13 ต.ค. วันตำรวจไทย ปีนี้งดแจกใบสั่ง

กิจการตำรวจได้ก่อกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โดยพระองค์ได้ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้ตราระเบียบการปกครองบ้านเมืองเป็น 4 เหล่า เรียกว่า "จตุสดมภ์" ได้แก่ เวียง วัง คลัง นา และพร้อมกันนี้ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้มีการตำรวจขึ้น โดยให้ขึ้นอยู่กับเวียง อันมีเจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์ สมุหนายก อัครมหาเสนาบดีเป็นผู้บังคับบัญชา

วันตำรวจแห่งชาติปีนี้งดให้ใบสั่ง ใช้วิธีตั้งด่านแนะนำและตักเตือนแทน เป็นของขวัญให้คนกทม. ส่วน ข้อหา เมาแล้วขับ-แข่งรถ-ฝ่าไฟแดง ไม่สามารถตักเตือนได้ ต้องส่งฟ้องศาลทันที กล้องวงจรปิดตามสี่แยกก็ตรวจจับปกติ พร้อม ขน อมยิ้ม 2 หมื่นอันแจก
12 ต.ค. พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น. รับผิดชอบงานจราจร กล่าวว่า เนื่องจากวัน13 ต.ค.ตรงกับวันตำรวจครบรอบสถาปนา 94 ปี จึงได้ให้นโยบายเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรว่าวันตำรวจปีนี้น่าจะมีกิจกรรมอะไรที่เป็นการสร้างสรรจากเดิมที่เคยตั้งด่านตรวจวินัยจราจร จับกุมผู้กระทำผิดอาญาจราจร วันนี้จะให้ดำเนินการตรวจจับแนะนำจราจรแทน โดยให้ผู้กระทำผิดไปแก้ไข รวมทั้งด่านทุกๆ ด่านด้วยที่มีการกวดขันจับกุม ซึ่งได้ให้ไปปฏิบัติเหมือนกันทั้งหมดทั่ว กทม.

“ปีที่ผ่านๆ มา ตำรวจจราจรไม่เคยปฏิบัติลักษณะดังกล่าวมาก่อน ปีนี้ผมมอบแนวความคิดนี้ให้ตำรวจจราจรไปดำเนินการเป็นการเฉพาะวันเดียว ให้ใช้วิธีการว่ากล่าวตักเตือนแทนการแจกใบสั่ง เพื่อเป็นของขวัญแก่ประชา ชนที่ใช้รถใช้ถนนเนื่องในวันตำรวจ และในวันตำรวจ ผมกับพล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.จร. จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมตามด่านต่างๆ ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้าที่ตู้กำแพงเพชร จะมีสิ่งของเครื่องใช้ไปแจกด้วย”พล.ต.ต.ภาณุกล่าว

พล.ต.ต.ภาณุ กล่าวฝากถึงประชาชนผู้ใช้ถนน ว่า อย่าคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจะปล่อยผี 1 วัน ตำรวจยังคงมีการจับกุมเหมือนเดิม แต่เป็นการว่ากล่าวตักเตือน การทำผิดก็จะต้องถูกจับ

ทั้งนี้ การกระทำผิดข้อหาที่ไม่สามารถว่ากล่าวตักเตือนได้ อาทิ เมาแล้วขับ ขับรถแข่งในทาง ขับรถประมาทหวาดเสียว ข้อหาที่ต้องส่งฟ้องศาลอย่างเดียว ไม่สามารถว่ากล่าวได้ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีส่งฟ้องศาล ขณะเดียวกันข้อหาที่ขับฝ่าสัญญาณไฟแดง แล้ว กล้องเรดไลต์บันทึกได้ก็จะส่งหมายเรียกให้มาเสียค่าปรับยังคงดำเนินการอยู่

“จ่าเฉย หรือหุ่นตำรวจจราจร เราให้แต่ละโรงพักไปดำเนินการเอง แล้วแต่ไอเดียของแต่ละ สน.จะคิด บางโรงพักเอาไปตั้งตรงจุดเลี้ยวกลับรถ อาจจะมีข้อความหรือไม่ก็แล้วแต่ทางโรงพักจะดำเนินการ ไม่ได้บังคับว่าจะต้องติดข้อความอะไร” พล.ต.ต.ภาณุกล่าว

ด้าน พล.ต.ต .วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เปิดเผยว่า วันที่ 13 ต.ค.นี้ ตนจะนำอมยิ้มจำนวน 20,000 อัน ไปแจกให้ประชาชนตามแยกต่างๆ ในพื้นที่ โดยเรียกว่าเป็นการ ส่งรักส่งยิ้ม ในวันตำรวจแห่งชาติ โดยจะเริ่มตั้งแต่เวลา 07.00 น. ซึ่งตนจะไปแจกที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในเส้นถนนพญาไท ให้ผกก.สน.พญาไท และ ผกก.สน.นางเลิ้ง ร่วมแจก, เส้นถนนดินแดง ให้ ผกก.สน.ดินแดง และ ผกก.สน.มักกะสัน ร่วมแจก, เส้นบางซื่อ ให้ ผกก.สน.ห้วยขวาง และ ผกก.สน.ชนะสงคราม ร่วมแจก ส่วนเส้นถนนราชวิถี ให้ ผกก.สน.ดุสิต และ ผกก.สน.สามเสน ร่วมแจก พร้อมทั้งตำรวจในสังกัดร่วมด้วย

อย่างไรก็ดี พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา ประชาชนมองตำรวจในภาพลบมาตลอด จึงอยากใช้อมยิ้มเป็นสื่อถึงประชาชนว่า อาจจะเกลียดตำรวจทุกวัน แต่ขอให้รักสักวัน ส่วนตัวเชื่อว่าจะทำให้ประชาชนรู้สึกดีกับตำรวจบ้าง

วันนี้ตำรวจไทยทั้งประเทศมีอยู่กว่า 2 แสนนาย ขึ้นอยู่กับโครงสร้างใหม่ซึ่งจะมีผลใช้บังคับนับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2552 โครงสร้างใหม่ดังกล่าว นัยว่าเป็นการปรับปรุงเพื่อประสิทธิภาพให้ทันกับยุคสมัย แต่อีกด้านหนึ่งจะมีผลต่อตำแหน่งในหน่วยงานต่าง ๆ ดังนั้นช่วงฤดูแต่งตั้งโยกย้ายที่มีการวิ่งเต้นกันอยู่แล้ว เสียงจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงพูดกันมากว่า ปีนี้กระแสแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะนอกจากการวิ่งจากข้างล่างสู่ข้างบนแล้ว ยังมีการฝากจากนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และผู้มีอิทธิพลนอกสภา

         น่าเห็นใจ "ตำรวจไทย" ยามนี้จริง ๆ แต่ก่อนก็ถูกฝ่ายการเมืองล้วงลูก ตั้งแต่สมัยที่ยังขึ้นอยู่กับต้นสังกัดเดิมกระทรวงมหาดไทย มาวันนี้แม้จะถูกยกชั้นให้เป็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี มีทั้งคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ ( ก.ต.ช. ) และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะคอยกำกับดูแลกันอีกชั้นหนึ่ง ก็ยังไม่วายถูกล้วงลูกจากนักการเมืองอยู่ดี

         และเกี่ยวกับเรื่องที่วันตำรวจปีนี้ไม่มี ผบ.ตร. ตัวจริงนั้น พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตผบช.ก. กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มี ผบ.ตร. ตัวจริงในวันครบรอบสถาปนา การมีตำแหน่งรักษาราชการ จริง ๆ ไม่ควรมีในวันสำคัญของตำรวจ ถือว่าเป็นความหย่อนความสามารถของนายกรัฐมนตรี ที่ไม่สามารถแต่งตั้ง ผบ.ตร. ได้ และอาจส่งผลให้สิทธิกำลังพลของตำรวจหายไปด้วย ทั้งเรื่องความเจริญก้าวหน้าในอาชีพ การเลื่อนตำแหน่งขั้นเงินเดือน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ รวมถึงทำให้ขวัญกำลังใจตำรวจส่วนใหญ่หายไปด้วย

         ด้าน พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค กล่าวว่า วันตำรวจปีนี้เป็นครั้งแรกที่ไม่มี ผบ.ตร. ตนขอให้ตำรวจทุกนายอดทนและอดกลั้น สถานการณ์ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติตอนนี้ถึงที่สุดแล้ว จริง ๆ ตำรวจขาดความอบอุ่นจากทุกฝ่าย ดังนั้น ตำรวจทุกคนต้องช่วยเหลือดูแลกัน ขอให้ตำรวจมีสติ ขอให้สามัคคีกันไว้ ทำหน้าที่รับใช้ประชาชนให้ดีที่สุดต่อไป

เรียบเรียง ข่าวโดย MThai News