ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


Advertisement

ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

วิสาขบูชา (Vesak Day) เรามา"ดับทุกข์"กันเถอะ


เรื่องราวจากสมาชิก

8,112

views
Advertisement

วิสาขบูชา (Vesak Day) เรามา"ดับทุกข์"กันเถอะ

วิสาขบูชา (Vesak Day) เรามา"ดับทุกข์"กันเถอะ

โดย สุชาย จอกแก้ว



ความหมาย

คำว่า "วิสาขบูชา" หมายถึงการบูชาในวันเพ็ญเดือน 6

วิสาขบูชา ย่อมาจาก "วิสาขปุรณมีบูชา" ซึ่งแปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ"

ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปเป็นกลางเดือน 7

ความสำคัญของวันวิสาขบูชา

เป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้า ประสูติ (เกิด) ตรัสรู้ (รู้แจ้ง/บรรลุธรรม) และปรินิพพาน (ดับขันธ์/ตาย) ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ซึ่งเป็นวันและเดือนเดียวกันทั้ง 3 คราว นับว่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ที่เหตุการณ์ทั้ง 3 เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีช่วงระยะเวลาห่างกันนับเวลาหลายสิบปี บังเอิญเกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 6

ดังนั้น เมื่อถึงวันสำคัญเช่นนี้ ชาวพุทธทั้งหลายทั้งคฤหัสถ์ และบรรพชิต ได้พร้อมใจกันประกอบพิธีบูชาพระพุทธองค์เป็นการพิเศษ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ของพระองค์ท่าน

ผู้เป็นดวงประทีปของโลก

ความเป็นมาของวันวิสาขบูชาในประเทศไทย

วันวิสาขบูชานี้ปรากฏตามหลักฐานว่า มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ซึ่งสันนิษฐานว่าได้แบบอย่างมาจากประเทศศรีลังกา

ในหนังสือนางนพมาศได้กล่าวบรรยากาศการประกอบพิธีวิสาขบูชาสมัยสุโขทัยไว้ พอสรุปใจความได้ว่า

"เมื่อถึงวันวิสาขบูชา พระเจ้าแผ่นดิน ข้าราชบริพารทั้งฝ่ายหน้า และฝ่ายใน ตลอดทั้งประชาชนสาวสุโขทัยทั่วทุกหมู่บ้านทุกตำบล ต่างช่วยกันทำความสะอาด ประดับตกแต่งพระนครสุโขทัยเป็นการพิเศษ ด้วยดอกไม้ของหอม จุดประทีปโคมไฟแลดูสว่างไสวไปทั่วพระนคร เป็นการอุทิศบูชาพระรัตนตรัย เป็นเวลา 3 วัน 3 คืน พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ก็ทรงศีล และทรงบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ ครั้นตกเวลาเย็นก็เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนข้าราชการทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใด ไปยังพระอารามหลวง เพื่อทรงเวียนเทียนรอบพระประธาน ส่วนชาวสุโขทัยชวนกันรักษาศีล ฟังธรรมเทศนา ถวายสลากภัต ถวายสังฆทาน ถวายอาหารบิณฑบาตแด่พระภิกษุ สามเณรบริจาคทรัพย์แจกเป็นทานแก่คนยากจน คนกำพร้า คนอนาถา คนแก่ คนพิการ บางพวกก็ชวนกันสละทรัพย์ ปล่อยสัตว์ 4 เท้า 2 เท้า และเต่า ปลา เพื่อชีวิตสัตว์ให้เป็นอิสระ โดยเชื่อว่าจะทำให้คนอายุยืนยาวต่อไป"

ในสมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ด้วยอำนาจอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ เข้าครอบงำประชาชนคนไทย และมีอิทธิพลสูงกว่าอำนาจของพระพุทธศาสนา จึงไม่ปรากฏหลักฐานว่า ได้มีการประกอบพิธีบูชาในวันวิสาขบูชา จนมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ.2360) ทรงดำริกับ สมเด็จพระสังฆราช (มี) สำนักวัดราชบุรณะ มีพระราชประสงค์จะให้ฟื้นฟู การประกอบพระราชพิธีวันวิสาขบูชาขึ้นใหม่ โดย สมเด็จพระสังฆราช ถวายพระพรให้ทรงทำขึ้นเป็นครั้งแรกในวันขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ และวันแรม 1 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ.2360 และให้จัดทำตามแบบอย่างประเพณีเดิมทุกประการ เพื่อมีพระประสงค์ให้ประชาชนประกอบการบุญการกุศล เป็นหนทางเจริญอายุ และอยู่เย็นเป็นสุขปราศจากทุกข์โศกโรคภัย และอุปัทวันตรายต่างๆ โดยทั่วหน้ากัน

ฉะนั้น การประกอบพิธีในวันวิสาขบูชาในประเทศไทยจึงได้รื้อฟื้นให้มีขึ้นอีกครั้งหนึ่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 และถือปฏิบัติมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน

วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญสากลของสหประชาชาติ

คือ "วันสำคัญของโลก" (Vesak Day)

เมื่อ 15 ธันวาคม 2542 ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 54 ได้พิจารณาระเบียบวาระที่ 174 International recognition of the Day of Visak โดยการเสนอของประเทศศรีลังกา ประธานสมัชชาฯได้เชิญผู้แทนศรีลังกาขึ้นกล่าวนำเสนอร่างข้อมติ และเชิญผู้แทนไทยสิงคโปร์ บังกลาเทศ ภูฏาน สเปน พม่า เนปาล ปากีสถาน อินเดียขึ้นกล่าวถ้อยแถลง

สรุปความว่า วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ทรงตรัสรู้ เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้มวลมนุษย์มีเมตตาธรรมและขันติธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อให้เกิดสันติสุขในสังคม อันเป็นแนวทางของสหประชาชาติ จึงขอให้ที่ประชุมรับรองข้อมตินี้ ซึ่งเท่ากับเป็นการรับรองความสำคัญของพุทธศาสนาในองค์การสหประชาชาติ โดยถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติและที่ทำการสมัชชาจะจัดให้มีการระลึกถึง (observance) ตามความเหมาะสม

และแล้วที่ประชุมได้รับรองร่างข้อมติโดยฉันทามติด้วยเหตุผลว่า เนื่องจากคณะกรรมาธิการองค์การสหประชาชาติ ได้ร่วมพิจารณาและมีมติเห็นพ้องต้องกันประกาศให้วันวิสาขบูชา ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของโลก ทั้งนี้ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ทรงเป็นมหาบุรุษผู้ให้ความเมตตาต่อหมู่มวลมนุษย์ทั้งหลายในโลก จะเห็นได้จากการยกเลิกแบ่งชนชั้นวรรณะ ซึ่งเท่ากับเป็นการเลิกทาสโดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ

นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นนักอนุรักษ์สัตว์ป่าอีกด้วย กล่าวคือ ทรงสอนให้ไม่ฆ่าสัตว์ ให้รู้จักช่วยเหลือสัตว์

เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งคือ พระองค์ทรงเปิดโอกาสให้ทุกศาสนาสามารถเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาเพื่อพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธและทรงสั่งสอนทุกคนโดยใช้ปัญญาธิคุณ สอนโดยไม่คิดค่าตอบแทน

(ที่มา : http://www.dhammathai.org/day/visaka.php)

ชาวพุทธทั้งหลาย

ควรน้อมนำ "หลักธรรมะ" มาประพฤติปฏิบัติกันเถอะ

นับถึงปัจจุบัน ศาสนาพุทธได้ให้แสงสว่างแห่งปัญญาแก่ชาวพุทธและชาวโลกมาแล้วเป็นเวลาถึง 2552 ปี นับว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากทีเดียว

แต่จวบจนถึงทุกวันนี้ ก็มีข้อน่าคิดว่า จะมีชาวพุทธศักกี่คนกี่ราย ที่จะเข้าถึงหลักแก่นธรรมะแห่งพุทธะได้อย่างแท้จริง หรือสามารถนำเอาหลักธรรมะของพระพุทธเจ้ามาประพฤติปฏิบัติได้อย่างแท้จริง มิใช่สักแต่ว่าทำบุญตามประเพณี ตามเทศกาล ตามความเชื่อเท่านั้น

ซึ่งหากพินิจพิเคราะห์ดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ก็จักเห็นได้ว่า ธรรมะของพระพุทธองค์ ซึ่งมีถึง 84,000 พระธรรมขันธ์ จะมีชาวพุทธสักกี่รายที่จะสามารถเข้าถึงหลักธรรมะของพระพุทธเจ้าได้

แค่ศีล 5 ข้อ ก็ยากที่จะเข้าถึงและปฏิบัติได้ หรือแม้แต่กิเลส 3 ตัว อันได้แก่ โลภ (อยากได้มาก ไม่รู้จักพอ) โกรธ (เกลียดชัง เคียดแค้น ขุ่นเคือง ขัดใจ) และ หลง (ไม่รู้ หลงงมงาย เชื่อง่าย หูเบา)

ทั้งนี้ สังเกตได้จากเหตุการณ์ทางการเมืองทางสังคม ทางเศรษฐกิจ ของไทยและของโลก ในปัจจุบันนี้ ก็มีผู้ให้ข้อสังเกตว่า เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ แต่ทำไมจึงไม่รักสงบ...ไม่รักสามัคคี...ไม่รักประเทศชาติ...ทำร้ายกันเองทำไม....?

หรือเพราะว่าเราเป็นพุทธ สักแต่ว่าระบุไว้เป็นหลักฐานในทะเบียนบ้านเท่านั้น

ก็เป็นปัญหาให้พุทธบริษัททั้งหลาย อันได้แก่ พระภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ที่จะต้องร่วมมือร่วมใจกันช่วยเหลือเกื้อกูลสืบทอดพระพุทธศาสนา ให้มั่นคงยั่งยืนสืบไปชั่วกาลนาน

สมดังที่พระพุทธองค์ท่านมีพระประสงค์ที่จะให้มวลมนุษย์ในโลก สามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์ คือกองกิเลส ได้

และเนื่องในวันวิสาขบูชานี้ก็ขอให้เราชาวพุทธทั้งหลาย จงร่วมกัน "ทำแต่กรรมดี ทั้งกาย วาจา และใจ" เพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ของพระองค์ท่านผู้เป็นประดุจดังดวงประทีปแสงสว่างของโลก

กรรมใดที่ล่วงมาแล้วก็ขอให้อโหสิกรรมต่อกัน กรรมใดที่กำลังกระทำอยู่ หรือคิดที่จะกระทำต่อไป ก็ขอให้ทำแต่กรรมดี และระลึกถึงกันอยู่เนื่องๆ ว่าทุกคนล้วนเกิด แก่ เจ็บ ตาย

"สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ" จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย อย่าได้ทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย จงพ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ สาธุ


ข้อมูลจาก :

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 3183 วันที่ 8 พ.ค. 2552

ชุดไทยจิตรลดา โทนสีดำ ตัดเย็บจากผ้าไหมแพรทิพย์ งานละเอียดปราณีต แพทเทิร์นเข้ารูป สวยหรู ทันสมัย #ภาพถ่ายจากสินค้าจริง

฿1,790

https://s.shopee.co.th/8ANnSpUT4P?share_channel_code=6


วิสาขบูชา (Vesak Day) เรามา"ดับทุกข์"กันเถอะวิสาขบูชา(VesakDay)เรามาดับทุกข์กันเถอะ

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ด้วยรัก....จากใจพ่อ

ด้วยรัก....จากใจพ่อ


เปิดอ่าน 8,117 ครั้ง
ภาพรีสอร์ทริมทะเล

ภาพรีสอร์ทริมทะเล


เปิดอ่าน 8,118 ครั้ง
..เขย่า..ต่อมฮา..ขำขำ..

..เขย่า..ต่อมฮา..ขำขำ..


เปิดอ่าน 8,116 ครั้ง
อยากสอบผู้บริหาร

อยากสอบผู้บริหาร


เปิดอ่าน 8,108 ครั้ง
ขำ ขำ

ขำ ขำ


เปิดอ่าน 8,134 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

รายงานผลการพัฒนาและการใช้หนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด สำนวนคำกาพย์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประ

รายงานผลการพัฒนาและการใช้หนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด สำนวนคำกาพย์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประ

เปิดอ่าน 8,110 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
อาการของมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ
อาการของมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ
เปิดอ่าน 8,135 ☕ คลิกอ่านเลย

10 ปัจจัยช่วยคนไทยพ้นโง่-จน-เจ็บ
10 ปัจจัยช่วยคนไทยพ้นโง่-จน-เจ็บ
เปิดอ่าน 8,115 ☕ คลิกอ่านเลย

Subject คู่บ่าวสาว
Subject คู่บ่าวสาว
เปิดอ่าน 8,114 ☕ คลิกอ่านเลย

นกยูงเผือก...สวยมาก
นกยูงเผือก...สวยมาก
เปิดอ่าน 8,112 ☕ คลิกอ่านเลย

  ศัตรูร้ายแห่งศานติ (ความสงบสุข)  คือสิ่งใด ....ท่านพุทธทาส เฉลยไว้ในกวีบทที่.....?
ศัตรูร้ายแห่งศานติ (ความสงบสุข) คือสิ่งใด ....ท่านพุทธทาส เฉลยไว้ในกวีบทที่.....?
เปิดอ่าน 8,113 ☕ คลิกอ่านเลย

นี่คือ..หนังสือการ์ตูนที่เด็กไทยควรอ่าน
นี่คือ..หนังสือการ์ตูนที่เด็กไทยควรอ่าน
เปิดอ่าน 8,110 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

สิงคโปร์รณรงค์เลิกบ้าคะแนนสอบ ปรามพ่อแม่อย่ากดดันลูก
สิงคโปร์รณรงค์เลิกบ้าคะแนนสอบ ปรามพ่อแม่อย่ากดดันลูก
เปิดอ่าน 25,302 ครั้ง

เตือนภัยมัลแวร์อาจโจมตีเว็บไซต์ได้
เตือนภัยมัลแวร์อาจโจมตีเว็บไซต์ได้
เปิดอ่าน 12,330 ครั้ง

อาหารมื้อเช้า...แค่คิดใหม่ก็ช่วยได้
อาหารมื้อเช้า...แค่คิดใหม่ก็ช่วยได้
เปิดอ่าน 16,799 ครั้ง

ปลูกต้นไม้เหมาะกับทิศ
ปลูกต้นไม้เหมาะกับทิศ
เปิดอ่าน 23,911 ครั้ง

คลิปฮ็อต "พลเมืองดี" รุมล็อกตัวหนุ่มเขมรวิ่งราวมือถือสาวเกาหลี-ตบสั่งสอนกลางอนุสาวรีย์ชัยฯ
คลิปฮ็อต "พลเมืองดี" รุมล็อกตัวหนุ่มเขมรวิ่งราวมือถือสาวเกาหลี-ตบสั่งสอนกลางอนุสาวรีย์ชัยฯ
เปิดอ่าน 12,672 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ