Advertisement
Advertisement
หลักของการเกิดลมมรสุมก็เป็นเช่นเดียวกับหลักของการเกิดลมบกลมทะเล หรือลมภูเขาและลมหุบเขา ซึ่งเกิดขึ้นจากความแตกต่างกันของอุณหภูมิระหว่างบริเวณสองแห่งแต่ทว่าระบบของการเกิดลมมรสุมปกคลุมบริเวณกว้างใหญ่กว่ามาก ซึ่งอาจจะกว้างยาวนับเป็นพันๆ กิโลเมตรได้ ความแตกต่างของอุณหภูมินี้ เป็นเหตุที่ทำให้เกิดความแตกต่างของความกดอากาศ คือ ในฤดูหนาวอุณหภูมิของทวีปจะเย็นกว่าอุณหภูมิของมหาสมุทร
ความกดอากาศตามบริเวณแผ่นดิน จึงสูงกว่าความกดตามบริเวณมหาสมุทร โดยเหตุนี้ลมในระดับต่ำๆ จึงพัดจากทวีปไปสู่มหาสมุทร ส่วนในฤดูร้อนอุณหภูมิของทวีปจะสูงกว่าอุณหภูมิของมหาสมุทร ความกดอากาศตามบริเวณแผ่นดินจึงน้อยกว่าความกดอากาศตามบริเวณมหาสมุทรโดยเหตุนี้ลมในระดับต่ำจะพัดจากมหาสมุทรไปสู่ทวีป การพัดของลมในฤดูหนึ่งๆ นี้ เรียกว่า "ลมมรสุม"
อิทธิพลของมรสุมมีมากที่สุดในทวีปเอเซีย บริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณบริเวณประเทศอินเดีย ปากีสถาน ไทย และแหลมอินโดจีน ในระหว่างฤดูหนาวผืนแผ่นดินใหญ่ของทวีปเอเชียจะถูกปกคลุมด้วยอากาศเย็น และมีความกดอากาศสูงตั้งแต่ผิวพื้นไปจนถึงสูงประมาณ ๓ กิโลเมตร ส่วนตามบริเวณมหาสมุทรอินเดียจะมีความกดอากาศต่ำในลักษณะนี้จะมีลมพัดจากระบบความกดอากาศสูง ไปสู่ระบบความกดอากาศต่ำ ระบบของลมในบริเวณนี้มักจะพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือสู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเรียกกันว่า "ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ" (northeast monsoon) กระแสลมนี้ค่อนข้างเย็นและมีความชื้นน้อย จึงมีฝนได้เพียงตามบริเวณชายฝั่งเท่านั้น เช่น ตามฝั่งอินโดจีน ส่วนบริเวณลึกเข้าไปในแผ่นดิน เช่น ตอนบนของประเทศไทย ฝนจะตกเป็นจำนวนน้อยมากฤดูนี้เรียกว่าฤดูหนาวอยู่ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนกุมภาพันธ์ ส่วนในฤดูร้อน ตั้งต้นจากเดือนมีนาคม ถึง เดือนตุลาคม อุณหภูมิบนผืนแผ่นดินใหญ่ของประเทศจีนจะร้อนกว่า และมีความกดอากาศน้อยกว่าอากาศตามบริเวณพื้นมหาสมุทรอินเดีย ในลักษณะนี้ลมจะพัดจากมหาสมุทรอินเดียไปสู่แผ่นดินใหญ่ ลมนี้มักจะพัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เรียกว่า "มรสุมตะวันตกเฉียงใต้" (southwest monsoon)ลมชนิดนี้ค่อนข้างชื้น และพัดหอบไอน้ำไปได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะลมมรสุมที่พัดผ่านประเทศไทยตอนบนขึ้นไปจะทำให้ฝนตกชุก ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม จึงอาจเรียกว่าเป็นฤดูฝนได้
กระแสลมอุ่น ซึ่งมีปริมาณไอน้ำสูง เมื่อพัดผ่านบริเวณภูเขาจะทำให้กระแสลมนี้ลอยตัวขึ้น ในการลอยตัวขึ้นนี้อากาศก็จะขยายตัวและเย็นลง ไอน้ำจะกลั่นตัวตกลงมาเป็นฝน และพายุฟ้าคะนองอย่างหนัก ตัวอย่างของปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้คือ ที่เมืองเชอราปุนจิในประเทศอินเดีย ได้เคยมีฝนตกมากถึง ๔๕๐ นิ้ว (๑๑,๒๕๐ มิลลิเมตร) ชั่วในระยะเวลาเพียง ๔ เดือนเท่านั้น
ลมมรสุมอาจจะเกิดขึ้นในบริเวณอื่นๆ ของโลกได้ เช่น บริเวณตอนเหนือของทวีปออสเตรเลีย บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา บริเวณตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกของทวีแอฟริกา เพราะในระหว่างฤดูร้อนเมื่อผืนแผ่นดินมีอุณหภูมิและความกดอากาศต่ำ ลมจากทะเลจะพัดเข้าหาผืนแผ่นดิน แต่ปรากฏการณ์ของมรสุมตามบริเวณที่ต่างๆ ของโลกดังกล่าว ยังไม่เด่นชัดเท่ากับปรากฏการณ์ของมรสุมตามบริเวณประเทศอินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งเราจะได้กล่าวถึงรายละเอียดของมรสุมในประเทศไทยต่อไปในหัวข้อภูมิอากาศของประเทศไทย
ที่มา สนุกดอทคอม
Advertisement
|
เปิดอ่าน 13,844 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,536 ครั้ง |
เปิดอ่าน 60,544 ครั้ง |
เปิดอ่าน 23,520 ครั้ง |
เปิดอ่าน 44,768 ครั้ง |
เปิดอ่าน 17,713 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,444 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,967 ครั้ง |
เปิดอ่าน 84,881 ครั้ง |
เปิดอ่าน 38,410 ครั้ง |
เปิดอ่าน 24,096 ครั้ง |
เปิดอ่าน 20,910 ครั้ง |
เปิดอ่าน 22,400 ครั้ง |
เปิดอ่าน 23,092 ครั้ง |
เปิดอ่าน 29,015 ครั้ง | |
|

เปิดอ่าน 8,333 ☕ คลิกอ่านเลย |

เปิดอ่าน 57,004 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 19,267 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 26,950 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 71,825 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 137,702 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 22,420 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ 
เปิดอ่าน 21,855 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 32,593 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 24,096 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 13,532 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 80,153 ครั้ง |
|
|