Advertisement
Advertisement
หมายถึง ความสามารถของบุคคลในการเรียนรู้สิ่งต่างๆและความสามารถในการจัดการดูแล แก้ไขกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามทฤษฎี Successful Intelligence ของโรเบิร์ต เจ. สตอร์นเบอร์ก (Robert J. Sternberg) กล่าวว่า ความฉลาดของคนเรานั้นมีอยู่ 3 ด้าน ซึ่งได้แก่
1. ความฉลาดเชิงสร้างสรรค์(Creative Intelligence) หมายถึง ความสามารถของบุคคลในการนำความรู้ที่ได้รับผ่านทางประสบการณ์ต่างๆมา ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างสร้างสรรค์ โดยการคิดค้นสิ่งใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและคนรอบข้างให้เกิดขึ้น
2. ความฉลาดเชิงประสบการณ์(Experiential Intelligence) หมายถึง ความสามารถของบุคคลในการคิดวิเคราะห์ การพิจารณาข้อดีข้อด้อยและการแก้ปัญหาเมื่อประสบกับอุปสรรคต่างๆ โดยนำประสบการณ์ที่เคยได้เรียนรู้มา นำมาปรับใช้ในการประเมินและในการวางแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ความฉลาดเชิงปฏิบัติจริง (Practical Intelligence) หมายถึง ความสามารถของบุคคลในการปรับเอาแนวคิดเชิงทฤษฎีให้สามารถนำมาปฏิบัติได้จริง ซึ่งคนที่มีความฉลาดในเชิงปฏิบัติจริงจะมีความสามารถในการเอาตัวรอดและ จัดการกับเรื่องต่างๆในชีวิตประจำวันได้ดี
โดย หลักแล้ว ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดความฉลาดของคนเรามีอยู่ 2 ประการคือ 1) พันธุกรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด และ 2) สิ่งแวดล้อม ซึ่งได้แก่ การอบรมเลี้ยงดู อาหารการกิน ฐานะทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยของครอบครัว แต่ ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าความฉลาดจะเกิดจากสิ่งใดก็แล้วแต่ ความฉลาดเป็นสิ่งที่พัฒนาได้และสามารถพัฒนาได้ดีตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัย 3 ปีแรกนั้น สมองจะเจริญเติบโตและพัฒนาได้มากถึง 80% ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ที่อยากให้ลูกฉลาดจึงควรต้องใส่ใจดูแลเขาอย่างมาก พร้อมทั้งป้องกันสิ่งที่เป็นอุปสรรคที่จะทำให้สมองของลูกเราไม่พัฒนา
มีตัวอย่างดังนี้
1. เด็กได้รับสารอาหารไม่ครบทั้ง5หมู่ สารอาหาร 5 หมู่ ได้แก่ โปรตีน ที่ได้จากนม เนื้อสัตว์ และธัญพืชชนิดต่างๆ คาร์โบไฮเดรตที่ได้จากแป้งและข้าว วิตามินและเกลือแร่จากผักผลไม้ และไขมันที่ได้จากพืช การที่เด็กได้รับสารอาหารไม่ครบทั้ง 5 หมู่นั้น นอกจากจะส่งผลทำให้ร่างกายของเด็กอ่อนแอ ไม่เติบโตสมวัยแล้ว ยังทำลายความเจริญเติบโตของสมองซึ่งนั่นคือการทำลายความฉลาดของเด็กโดยตรง อีกด้วย
2. สภาพแวดล้อมที่เป็นมลพิษ ไม่ว่าจะเป็นมลพิษจากควันบุหรี่ ควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ หรือสารตะกั่ว สารปรอทจากโรงงาน สารพิษเหล่านี้ไม่ได้ทำลายเฉพาะร่างกายและสมองของเด็กเท่านั้น แต่ยังเป็นพิษเป็นภัยต่อร่างกายและสมองของคนทุกเพศทุกวัยด้วย
3. เด็กขาดการสัมผัสกับสังคม เกิดจากการที่พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูก ความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นแบบต่างคนต่างอยู่ พ่อแม่ไม่เคยเล่นกับลูกหรือมีการพูดคุยกับลูกน้อยมาก ทำให้ลูกขาดการพัฒนาในด้านภาษาและในด้านมนุษยสัมพันธ์ ทำให้มีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับผู้อื่น ซึ่งถือเป็นสาเหตุที่สำคัญสาเหตุหนึ่งที่สกัดกั้นความฉลาดของเด็กเพราะเด็ก จะขาดโอกาสที่จะเรียนรู้แลกเปลี่ยนนั่นเอง
4. เด็กขาดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดี เช่น พ่อแม่ไม่ค่อยพาลูกไปเปิดหูเปิดตารับประสบการณ์จากแหล่งเรียนรู้ข้างนอกบ้าน หรือไม่สนับสนุนให้มีสื่อและกิจกรรมการเรียนรู้ที่ดีซึ่งเด็กเล็กๆตั้งแต่ วัยอนุบาลควรจะได้รับ เช่น หนังสือนิทาน กิจกรรมดนตรี กิจกรรมศิลปะ การออกกำลังกาย
5. เด็กมีสุขภาพจิตไม่ดี เกิดจากการที่เด็กขาดความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว หรือบางกรณีอาจได้รับการเลี้ยงดูที่เข้มงวดมากจนเกินไปและบังคับให้เด็กต้อง ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบหรือไม่ถนัด ส่งผลทำให้เด็กเกิดความเครียด มีความวิตกกังวลสูง มองตัวเองในแง่ลบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนยาพิษที่ทำลายความฉลาดของเด็ก เพราะเด็กที่อยู่ในอารมณ์โกรธหรือซึมเศร้าเป็นเวลานานๆนั้น สมองจะหลั่งสารคอร์ติซอล(Cortisol)ซึ่งเป็นฮอร์โมนเครียดที่มีฤทธิ์ในการ ทำลายความเจริญเติบโตของสมองเด็ก ทำให้การพัฒนาความฉลาดของเด็กถูกยับยั้งลง
ผู้ เขียนมีความเชื่อว่า ความฉลาดของลูกอยู่ที่การเลี้ยงดูของพ่อแม่เป็นสำคัญ อย่าท้อแท้ที่วันนี้ลูกของเราอาจจะยังไม่เก่งหรือยังไม่ฉลาด เพราะหากคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงดูเขาด้วยความรักและเอาใจใส่แล้ว ความฉลาดนั้นก็จะพัฒนาขึ้นมาได้ และที่สำคัญอย่าลืม “3 ส” นี้ คือ 1. ส่งเสริมในสิ่งที่ดี 2. สนับสนุนในสิ่งที่เป็น ประโยชน์ และ 3. สร้างภูมิคุ้มกันจากสิ่งเลวร้ายทั้งปวง แค่นี้ลูกของเราก็จะฉลาดได้อย่างแน่นอน
แหล่งที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์
Advertisement
|
เปิดอ่าน 11,260 ครั้ง |
เปิดอ่าน 21,140 ครั้ง |
เปิดอ่าน 31,501 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,440 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,687 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,262 ครั้ง |
เปิดอ่าน 77,933 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,287 ครั้ง |
เปิดอ่าน 11,090 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,572 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,973 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,960 ครั้ง |
เปิดอ่าน 3,132 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,630 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,999 ครั้ง | |
|

เปิดอ่าน 15,013 ☕ คลิกอ่านเลย |

เปิดอ่าน 10,933 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 16,541 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 9,362 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 12,921 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 38,347 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 14,262 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ 
เปิดอ่าน 21,656 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 14,687 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 12,943 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 11,514 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 16,738 ครั้ง |
|
|