Advertisement
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
คอลัมน์ คาร์ทิป
ข้อแนะนำง่ายๆ ในการล้างรถด้วยตนเอง
1.อย่ารอให้คราบสกปรกสะสมจนหนาแล้วถึงค่อยล้าง พวกซากแมลง, ขี้นก และสารเคมีจากสภาพแวดล้อม ทำให้เกิดความเป็นกรดซึ่งจะทำให้แว็กซ์ที่เคลือบอยู่หลุดออกไปได้ และยิ่งนานวันเข้าก็อาจทำให้ชั้นสีเสียหาย ยิ่งถ้าปล่อยไว้นานมากๆ ก็อาจต้องถึงขั้นทำสีใหม่กันเลย
การล้างพวกซากแมลง, ขี้นก และใบไม้แห้งที่ติดตามตัวรถ ควรล้างออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เมื่อพบเห็น และการล้างรถนั้นควรทำเป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อให้สีรถดูดีอยู่เสมอ
นอกจากนั้นแล้ว ถ้ารถคันโปรดของเราต้องเจอกับฝนที่มีความเป็นกรดสูง ให้พยายามฉีดล้างน้ำทันทีหลังฝนหยุดตก ไม่อย่างนั้นแล้ว ค่าความเป็นกรดของเม็ดฝนที่เกาะอยู่ เมื่อมันระเหยออกไปเองแล้ว จะทำให้เกิดรอยตำหนิแบบถาวรได้
2.ไม่ควรใช้พวกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดในบ้านอย่างสบู่, น้ำยาล้างจาน หรือ น้ำยาเช็ดกระจกล้างรถเป็นอันขาด ของเหล่านี้ไม่ได้ถูกทำมาเพื่อล้างสีรถโดยเฉพาะ เพราะอาจทำให้แว็กซ์ที่เคลือบอยู่จางลงไปได้ ให้ใช้น้ำยาล้างรถโดยเฉพาะ แล้วใช้ฟองน้ำล้างรถโดยเฉพาะหรือผ้าซับฟองล้าง
ควรใช้ฟองน้ำแยกต่างหากอีกอันเพื่อเอาไว้ล้างล้อกับยางโดยเฉพาะ เพราะที่ล้อจะเต็มไปด้วยเศษทราย, ฝุ่นจากผ้าเบรก และเศษผงต่างๆ ทำร้ายสีรถได้ ตรงนี้ให้ใช้สบู่อ่อนๆ กับน้ำจะดีกว่า แต่ถ้ายังไม่ออกให้ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดล้อโดยเฉพาะจะเห็นผลมากกว่า
3.อย่าล้างรถขณะที่ตัวถังยังร้อนอยู่ เช่นทันทีหลังจากเพิ่งขับมาไกลๆ หรือหลังจอดตากแดด เพราะความร้อนจะทำให้เกิดคราบน้ำได้ง่าย เวลาล้างเองก็ลำบากด้วย
4.อย่าหมุนฟองน้ำเป็นวงกลมตอนล้าง แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นรอยเส้นเป็นวงๆ เป็นรอยที่เกิดบ่อยกับรถทุกคันโดยเฉพาะรถสีดำ ให้ถูฟองน้ำเป็นแนวยาวขวางตัวรถทุกส่วน และอย่าใช้ฟองน้ำที่ตกพื้นล้างต่อเป็นอันขาด ให้ล้างฟองน้ำก่อนใช้ต่อทุกครั้ง เพราะฟองน้ำที่หล่นกับพื้นจะดึงเอาเศษกรวดขึ้นมาด้วย จะทำให้รถเป็นรอยได้
ฉีดน้ำให้ทั่วรถก่อนล้างทุกครั้ง เพื่อที่จะเอาคราบสกปรกต่างๆ ออกไปก่อน เพราะมันจะทำให้เกิดรอยข่วนตอนล้างได้เหมือนกัน และเมื่อเริ่มลงมือล้างแล้วขอให้ล้างเสร็จเป็นส่วนๆ ไป คือถูน้ำยาเสร็จตรงชิ้นไหนก็ให้ล้างน้ำออกเลย จะได้ไม่ต้องพะวงว่าฟองน้ำยาจะแห้งไปก่อน จากนั้นถึงค่อยย้ายไปส่วนอื่นต่อ ทำแบบนี้จนครบทั่วทั้งคัน
5.อย่าปล่อยให้รถแห้งเอง หรือขับออกไปวนสลัดน้ำ จะทำให้เกิดคราบเป็นดวงติดรถได้ และก็อย่าใช้ผ้าที่หยาบหรืออย่างอื่นที่อาจทำให้เกิดรอบขนแมวมาเช็ด
ใช้ผ้าชามัวร์ (ธรรมชาติหรือสังเคราะห์ก็ได้) หรือ ผ้าขนหนูนุ่มๆ เช็ดเอา ถ้าคุณใช้ผ้าขนหนู ก็อาจจะต้องออกแรงหลายรอบหน่อย การเช็ดให้ซับขึ้นมาแทนการถูอย่างที่เราคุ้นเคย
ที่มา : Thaicarlive.com
Advertisement
เปิดอ่าน 13,041 ครั้ง เปิดอ่าน 12,485 ครั้ง เปิดอ่าน 11,019 ครั้ง เปิดอ่าน 9,896 ครั้ง เปิดอ่าน 11,881 ครั้ง เปิดอ่าน 535 ครั้ง เปิดอ่าน 11,714 ครั้ง เปิดอ่าน 16,989 ครั้ง เปิดอ่าน 19,528 ครั้ง เปิดอ่าน 11,860 ครั้ง เปิดอ่าน 9,608 ครั้ง เปิดอ่าน 16,324 ครั้ง เปิดอ่าน 9,869 ครั้ง เปิดอ่าน 12,725 ครั้ง เปิดอ่าน 11,804 ครั้ง เปิดอ่าน 10,055 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 63,991 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 13,520 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 13,109 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 9,879 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 12,898 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 8,402 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 13,770 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 12,179 ครั้ง |
เปิดอ่าน 336,550 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,910 ครั้ง |
เปิดอ่าน 165,609 ครั้ง |
เปิดอ่าน 21,327 ครั้ง |
|
|