคู่ไปกับการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระดับโลก ซึ่งเปิดประตูโอกาสให้นักศึกษาได้สัมผัสประสบการณ์ฝึกงานอันล้ำค่าในองค์กรชั้นนำ และเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจอย่างไม่รู้จบ
2. โตเกียว
โตเกียวได้คะแนน 99.2 เป็นเมืองที่ผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิมและความล้ำสมัยได้อย่างลงตัว รวมถึงเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง The University of Tokyo และเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและเทคโนโลยีของเอเชีย ด้วยความสะอาด ความเป็นระเบียบ และความปลอดภัยสูง ทำให้โตเกียวเป็นสวรรค์สำหรับนักศึกษาที่หลงใหลวัฒนธรรมญี่ปุ่น
3. โซล
โซลได้คะแนน 97.8 โดดเด่นด้วยกระแสวัฒนธรรมร่วมสมัยที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น K-Pop, K-Drama หรืออาหารเกาหลีรสเลิศ นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Seoul National University และ Korea University อีกด้วย โซลยังมีค่าครองชีพที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับเมืองใหญ่อื่น ๆ ในยุโรปและอเมริกา ทำให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าสำหรับนักศึกษานานาชาติ
4. มิวนิก
มิวนิกได้คะแนน 97.7 เมืองที่มีคุณภาพชีวิตสูงและระบบขนส่งสาธารณะที่ยอดเยี่ยม ที่นี่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของเยอรมนี และเป็นที่ตั้งของ Technical University of Munich มหาวิทยาลัยเทคนิคชั้นนำระดับโลก ซึ่งดึงดูดนักศึกษาจากทั่วทุกมุมโลกที่สนใจในสาขาวิศวกรรมและเทคโนโลยี
5. เมลเบิร์น

เมลเบิร์นได้คะแนน 97.1 เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกหลายปีซ้อน มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเป็นที่ตั้งของ University of Melbourne มหาวิทยาลัยชั้นนำของออสเตรเลีย เมลเบิร์นเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง มีชายหาดและสวนสาธารณะมากมาย บรรยากาศศิลปะและกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้เมืองนี้เป็นที่โปรดปรานของนักศึกษาทั่วโลก
6. ซิดนีย์
ซิดนีย์ทำคะแนนได้ 95.4 เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้วยสถานที่สำคัญอย่าง Sydney Opera House และ Harbour Bridge แถมยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง University of Sydney และ UNSW Sydney เมืองนี้ให้ทั้งไลฟ์สไตล์สบาย ๆ เป็นกันเอง แถมยังมีธรรมชาติสวยงามเหมาะสำหรับผู้ที่รักกิจกรรมกลางแจ้งอีกด้วย
7. ปารีส
ปารีสได้คะแนน 94.6 เป็นเมืองแห่งแสงสีที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ปารีสไม่เพียงมีแลนด์มาร์กระดับโลกอย่างพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์และหอไอเฟล แต่ยังเป็นที่ตั้งของ Sorbonne University หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และทรงอิทธิพลที่สุดในยุโรป และยังเป็นศูนย์กลางที่เดินทางเชื่อมต่อกับเมืองสำคัญทั่วทั้งยุโรปได้สะดวก
8. ซูริก
ซูริกทำคะแนนได้ 94.5 เมืองเล็กแต่มาตรฐานสูงในทุกด้าน ทั้งคุณภาพชีวิต ความปลอดภัย ความเป็นระเบียบ และระบบขนส่งที่ไว้ใจได้ไม่ว่าจะฤดูไหน นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยระดับโลกอย่าง ETH Zurich และ University of Zurich ที่มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สรุปบทความ
การเลือกเมืองเรียนต่อไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพการศึกษาเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงคุณภาพชีวิต วัฒนธรรม และโอกาสในการพัฒนาตนเอง ทั้ง 8 เมืองที่เราได้กล่าวถึงล้วนมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ไม่ว่าคุณจะให้ความสำคัญกับอะไร ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี ศิลปะ หรือประสบการณ์ทางวัฒนธรรม เมืองเหล่านี้พร้อมมอบประสบการณ์การศึกษาที่ครบรสให้กับคุณ