Advertisement
เริ่มต้นด้วย วลีเด็ดโดนใจ ที่เคยหยิบยกมาให้อ่านกัน
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากเธอหาคนที่ดีกว่าเธอ หรือดีเสมอเธอคบไม่ได้แล้วไซร้
เธอพึงท่องเที่ยวไปแต่เพียงลำพังผู้เดียว เสมือนนอแรด ยังประเสริฐกว่าการคบคนพาล
เพราะการคบคนพาลย่อมนำไปสู่วิบัติโดยแท้”
การอยู่แบบ “สุขอย่างโสด”นั้น จะต้องเริ่มต้นจากการเข้าใจ “ความรัก” เสียก่อน
และการที่อยู่คนเดียวนั้น ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มี “รัก” นะคะแต่เป็นรักแบบ "รักเป็น"
แต่ความรักของคนที่รักเป็นนั้น เป็นความรักแบบที่เรียกว่า “เมตตา” คือ อยากเห็นคนที่เรารักมีความสุข ซึ่งเป็นรักที่ยิ่งใหญ่กว่า มีมากกว่าแจกจ่ายให้กับคนได้มากมายมหาศาล รักนั้นจะเป็นรักที่ใสสะอาด ปราศจากอารมณ์ ความอยากได้ ความต้องการ และเป็นอิสระจากพันธนาการทั้งปวง และก่อให้เกิดสุข สงบยิ่งกว่า เช่นนั้นแล้ว การอยู่คนเดียวนั้น ใช่ว่าไม่มีดีเอาเสียเลย เผลอๆอาจดีกว่าการมีคู่เสียด้วยซ้ำไปใช่มั้ยคะ?
หลักการอยู่คนเดียวให้เป็นสุขนั้น ท่านว่าไว้สามอย่างดังนี้ค่ะ
๑.ตัดใจจากสัญชาตญาณดั้งเดิม
หนึ่งก็คือ กามารมณ์ ที่ยิ่งเสพแล้วเหมือนยิ่งติดบ่วงและเป็นภัย
สองคือ สัญชาตญาณแห่งการพึ่งพิง ซึ่งเป็นลักษณะความอ่อนแอของผู้ที่ยังไม่สมบูรณ์ในตน ถ้าสามารถละเหตุสองประการนี้ได้แล้ว ใจจะเป็นอิสระ และเริ่มเป็นสุขกับความโสด
๒.การเติมใจด้วยความสุขที่ยิ่งใหญ่กว่า
หนึ่ง การเติมความสุขด้วยความรัก ความเมตตาต่อมหาชน ด้วยการนำหลักของพรหมวิหารสี่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มาเป็นหลักปฏิบัติสองคือ การเติมความสุขด้วยสัมพันธภาพอันประณีตกับธรรมชาติ คือการทำกาย ใจให้ผสมกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ด่ำดื่มล้ำลึกในธรรมชาติอันสงบ ว่าง...พูดง่ายๆคือทำจิตให้ว่างและแผ่ความรัก ความเมตตาต่อสรรพสิ่งในโลก
๓. ตั้งใจชำระจิตให้หมดจดมั่นคง
ด้วยอุบายสองข้อคือ หนึ่ง อยู่เหนือความรักให้ได้ ด้วยความเมตตาและการปล่อยวาง เพื่อจะเข้าสู่ “อุเบกขา” แต่การจะเข้าถึงอุเบกขาได้นั้น จะต้องวางใจให้ไร้ซึ่ง ความรัก ความชัง ความดีใจ ความเสียใจ จุ๋มว่าไอ้ขั้นตอนนี้แหละที่มันยากเหลือเกิน เพราะโดยมากจะติดอยู่ที่เมตตา หรือติดดี ซึ่งการติดดีนี้แหละ จะทำให้เกิดทุกข์ได้ง่ายนัก
สองคือ ชำระจิตจากการยึดถือในสิ่งทั้งปวง แม้กระทั่งให้หลุดจากความว่าง...ภายหลังที่หลุดจากความว่างนั่นแหละ คือที่สุดแห่งความ “บริสุทธิ์”
เมื่อเราพัฒนาจิตใจถึงเพียงนี้ก็จะมีความสุขอันบริสุทธิ์เบิกบานไร้ขอบเขตอยู่
เมื่อนั้นจะมีความรักหรือไม่มีความรัก จะมีคู่หรือไม่มีคู่ก็ไร้ความหมายเสียแล้ว
วิธีนี้เป็นวิธีที่เฉียบขาดที่สุดที่จะอยู่คนเดียวได้อย่างเป็นสุข และเป็นสุขยิ่งกว่าใครในโลก
หากแม้ยังไม่ถึงที่สุด ทุกขั้นที่พัฒนาตนมาก็ย่อมได้ความสงบสุขอันประณีตยิ่งขึ้นตามระดับความบริสุทธิ์ที่ตนบรรลุถึง
ความสุขนั้นจะอยู่กับความสงบเป็นสำคัญ ยิ่งสงบมากก็ยิ่งเป็นสุขมาก เพราะความสุขมีธรรมชาติเหมือนผีเสื้อ เมื่อเราไล่จับมันจะบินหนี แต่หากเราอยู่อย่างสงบเฉย มันจะบินมาเกาะเราอย่างนุ่มนวล
และความสงบนั้น จะขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ ยิ่งบริสุทธิ์มากก็ยิ่งสงบมาก
ส่วนความบริสุทธิ์นั้นจะขึ้นอยู่กับการฝึกจิตชำระใจ ปล่อยวางการยึดถือในสิ่งทั้งปวง แม้ความรัก ความชัง ทั้งรูปธาตุ นามธรรม เมื่อปล่อยได้หมดจริงก็ย่อมเข้าถึงความบริสุทธิ์นิรันดร์ได้ และนั่นคือที่สุดแห่งชีวิต
แหม...ฟังดูไม่ง่ายเลยใช่ไหมคะ แค่ขั้นแรกเนี่ย ก็เล่นเอาเหงื่อตกซะแล้ว ก็ใครกันล่ะ สร้างให้เราเกิดมาพร้อมสัญชาตญาณ โดยเฉพาะการพึ่งพิงเนี่ย เกิดมาก็ต้องอิงแอบซุกอกพ่อแม่แล้ว โตจนป่านนี้แล้วก็ยังไม่วายแสวงหาความอบอุ่นไปเรื่อย...แล้วเนี่ยเฮ้อ...จะให้ตัดอย่างไรไหว...เน้อ
คนเขียนเสร็จก็เฮ้อ.....กลุ้ม....จะทำสำเร็จไหมเนี่ย!!!
วันที่ 27 พ.ย. 2552
Advertisement
เปิดอ่าน 6,250 ครั้ง เปิดอ่าน 6,259 ครั้ง เปิดอ่าน 6,276 ครั้ง เปิดอ่าน 6,260 ครั้ง เปิดอ่าน 6,261 ครั้ง เปิดอ่าน 6,277 ครั้ง เปิดอ่าน 6,265 ครั้ง เปิดอ่าน 6,262 ครั้ง เปิดอ่าน 6,284 ครั้ง เปิดอ่าน 6,257 ครั้ง เปิดอ่าน 6,268 ครั้ง เปิดอ่าน 6,247 ครั้ง เปิดอ่าน 6,258 ครั้ง เปิดอ่าน 6,254 ครั้ง เปิดอ่าน 6,252 ครั้ง เปิดอ่าน 6,258 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 6,253 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 6,250 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 6,255 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 6,252 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 6,266 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 6,251 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 6,255 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 47,517 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,283 ครั้ง |
เปิดอ่าน 2,512 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,607 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,763 ครั้ง |
|
|