Advertisement
วันคริสต์มาสถือเป็นวันฉลองที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งของศาสนาคริสต์
วันคริสต์มาส (Christmas Day) เป็นวันที่คริสตชนทั่วโลกจะฉลองตรงกันในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี และยังนับเป็นวันฉลองสากลที่สำคัญวันหนึ่งของชาวโลกแม้ไม่เป็นคริสตชนด้วย ความหมายและความเป็นมาขอวันคริสต์มาสนี้จะต้องวิเคราะห์ออกเป็นสองประเด็นดังนี้ คือ
1.ประเด็นที่เป็นความรู้ในแง่ประวัติศาสตร์ของโลก โดยอาศัยเหตุผลและหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์เป็นเครื่องพิเศษหาความจริง
2.ประเด็นที่เป็นความรู้ในแง่ของข้อความเชื่อ (Dogma) ทางศาสนาคริสต์ โดยไม่ต้องอาศัยเหตุผลและหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ มาเป็นเครื่องพิสูจน์หาความจริง
ประเด็นที่เป็นความรู้ในแง่ประวัติศาสตร์ของโลก
พระเยซูเกิดเป็นมนุษย์มีเนื้อหนังมังสาจากนักบุญยอแซฟผู้เป็นพ่อและจากพระนางมารีอาผู้เป็นแม่จริง แต่มิได้ยืนยันว่าพระองค์มาเกิดตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม จริงๆ เหมือนกับวันเกิดของคนทั่วๆ ไป เพราะเวลาที่พระเยซูเกิด ไม่มีนักประวัติศาสตร์คนใดคิดบันทึกไว้ ถือเป็นการเกิดมาธรรมดาๆ เหมือนเด็กทั่วไป
แต่การที่ชาวโลกยึดถือเอาวันที่ 25 ธันวาคม ว่าเป็นวันเกิดของพระเยซูมาเป็นเวลาหลายศตวรรษจนถึงปัจจุบันก็เพราะเหตุผลดังนี้ คือ
คริสตชนสมัยโบราณพยายามใช้เหตุผลต่างๆ เพื่อจะทำให้การเกิดมาของพระเยซูตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมให้ได้ เพราะมีเบื้องหลังมาจากอิทธิพลทางประเพณีบางอย่างของโรมันสมัยนั้น ซึ่งนับถือพระและเทพเจ้าประจำที่ต่างๆ มากมาย และเทพเจ้าที่ถือว่าสำคัญองค์หนึ่ง ได้แก่ "พระอาทิตย์" ซึ่งถือกันแพร่หลายมากในสมัยนั้น
การถือพระอาทิตย์นี้มีประเพณีปฏิบัติอย่างหนึ่ง คือ เมื่อฤดูหนาวสิ้นสุดลงแล้ว จะมีการฉลองใหญ่โตในหมู่ชาวโรมันเพื่อต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ การฉลองนี้เรียกว่า "ซัทเทอร์นาเลีย" ตรงกับวันที่ 17-19 ธันวาคม ถือเป็นเทศกาลฉลองที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีและสนุกสนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีการปลดปล่อยทาสให้เป็นอิสระและแลกเปลี่ยนของขวัญกันด้วย
ปกติเมื่อฤดูหนาวสิ้นสุดลงแล้ว แสงแดดจากดวงอาทิตย์จะเริ่มสาดส่องลงมาอีกครั้งหนึ่ง (เพราะในฤดูหนาวไม่มีแสงแดดแต่มีแสงสว่าง) ทำให้ต้นไม้และธรรมชาติกลับมีชีวิตชีวาและสดชื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ดวงอาทิตย์ที่เคยมืดมนอับแสงในฤดูหนาวก็จะเริ่มแผดแสงจ้าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
เหตุการณ์นี้ทำให้โรมันเข้าใจว่าพระอาทิตย์ได้หลุดพ้นออกมาจากการถูกจับกุมไว้ในฤดูหนาว จึงถือว่าเป็นวันเกิดของพระอาทิตย์ที่ได้รับชัยชนะใหม่อีกครั้งหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังย่างเข้ามา สิ่งเหล่านี้จึงนับว่าเป็นพื้นฐานทางความคิดของโรมันที่นับถือพระอาทิตย์เป็นเทพเจ้า
ต่อมาเมื่อจักรภพโรมันได้ยอมรับเอาคริสต์ศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว และคริสตชนดั้งเดิมตั้งแต่สมัยอัครสาวกเป็นต้นมาต่างก็ถือว่าวันอาทิตย์เป็นวันพระเจ้าอยู่แล้วด้วย
ดังนั้น ถ้าพระอาทิตย์ที่ชาวโรมันนับถืออยู่ก่อนเป็นผู้ได้รับชัยชนะและถือว่ามีวันเกิดเป็นวันที่ 25 ธันวาคม พระเยซูผู้ได้รับชัยชนะเหนือโลกและความตาย อีกทั้งยังเป็นเจ้าของวันอาทิตย์ด้วยก็ย่อมจะต้องมีวันเกิดตรงกับพระอาทิตย์ของชาวโรมันในวันที่ 25 ธันวาคมด้วย
แสดงให้เห็นว่าคริสตชนสมัยแรกๆ หลังจากที่ศาสนาคริสต์ได้เป็นศาสนาประจำชาติของโรมันแล้ว (ราวๆ ศตวรรษที่ 4 หรือประมาณ 1,600 ปีผ่านมาแล้ว) พยายามเอาชนะศาสนาดั้งเดิมของโรมันที่นับถือพระอาทิตย์เป็นเทพเจ้าด้วยวิธีการจูงใจให้คล้อยตามด้วยเหตุผลที่แยบคายของผู้นำศาสนาในสมัยนั้น
ในการรับเอาวันสำคัญที่พวกโรมันนับถือกันอยู่ก่อนแล้ว รวมทั้งการฉลองอย่างสนุกสนานที่ทุกคนถือปฏิบัติกันก่อนแล้วเข้ามาเป็นวันสำคัญของคริสตชนได้อย่างสนิทสนม โดยเปลี่ยนเป็นพระเยซูผู้เป็นเจ้าแห่งวันอาทิตย์มาแทน "พระอาทิตย์" ที่นับถือกันอยู่ก่อนเท่านั้น ถือว่าเป็นวิธีที่ได้ผล ทำให้ชาวโรมันยอมรับพระเยซูและวันเกิดของพระองค์ได้อย่างไม่รู้สึกตัวและเกิดปฏิกิริยาใดๆ
หรือพูดง่ายๆ ก็คือ วันสำคัญแห่งเทพเจ้าของชาวโรมันโบราณก็คือ "วันคริสต์มาส" ของคริสตศาสนิกชนทั่วโลกนั่นเอง ซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี
ทางด้านหลักฐานประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์ ก็ไม่ปรากฏแจ้งชัดว่ามีการฉลองใดๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับวันเกิดของพระเยซูตั้งแต่แรกเริ่มมา จนกระทั่งกลางศตวรรษที่ 4 หลังจากที่จักรพรรดิโรมันยอมรับเอาคริสต์ศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว คริสตชนทางจารีตตะวันออก (เอเชียน้อย) ก็ค่อยๆ รับเอาวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันเกิดของพระเยซู แทนวันที่ 6 มกราคม ซึ่งเคยถือมาแต่ก่อน แต่ก็ยังมีบางแห่งที่ถือวันที่ 6 มกราคม เป็นวันเกิดของพระเยซูอยู่ด้วย
ที่สุดก็มีกฤษฎีกาของพระสันตะปาปาจูลีอัสที่หนึ่ง แห่งกรุงโรม ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำสูงสุดของศาสนาคริสต์ ได้ประกาศออกมาอย่างแจ้งชัดว่า "วันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี ถือเป็นวันคริสต์มาสโดยไม่มีการเลื่อนอีกต่อไป"
และนับตั้งแต่นั้นมาก็เป็นที่ยอมรับและตกลงกันในพระศาสนจักรทั่วโลก ในการยึดถือวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันคริสต์มาสสืบทอดมาจนปัจจุบัน
ประเด็นที่เป็นความรู้
ในแง่ของข้อความเชื่อ (Dogma) ทางศาสนาคริสต์ คือ พระศาสนจักรคาทอลิก สอนให้คริสตชนทั้งหลายมีความเชื่อมั่นว่าพระเยซูผู้เป็นพระบุตรของพระเจ้าได้ลงมาเกิดเป็นมนุษย์มีร่างกายจริงๆ จากพระนางมารีอาผู้เป็นพรหมจารีเพื่อไถ่บาปมนุษย์ และพระเยซูองค์นี้เป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์ในบุคคลเดียวกัน แต่มิได้ยืนยันว่าพระองค์ลงมาเกิดตรงวันที่ 25 ธันวาคมจริงๆ เพราะถือว่าไม่ใช่แก่นแท้ของความจริงทางศาสนาที่จะต้องรู้วันเดือนปีเกิด แต่เป็นขอบเขตความรู้ทางประวัติศาสตร์ที่จะต้องไปศึกษาพิสูจน์หาความจริงกันเอง
เหตุผลและหลักฐานที่ถือว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับวันคริสต์มาส หรือการเกิดเป็นมนุษย์ในโลกนี้ของพระเยซูในแง่ที่เป็นข้อความเชื่อทางศาสนาคือ "พระคัมภีร์ไบเบิล (Bible)" ถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญที่สุดซึ่งบันทึกเหตุการณ์ในการบังเกิดของพระเยซูอย่างละเอียด
แม้ว่าข้อเท็จจริงบางอย่างจะไม่ตรงกับการบันทึกทางประวัติศาสตร์ของโลกก็ถูกต้องแล้ว เพราะผู้เขียนพระคัมภีร์มิได้มีจุดหมายในการบันทึกเหตุการณ์ของพระเยซู ไว้ให้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แต่มีจุดหมายบันทึกไว้เพื่อให้เป็นความจริงทางศาสนาสำหรับเพิ่มพูนความเลื่อมใสของคริสตชน ที่จะต้องมีต่อพระเยซูให้มากขึ้น
ดังนั้นอย่าเอาข้อมูลในพระคัมภีร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ในการเกิดมาของพระเยซู ไปเป็นหลักฐานหรือเหตุผลอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความจริงทางประวัติศาสตร์ของโลก เพราะประวัติศาสตร์จะพิสูจน์ว่าพระเยซูเกิดมาในโลกนี้จริงหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่ถือว่าเป็นเครื่องตัดสินผิด-ถูกของคริสตชนทั่วโลกที่มีความเชื่ออย่างมั่นคงว่า พระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ในโลกนี้จริงเพื่อไถ่บาปมนุษย์ทุกคนตามที่มีบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิล
เหตุการณ์การบังเกิดมาของพระเยซูจากหลักฐานที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจของความจริง (Truth) ทางศาสนาที่เป็นข้อความเชื่อ (Dogma) ของคริสตชนทั้งหลาย คือ
เมื่อนางเอลิซาเบธตั้งครรภ์ได้ครบหกเดือน พระเจ้าได้ส่งเทวดาคาเบรียลไปยังเมืองนาซาแรธในมณฑลกาลิลีเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับหญิงพรหมจารีผู้มีชื่อว่า "มารีอา" เป็นธิดาของนายยออากิมและนางอันนา ซึ่งเป็นสามีภรรยาที่ศักดิ์สิทธิ์ พระนางมารีอาตั้งพระทัยจะถือพรหมจรรย์ แต่ประเพณีของชาวยิวที่จะถือพรหมจรรย์นั้น จะต้องหาชายอาวุโสคนหนึ่งที่มีจิตใจเดียวกันมาให้การคุ้มครองให้พ้นอันตราย บิดามารดาของพระนางจึงจัดให้หมั้นกับชายคนหนึ่งชื่อ "ยอแซฟ" เป็นเชื้อสายราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด และเป็นผู้มีอายุสูงพอสมควร
วันหนึ่งเทวดามาหาพระนางมารีอาและแจ้งว่า "วันทาท่านมารีอา ท่านเปี่ยมด้วยพระหรรษทานพระเจ้าสถิตอยู่กับท่าน และทรงประทานพรแก่ท่านอย่างล้นพ้น" พระนางมารีอารู้สึกฉงนพระทัยในคำพูดของเทวดาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร
เทวดาจึงชี้แจงว่า "อย่ากลัวเลยท่านมารีอา พระเจ้าทรงเมตตาท่านอย่างล้นเหลือ ท่านจะตั้งครรภ์ให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งจงตั้งชื่อว่า "เยซู" พระกุมารจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด พระเจ้าทรงตั้งให้พระองค์เป็นกษัตริย์ดังเช่นกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และพระองค์จะเป็นกษัตริย์ของบรรดาวงศ์วานของผู้ที่มีความเชื่อตลอดไป อาณาจักรของพระองค์จะยั่งยืนตลอดทุกยุคสมัย"
พระนางมารีอาทรงถามเทวดาว่า "ข้าพเจ้าถือพรหมจรรย์จะเป็นดังที่ท่านพูดได้อย่างไรเล่า"
เทวดาตอบพระนางมารีอาว่า "พระจิตของพระเจ้าจะเสด็จมาเหนือท่านและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าจะคุ้มครองท่าน ด้วยเหตุนี้แหละท่านผู้เป็นเลิศกว่าคนทั้งปวงเป็นบุตรของพระเจ้า จำญาติของท่านที่ชื่อเอลิซาเบธที่เป็นหมันได้ไหม เขายังตั้งครรภ์ได้ครบหกเดือนแล้ว ทั้งๆ ที่เขาเองก็แก่มากแล้ว ทั้งนี้ก็เพราะว่าไม่มีอะไรที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้"
พระนางมารีอาทรงตอบว่า "ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้า ขอให้เป็นไปดังที่ท่านพูดไว้นั้นเถิด" แล้วเทวดาองค์นั้นก็จากพระนางไป
พระนางมารีอาเมื่อได้รับแจ้งข่าวจากเทวดาแล้วก็ไม่กล้าเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับใครเลย เพราะถ้าเล่าก็คงไม่มีใครเชื่อและเข้าใจได้ แม้แต่นักบุญยอแซฟผู้เป็นสามีเองก็ตาม
ต่อมานักบุญยอแซฟพบว่าพระนางมารีอาตั้งครรภ์ทั้งๆ ที่ตนมิได้มีความสัมพันธ์กันฉันสามีภรรยากับพระนางแต่ประการใดเลย จึงเกิดความวุ่นวายใจและหนักใจมาก ท่านไม่รู้จะทำประการใด ครั้นจะถามพระนางมารีอาก็ไม่กล้า เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น พระนางก็ได้เจริญชีวิตเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ประพฤติตนหาที่ติมิได้ ดังนั้นจึงคิดจะส่งพระนางกลับไปอยู่กับบิดามารดาอย่างเงียบๆ
ขณะที่กำลังกลุ้มใจอยู่นั้น เทวดาก็ประจักษ์มาแจ้งข่าวแก่ท่านว่า "ยอแซฟเชื้อสายตระกูลดาวิด อย่ากลัวที่จะรับพระนางมารีอาเป็นภรรยาเลย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระนางนั้น เป็นพระราชกิจของพระจิตเจ้า พระกุมารที่เกิดมานั้นจงถวายพระนามว่า "เยซู" พระองค์จะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ และเป็นผู้ช่วยกู้ประชากรของพระเจ้าให้พ้นบาป"
เหตุการณ์นี้ตรงกับพระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ว่า "หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์และจะบังเกิดบุตรชายคนหนึ่ง ซึ่งจะขนามนามว่า "เอมานแอล" แปลว่า "พระเจ้าสถิตกับเรา"
เมื่อเป็นเช่นนี้ นักบุญยอแซฟผู้ประพฤติถือพรหมจรรย์ด้วย จึงรับเป็นผู้คุ้มครองความเป็นพรหมจรรย์และพระเกียรติของพระนาง ท่านรับปฏิบัติตามที่เทวดาแจ้งทุกประการ ท่านเคารพต่อศีลพรหมจรรย์ของพระนางและยอมรับเป็นบิดาเลี้ยงของพระเยซูเจ้ากับพระนางมารีอา
แม้แต่คนทั้งหลายจะเข้าใจว่าพระเยซูเจ้ามิได้เป็นบุตรที่เกิดจากท่านก็ตาม นักบุญยอแซฟได้ปฏิบัติตนเป็นหัวหน้าครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ด้วยความเอาใจใส่อย่างยิ่ง ท่านทำอาชีพช่างไม้เพื่อเลี้ยงครอบครัวของท่าน จึงมีคนเรียกพระเยซูเจ้าว่า "ลูกของช่างไม้"
อีกไม่กี่เดือนต่อมา จักรพรรดิ "ออกัสตัส" แห่งกรุงโรม ซึ่งปกครองประเทศปาเลสไตน์ มีพระราชดำรัสให้ราษฎรทุกคนในอาณาจักรโรมไปลงทะเบียนที่บ้านเกิดเมืองนอนของตน
นักบุญยอแซฟได้จากเมืองนาซาแรธในแคว้นกาลิลี ไปยังเมืองแบธเลแฮม ในมณฑลยูเดีย อันเป็นเมืองที่กษัตริย์ดาวิดประสูติ ไปที่นั่นก็เพราะยอแซฟเป็นเชื้อพระวงศ์กษัตริย์ดาวิดผู้เป็นต้นตระกูล
ท่านได้เดินทางไปกับพระนางมารีอาเพื่อจะไปลงทะเบียนสำมะโนครัวตามคำสั่ง เมื่อท่านมาถึงเมืองแบธเลแฮมปรากฏว่าไม่มีที่พักแล้วตามโรงแรม นักบุญยอแซฟจึงต้องหาที่พักตามภูเขาอันเป็นที่พักของสัตว์ในเวลากลางคืนและในคืนนั้นเอง พระกุมารเยซูก็ได้บังเกิดมาโดยเลือกเอาถ้ำเลี้ยงสัตว์เป็นพระราชวังของพระองค์ พระนางเอาผ้าพันกายพระกุมารและวางไว้ในรางหญ้า
มีพวกเลี้ยงแกะอยู่ตามชานเมืองกำลังเฝ้าฝูงแกะที่ทุ่งหญ้า ได้เห็นเทวทูตของพระเจ้าปรากฏ เพื่อแจ้งข่าวการบังเกิดมาของพระกุมาร เมื่อเทวทูตจากไปแล้วเขาก็ชวนกันไปที่เมืองแบธเลแฮม เพื่อจะได้ดูเหตุการณ์ที่เทวทูตแจ้งแก่เขา และเขาก็ได้พบเห็นทุกอย่างที่เทวทูตบอกไว้พลางร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าด้วยความยินดี
ดังนั้น เมื่อคริสตชนทั้งหลายทำการฉลองวันคริสต์มาสเป็นประจำทุกปีต้องยอมรับว่า ในแง่ความรื่นเริงสนุกสนานภายนอกนั้นก็สืบเนื่องมาจากประเพณีของชาวโรมันที่เคยฉลองพระอาทิตย์ของเขา แต่คริสตชนก็นำประเพณีนี้มาใช้ให้มีความหมายเกี่ยวกับการฉลองวันเกิดของพระเยซู เช่น การแจกของขวัญ ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นประเพณีที่เกิดขึ้นและอยู่นอกพระคัมภีร์ทั้งสิ้น
แต่คริสตชนทั้งหลายก็จะต้องรู้จักใช้ประเพณีที่ดีงามเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่จะนำเราไปสู่ความสำคัญและหัวใจของวันคริสต์มาสที่แท้จริงและถูกต้องตามจุดมุ่งหมายของศาสนา
ขอบคุณที่มา กระปุกดอทคอม
Advertisement
![สีสันกับสุขภาพจิต สีสันกับสุขภาพจิต](news_pic/p88236411644.jpg) เปิดอ่าน 13,210 ครั้ง ![9 เคล็ดกับการใช้เงิน สำหรับคนอายุเริ่มต้นด้วยเลข 2 9 เคล็ดกับการใช้เงิน สำหรับคนอายุเริ่มต้นด้วยเลข 2](news_pic/p82011150913.jpg) เปิดอ่าน 7,993 ครั้ง ![9 พฤติกรรมที่ไม่ควรทำบน Facebook 9 พฤติกรรมที่ไม่ควรทำบน Facebook](news_pic/p78410810801.jpg) เปิดอ่าน 14,128 ครั้ง ![ภาพมาโคร คืออะไร? ภาพมาโคร คืออะไร?](news_pic/p19839931117.jpg) เปิดอ่าน 37,792 ครั้ง ![ยาคุมแบบฉีด ทำมวลกระดูกเสื่อมอย่างน้อย 5% ยาคุมแบบฉีด ทำมวลกระดูกเสื่อมอย่างน้อย 5%](news_pic/p36833430519.jpg) เปิดอ่าน 15,958 ครั้ง ![เผยสูตร "หน้าใส" 4 วิธี เผยสูตร "หน้าใส" 4 วิธี](news_pic/p37637021121.jpg) เปิดอ่าน 19,153 ครั้ง ![เคล็ดลับลูกน้อย สมองดีมีคุณธรรม เคล็ดลับลูกน้อย สมองดีมีคุณธรรม](news_pic/p21524581450.jpg) เปิดอ่าน 9,033 ครั้ง ![ประกาศสงกรานต์ ปี ๒๕๕๒ ประกาศสงกรานต์ ปี ๒๕๕๒](news_pic/p80687082330.jpg) เปิดอ่าน 10,027 ครั้ง !["ดอกอัญชัน" สมุนไพรบำรุงสายตา ดูแลเส้นผมให้เงางาม "ดอกอัญชัน" สมุนไพรบำรุงสายตา ดูแลเส้นผมให้เงางาม](news_pic/p65762930643.jpg) เปิดอ่าน 18,605 ครั้ง ![ท็อป 10 ยอดศิลปินของตลาดโลก ท็อป 10 ยอดศิลปินของตลาดโลก](news_pic/p97677740405.jpg) เปิดอ่าน 12,425 ครั้ง ![ธุรกิจออนไลน์ที่น่าลงทุนในปี 2020 สำหรับสร้างรายได้เสริม ธุรกิจออนไลน์ที่น่าลงทุนในปี 2020 สำหรับสร้างรายได้เสริม](news_pic/p57846940541.jpg) เปิดอ่าน 40,485 ครั้ง ![เก็บหนังสือเก่าไม่ให้ขึ้นรา เก็บหนังสือเก่าไม่ให้ขึ้นรา](news_pic/p91761350834.jpg) เปิดอ่าน 12,991 ครั้ง ![ความต่างของ 3จี กับ 3.9จี ความต่างของ 3จี กับ 3.9จี](news_pic/p75391791026.jpg) เปิดอ่าน 11,595 ครั้ง ![การป้องกันการเกิดอาการ "ฮีทสโตรก" การป้องกันการเกิดอาการ "ฮีทสโตรก"](news_pic/p36337440300.jpg) เปิดอ่าน 1,412 ครั้ง ![หลากวิธีกำจัด จุดอ่อน ที่หัวใจ หลากวิธีกำจัด จุดอ่อน ที่หัวใจ](news_pic/p24771631005.jpg) เปิดอ่าน 8,450 ครั้ง ![เล็กๆ น้อยๆ เรื่องการนอน เล็กๆ น้อยๆ เรื่องการนอน](news_pic/p19737580715.jpg) เปิดอ่าน 13,430 ครั้ง
|
![ผักพื้นบ้าน 13 ชนิด ที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ไม่ทำลายตับ ผักพื้นบ้าน 13 ชนิด ที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ไม่ทำลายตับ](news_pic/p53439750606.jpg)
เปิดอ่าน 85,957 ☕ คลิกอ่านเลย |
![สโลว์ฟู้ด อาหารสำหรับคนอยากผอม สโลว์ฟู้ด อาหารสำหรับคนอยากผอม](news_pic/p59296540447.jpg)
เปิดอ่าน 14,898 ☕ คลิกอ่านเลย | ![ขาเที่ยวเฮอีก ปี59 วันหยุดยาวเพียบเฉพาะสงกรานต์ฟาดรวดเดียว 5 วัน ขาเที่ยวเฮอีก ปี59 วันหยุดยาวเพียบเฉพาะสงกรานต์ฟาดรวดเดียว 5 วัน](news_pic/p96965370535.jpg)
เปิดอ่าน 25,923 ☕ คลิกอ่านเลย | ![พบรอยเท้าไดโนเสาร์ อายุกว่า 200 ล้านปี พบรอยเท้าไดโนเสาร์ อายุกว่า 200 ล้านปี](news_pic/p93734621637.jpg)
เปิดอ่าน 12,330 ☕ คลิกอ่านเลย | ![เหงื่อบอกโรค เหงื่อบอกโรค](news_pic/p80997190736.jpg)
เปิดอ่าน 11,426 ☕ คลิกอ่านเลย | ![เว็บไซต์หางาน กับ บริษัทจัดหางาน ครูต่างชาติ เว็บไซต์หางาน กับ บริษัทจัดหางาน ครูต่างชาติ](news_pic/p57262061647.jpg)
เปิดอ่าน 2,129 ☕ คลิกอ่านเลย | ![10 วิธีรักษาเงินสด 10 วิธีรักษาเงินสด](news_pic/pic/p47038882159.jpg)
เปิดอ่าน 10,083 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ ![โครงการ DifferSheet ออกฟีเจอร์ใหม่ WorkSheet (สื่อการเรียนการสอนดิจิทัล) ให้ครูใช้ฟรีช่วงโควิด โครงการ DifferSheet ออกฟีเจอร์ใหม่ WorkSheet (สื่อการเรียนการสอนดิจิทัล) ให้ครูใช้ฟรีช่วงโควิด](news_pic/p38033371049.jpg)
เปิดอ่าน 6,591 ครั้ง | ![ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ - Linux ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ - Linux](news_pic/p43832741209.jpg)
เปิดอ่าน 25,360 ครั้ง | ![เตือนข้าราชการ นอกใจ มีชู้ มีกิ๊ก โดนโทษวินัย โทษมีตั้งแต่ตัดเงินเดือนจนถึงไล่ออก เตือนข้าราชการ นอกใจ มีชู้ มีกิ๊ก โดนโทษวินัย โทษมีตั้งแต่ตัดเงินเดือนจนถึงไล่ออก](news_pic/p31366821048.jpg)
เปิดอ่าน 126,056 ครั้ง | ![ทำไมขี้จิ้งจกถึงมีสองสี ทำไมขี้จิ้งจกถึงมีสองสี](news_pic/p46466020804.jpg)
เปิดอ่าน 41,563 ครั้ง | ![ไม่ยากเกินความพยายาม 10 วิธีง่ายๆ ช่วยให้ลูกเก่งภาษา ไม่ยากเกินความพยายาม 10 วิธีง่ายๆ ช่วยให้ลูกเก่งภาษา](news_pic/p50236851033.jpg)
เปิดอ่าน 18,416 ครั้ง |
|
|