ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

สมาธิที่ดีสร้างได้ไม่ยากในวัยเยาว์


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 6,407 ครั้ง
สมาธิที่ดีสร้างได้ไม่ยากในวัยเยาว์

Advertisement

นักวิชาการอาวุโส ศูนย์ศึกษาธุรกิจและรัฐบาล มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
kriengsak@kriengsak.com, http:// www.kriengsak.com
 

     เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ผู้ที่สามารถมีสมาธิจดจ่อในสิ่งที่ทำอยู่ได้จนกระทั่งบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ นับเป็นคุณลักษณะสำคัญของผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งในด้านการเรียน การทำงาน โดยทั่วไป
  
            
     สมาธิ หรือหรือตามที่พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ให้ความหมายว่าเป็น ความตั้งมั่นแห่งจิต ความสํารวมใจให้แน่วแน่เพื่อให้จิตใจสงบหรือเพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งนั้น ไม่ใช่เพียงการฝึกจิตให้สงบนิ่งโดยไม่คิดหรือไม่รับรู้สภาพการณ์ภายนอกใด ๆ เลย แต่เป็นการจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานพอที่จะคิดหรือทำในสิ่งต่าง ๆ เพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้จนกว่าจะประสบผลสำเร็จ  ไม่ว่าจะเป็นการมีสมาธิอยู่กับการคิด การทำงาน การสนทนา การอ่านหนังสือ การฟังครูสอน เป็นต้น

            
     ในสภาพสังคมปัจจุบันเราพบว่า เด็กจำนวนมากที่มีปัญหาความบกพร่องในเรื่องของสมาธิอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นผลที่เกิดจากปัญหาทางพฤติกรรมการเลี้ยงดูของครอบครัวหรืออาจเกิดจากความผิดปกติของในการทำงานของสมองบางส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมเมืองที่ส่งผลให้วิถีชีวิตของคนในสังคมเต็มไปด้วยความเร่งรีบ พ่อแม่ไม่มีเวลาให้กับลูก การให้ทีวีช่วยเลี้ยงลูก มลพิษทางอากาศ อาหารที่เจือปนด้วยวัตถุกันเสีย สารกันบูด ที่มีงานวิจัยรองรับออกมาแล้วว่าอาจเป็นสาเหตุสำคัญของโรคสมาธิสั้นในเด็กและเยาวชนที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

            
     พ่อแม่จำนวนมากคงเคยมีความรู้สึก หงุดหงิด หัวเสีย เกี่ยวกับพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของลูกหลายประการ ที่เล็งถึงความไม่มีสมาธิ ไม่จดจ่อ ในการทำสิ่งต่าง ๆ อาทิ ไม่เคยที่จะทำการบ้านเสร็จลุล่วงไปด้วยดีสักครั้งหากพ่อแม่ไม่คุมเข้ม ไม่เข้าห้องน้ำก็ขอไปเดินเล่น เปิดตู้เย็นทานขนม หรือแอบไปเล่นของเล่น  ซุกซนมากไม่ยอมอยู่เฉย ไม่ยอมฟังคำสั่ง ใจร้อนขาดความอดทนในการทำสิ่งต่าง ๆ หลงลืมไม่ใส่ใจในบทบาทหน้าที่ที่รับผิดชอบ จนพ่อแม่รู้สึกเหนื่อยล้าหมดแรงหมดกำลังใจไปกับการดูแลลูก ๆ ของตน

            
     อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ไม่ควรวิตกกังวลเกินกว่าเหตุว่าหากลูกมีอาการดังกล่าวแล้วจะต้องเป็น
“โรคสมาธิสั้น” ที่ต้องรับการรักษาหรือจำเป็นต้องกินยาควบคุมเสมอไป เนื่องจากอาการที่พ่อแม่คิดว่า “ขาดสมาธิ” ของลูกนั้นอาจเป็นไปตามพัฒนาการในแต่ละช่วงวัยที่พบว่าในวัยเด็กเล็กจะมีสมาธิหรือใจที่จดจ่อในการทำสิ่งต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่สั้นกว่าเด็กโต หรืออาการสมาธิสั้นดังกล่าวอาจเกิดจากพฤติกรรมการเลี้ยงดูบางประการที่ไม่ถูกต้องของพ่อแม่ก็เป็นได้

            
     ดังนั้น พ่อแม่จึงควรแยกแยะในการตรวจสอบอาการและพิจารณาอย่างรอบคอบว่าอาการสมาธิสั้นที่เกิดขึ้นกับลูกของเรานั้นเป็นเนื่องมาจากสาเหตุใด โดยอาจปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยว่าอาการดังกล่าวจัดอยู่ในกลุ่มของ
“โรคสมาธิสั้น” (Attention Deficit / Hyperactivity Disorder - ADHD) หรือไม่ เพื่อที่จะรับการรักษาอย่างถูกต้องและรวดเร็วต่อไป หรือหากพ่อแม่พบว่าอาการสมาธิสั้นของลูกดังกล่าวนั้นสืบเนื่องมาจากพฤติกรรมการเลี้ยงดูไม่ถูกต้องบางประการของพ่อแม่เองแล้ว พ่อแม่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการเลี้ยงดูลูกใหม่เพื่อฝึกฝนการสร้างสมาธิให้กับลูกของตนแต่เนิ่น ๆ ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กเพื่อเป็นการลงรากฐานแห่งความสำเร็จในชีวิตให้กับลูกต่อไปในอนาคต
     
     โดยการปรับพฤติกรรมการอบรมสั่งสอนเพื่อการสร้างลูกให้เป็นเด็กที่มีสมาธิที่ดี มีใจจดจ่อในการคิดหรือการทำสิ่งต่าง ๆ ให้สามารถสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีนั้น มีหลักสำคัญที่พ่อแม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนลูก ดังนี้

     
หลักแห่งการสร้างแรงดึงดูด 
           
       ธรรมชาติของเด็กแล้วมักมีความสนใจหรือมีสมาธิจดจ่ออยู่ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งค่อนข้างน้อยกว่าผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า โดยมีผู้กล่าวถึงสูตรในการหาเวลาที่เด็กสามารถจดจ่อในสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้เป็นเวลานานเท่าไรไว้โดยการนำอายุของเด็กคูณด้วยสาม เช่น หากลูกอายุ 5 ปี ระยะเวลาโดยเฉลี่ยที่เด็กมีสมาธิหรือสามารถจดจ่อในสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ดีคือที่ 5 x 3 = 15 นาที อย่างไรก็ตามพ่อแม่ไม่ควรจริงจังกับสูตรหาสมาธิดังกล่าวนี้มากจนเกินไปหรือพยายามกดดันให้ลูกต้องทำให้สำเร็จ หรือต้องทะลุเป้าเวลามาตรฐานนี้ให้ได้เนื่องจากเป็นวิธีการคำนวณหาโดยคร่าวเท่านั้น ไม่ใช่เป็นวิธีตัดสินว่าลูกเราผิดปกติหรือไม่แต่อย่างเกดีกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายนอก อาทิ บรรยากาศ สภาพแวดล้อมของสถานที่ หรือปัจจัยภายในจากตัวเด็กเองว่ามีความพร้อมหรือไม่ทั้งทางฝ่ายกายภาพ อาทิ อยู่ในภาวะง่วงนอน หิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมหรือสิ่งที่เขาต้องทำหรือต้องจดจ่ออยู่เป็นระยะเวลานานนั้นเขามีความชอบหรือความสนใจมากน้อยเพียงใด
 
 
            
     เด็กส่วนใหญ่มักเบื่อง่าย พ่อแม่จึงควรจับจุดนี้ไว้ให้ดีเพื่อค้นหาวิธีการสร้างแรงดึงดูดให้ลูกของเราหันมาคิดหรือทำในสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างใจจดจ่อไม่จับจดหรือเลิกราไปกลางครันโดยง่าย โดยพ่อแม่ต้องคอยสังเกตดูพัฒนาการความก้าวหน้าของลูกอยู่เสมอว่าสิ่งใดที่เขาทำได้คล่องดีแล้ว เล่นจนหลับตาทำได้แล้ว สิ่งนั้นอาจไม่สามารถสร้างแรงดึงดูดพอให้เขาจดจ่อค้นหากับมันอีก ต้องหาความท้าทายใหม่ ๆ ที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อสร้างแรงดึงดูดให้เขาสนใจที่จะมาค้นหาเป็นลำดับขั้นต่อไป รวมทั้งหมั่นสังเกตว่าลูกของเราชอบหรือสนใจอะไรเป็นพิเศษสิ่งใดที่ทำให้เขาครุ่นคิดอยู่ได้นาน ๆ โดยอาจทำให้ไม่สนใจในเรื่องอื่นเลยก็เป็นได้พร้อมคอยส่งเสริมหากสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีพิษมีภัย
     
     โรเบิร์ต ซิลเวสเตอร์ (Robert Sylvester) นักวิชาการด้านการเรียนรู้ ให้คำกล่าวที่น่าสนใจว่า “อารมณ์ทำให้เกิดความสนใจและความสนใจทำให้เกิดการเรียนรู้” หรือ “Emotion drives attention, attention drives learning” ยิ่งมีอารมณ์อยากรู้ กระหายใคร่รู้มาก ยิ่งสร้างแรงดึงดูดให้ใช้เวลาในการพิจารณาจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นมากตามไปด้วยและเพียงพอที่จะก่อให้เกิดการเรียนรู้ตามมา โดยอาจใช้วิธีการสร้างบรรยากาศภายนอกการสร้างสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นความสนใจ การจดจ่อโดยไม่ถูกสิ่งเร้าต่าง ๆ มารบกวน อาทิ การตกแต่งสถานที่ สิ่งของต่าง ๆ ให้น่าตื่นเต้น สวยงามดึงดูดความสนใจ หรือการจัดสถานที่ที่เงียบสงบ ไม่มีเสียงดัง สับสนวุ่นวาย เหมาะกับการได้ครุ่นคิดกับมัน เป็นต้น

       
    นอกจากนี้การสร้างแรงดึงดูดที่สำคัญในเรื่องที่เราต้องการให้ลูกได้มีสมาธิหรือจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นได้เป็นอย่างดีต่อเนื่องและยาวนานที่สุด         นั่นคือพ่อแม่ต้องเรียนรู้ที่จะย่อยหรือค้นหาว่าสิ่งนั้นมีความเกี่ยวข้อง ใกล้ตัว สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง หรือมีประโยชน์สำคัญอย่างไรจนมากเพียงพอและควรค่าที่ลูกจะเห็นความสำคัญและดึงดูดให้ลูกไปใช้เวลาจดจ่อกับมันในท้ายที่สุดโดยไม่ต้องบังคับขู่เข็ญแต่อย่างใด อันเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่จะนำไปสู่กระบวนการเรียนรู้อย่างมีสมาธิที่ดีได้ในที่สุด
           
    รวมทั้งการกระตุ้นและสนับสนุนอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ การตั้งคำถามท้าทายกระตุ้นให้เกิดความสนใจและความสงสัยการกระหายใคร่รู้  การพาไปหาผู้รู้หรือค้นหาข้อมูลจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ เพื่อให้จดจ่อในเรื่องนั้น ๆ ให้ลึกซึ้งลงไปมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งขยายวงกว้างในการเรียนรู้เรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องต่อไปด้วยตัวของเขาเอง 
     
หลักแห่งการวางแผนและทำอย่างต่อเนื่อง 
     
     การใช้ชีวิตอย่างอิสระ ทำสิ่งใดก็ได้ตามใจตนเองหรือตามอารมณ์ความรู้สึกจะพาไปอย่างไร้ซึ่งระเบียบวินัยหรือการบริหารเวลาในชีวิตประจำวัน นับเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเกิดปัญหาสมาธิสั้นในเด็กและส่งผลตามมาเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นอุปสรรคขัดขวางกระบวนการเรียนรู้รวมทั้งเป็นการสร้างลักษณะนิสัยที่จับจดไม่สามารถทำสิ่งใดให้สามารถประสบผลสำเร็จได้
     
    เด็กที่ถูกฝึกในเรื่องการวางแผนและบริหารเวลามาเป็นอย่างดี จะเป็นเด็กที่มีวินัยสูงมีความรับผิดชอบ ไม่เป็นคนผัดวันประกันพรุ่ง ไม่จับจด รู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น เวลาไหนควรอ่านหนังสือ เวลาใดควรเป็นเวลาในการพักผ่อน ฯลฯ เด็กในกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นเด็กที่มีสมาธิดีกว่าเด็กในกลุ่มที่ไม่รู้จักบริหารเวลาหรือควบคุมตนเองอย่างมีนัยสำคัญ
     
     การวางแผนชีวิตหรือกการทำตารางเวลาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการฝึกสมาธิความจดจ่อในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้แก่เด็ก เนื่องจากเป็นการฝึกให้เด็กเรียนรู้การวางแผนก่อนการกระทำหรือการฝึกให้คิดก่อนทำนั่นเอง เพื่อที่จะรู้ว่าเมื่อทำสิ่งนี้สำเร็จแล้วหรือจบภายในระยะเวลาที่กำหนดแล้วจะต้องทำในสิ่งใดต่อไป
     
   โดยมีการวิจัยพบว่าเด็กส่วนใหญ่จะชอบอะไรที่เป็นกิจวัตรและสามารถคาดการณ์ได้ เนื่องจากเด็กจะรู้สึกมีความมั่นคงและสบายใจในสิ่งที่เขาสามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทราบว่าในแต่ละวันเขาจะต้องทำอะไรบ้าง เช่น กิจวัตรประจำวันทั้งในยามปกติหรือในช่วงเวลาปิดเทอม วันหยุดต่าง ๆ
     
    นอกจากนี้ไม่เพียงแต่การวางแผนและการจัดตารางเวลาในชีวิตประจำวันเท่านั้น แต่พ่อแม่ต้องเป็นผู้ช่วยคอยควบคุม ฝึกวินัย จูงใจ ให้ลูกไปถึงเป้าหมายและสามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้อย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีในแต่ละวัน 
      
   เนื่องจากการที่ลูกลิ้มรสความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและสร้างแรงดึงดูดให้ลูกเกิดความสนใจและปรารถนาจะทำในแผนที่วางไว้ในเรื่องอื่น ๆ ต่อไปให้ประสบผลสำเร็จเช่นเดียวกัน
     
     โดยในการวางแผนพ่อแม่สามารถสอดแทรกกิจกรรมเสริมที่มีประโยชน์ในการฝึกสมาธิลงไปด้วย อาทิ  การอ่านหนังสือ เขียนไดอารี่ การฝึกฟังเทปความรู้เทปนิทานต่าง ๆ แล้วนำมาสรุปหรือเล่าให้ฟัง งานศิลปะ ดนตรี กีฬา  การกำหนดเวลาแห่งการพูดคุยสรุปเรื่องราวหรือประสบการณ์ที่ลูกพบมาในชีวิตประจำวันหรือเมื่อตอนไปโรงเรียน ฯลฯ ตามความชอบถนัดของเด็กและของตัวพ่อแม่เองได้ โดยพยายามลดกิจกรรมที่อาจส่งผลในการรบกวนสมาธิออกไป อาทิ  การดูทีวี เล่นเกม ให้เหลือน้อยที่สุด เป็นต้น 
     
     การมีสมาธิที่ตั้งมั่นมีจิตใจที่จดจ่อไม่จับจดนับเป็นคุณลักษณะพื้นฐานที่สำคัญของกระบวนการเรียนรู้ในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ รวมทั้งนำไปสู่ลักษณะชีวิตชีวิตของการอดทน พากเพียร พยายาม ทำจนสำเร็จ ไม่เสร็จไม่เลิกรา อันเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม
     
     เด็กคนใดจะมีสมาธิ การจดจ่อในเรื่องต่าง ๆ มากหรือน้อยนั้นไม่ได้ขึ้นกับพันธุกรรมที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้แต่อย่างใด แต่ทั้งนี้การที่เด็กจะมีสมาธิที่ดีได้นั้นขึ้นกับพฤติกรรมการเลี้ยงดู การดูแลเอาใจใส่ของพ่อแม่เป็นสำคัญ โดยจากหลักแห่งการสร้างแรงดึงดูด ความสนใจ และหลักการวางแผนบริหารเวลาอย่างต่อเนื่องที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น หากพ่อแม่นำไปฝึกปฏิบัติต่อลูกอย่างเป็นประจำ พ่อแม่จะพบว่าลูกของท่านจะมีสมาธิในการคิดการทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้นในระดับการพัฒนาที่น่าพึงพอใจอย่างแน่นอนครับ

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 4030 วันที่ 10 ก.ค. 2552


สมาธิที่ดีสร้างได้ไม่ยากในวัยเยาว์

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ประโยชน์...ของบุหรี่

ประโยชน์...ของบุหรี่


เปิดอ่าน 6,435 ครั้ง
ตำนานพิธีดื่มน้ำสาบาน

ตำนานพิธีดื่มน้ำสาบาน


เปิดอ่าน 6,448 ครั้ง
คู่ครอง คู่กัน

คู่ครอง คู่กัน


เปิดอ่าน 6,418 ครั้ง
เวลาที่ดีสำหรับการอ่าน

เวลาที่ดีสำหรับการอ่าน


เปิดอ่าน 6,428 ครั้ง
ขยับต่อมฮา....กันสักนิด!!!55555

ขยับต่อมฮา....กันสักนิด!!!55555


เปิดอ่าน 6,414 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

ต้นมะพร้าว

ต้นมะพร้าว

เปิดอ่าน 6,443 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
เปิดอ่าน 6,427 ☕ คลิกอ่านเลย

กินคะน้า.....ตาไม่เป็นต้อ
กินคะน้า.....ตาไม่เป็นต้อ
เปิดอ่าน 6,424 ☕ คลิกอ่านเลย

เรื่องกษัตริย์ยอดกตัญญุเรื่องของในหลวง.... (ตอนที่1)
เรื่องกษัตริย์ยอดกตัญญุเรื่องของในหลวง.... (ตอนที่1)
เปิดอ่าน 6,419 ☕ คลิกอ่านเลย

10  อาชีพมาแรง......ปี  2552
10 อาชีพมาแรง......ปี 2552
เปิดอ่าน 6,411 ☕ คลิกอ่านเลย

วิธีลดรอยแผลขรุขระบนใบหน้า
วิธีลดรอยแผลขรุขระบนใบหน้า
เปิดอ่าน 6,420 ☕ คลิกอ่านเลย

เคล็ดลับ....การอ่านตำรา......ให้เข้าใจ
เคล็ดลับ....การอ่านตำรา......ให้เข้าใจ
เปิดอ่าน 6,438 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ดินสอทำไมมีตัว H กับตัว B
ดินสอทำไมมีตัว H กับตัว B
เปิดอ่าน 83,340 ครั้ง

สมุนไพรพิชิตหน้าหนาว
สมุนไพรพิชิตหน้าหนาว
เปิดอ่าน 17,019 ครั้ง

สร้างความรู้ใหม่ คือหัวใจปฏิรูปการศึกษา : เสรี พงศ์พิศ
สร้างความรู้ใหม่ คือหัวใจปฏิรูปการศึกษา : เสรี พงศ์พิศ
เปิดอ่าน 10,201 ครั้ง

กูเกิลเจ๋งทดลอง"รถแห่งอนาคต Google Car "วิ่งได้เองบนท้องถนน
กูเกิลเจ๋งทดลอง"รถแห่งอนาคต Google Car "วิ่งได้เองบนท้องถนน
เปิดอ่าน 11,920 ครั้ง

คลิปรายการ "เจาะข่าวเด่น" ดร.ชินภัทร ชี้แจงกรณี "ลดการบ้านนักเรียน"
คลิปรายการ "เจาะข่าวเด่น" ดร.ชินภัทร ชี้แจงกรณี "ลดการบ้านนักเรียน"
เปิดอ่าน 14,029 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ