ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมความรู้ทั่วไป  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

ฮิคิโคโมริ ซินโดรม โรคเก็บตัวที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตุเมื่อลูกเริ่มหนีห่างจากสังคม


ความรู้ทั่วไป 22 พ.ค. 2565 เวลา 08:44 น. เปิดอ่าน : 3,802 ครั้ง
ฮิคิโคโมริ ซินโดรม โรคเก็บตัวที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตุเมื่อลูกเริ่มหนีห่างจากสังคม

Advertisement

คุณพ่อคุณแม่เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมบางครั้งลูกก็ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากพบเจอใคร เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องเป็นเวลานาน ใช้เวลาอยู่แต่กับสื่อที่มีเช่น เกมส์, การ์ตูน, อินเตอร์เน็ตแบบเกินพอดี ซึ่งระยะเวลาเองก็ไม่ใช่เพียงวัน สองวัน หรือช่วงเวลาในการปิดเทอม แต่เป็นระยะเวลาที่ยาวนานจนผิดปกติ ทั้งยังมีอาการหลีกหนีสังคม ไม่ยอมพบเจอแม้แต่หน้าของตนในบ้าน จะยอมลงมาเจอหรือพูดคุยแค่เรื่องจำเป็นเท่านั้นและหนีกลับขึ้นห้องไปอีกไม่ยอมออกมาเลย ข้าวปลาอาหารก็ต้องเอาขึ้นไปให้ถึงห้อง

หากถึงขั้นนี้เป็นไปได้ว่า เด็กๆ ของเราอาจมีอาการฮิคิโคโมริ ซินโดรมแล้วหรือเปล่า? ไม่ใช่แค่การมีโลกส่วนตัวสูงหรือไม่ชอบการเข้าสังคม และฮิคิโคโมริ ซินโดรมเป็นอย่างไร ต้องมีอาการระดับไหนจึงจะเรียกว่า ฮิคิโคโมริ

เรามาศึกษากันว่าฮิคิโคโมริ คืออะไร ลักษณะของอาการและวิธีการแก้ไข ทำอย่างไรกันดีกว่า

ฮิคิโคโมริ (HiKikomori) คืออะไร

ฮิคิโคโมริ หรือเรียกกันสั้นๆว่า ฮิกกี้ เป็นคำที่ใช้เรียกคนที่ปลีกตนเองออกจากสังคมโดยสิ้นเชิงของคนประเทศญี่ปุ่น เป็นบุคคลที่ไม่ต้องการมีสังคมหรือพูดคุยกับใคร, มีความสนใจเฉพาะทางและหมกมุ่นอยู่กับมันได้เป็นวันๆ ภายในห้องส่วนตัวแต่ระยะเวลาที่อยู่นั้นจะต้องเกิด 6 เดือนขึ้นไปจึงจะเข้าข่ายมีอาการนี้เพราะหากเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้นหรือเพียงชั่วครั้งชั่วคราว อาจเกิดจากปัญหาด้านอื่นๆ มากกว่าค่ะ

คนที่มีอาการฮิคิโคโมริ จะหลีกเลี่ยงการพบเจอผู้อื่นรึแม้แต่คนในบ้านให้ได้น้อยที่สุดเพราะเขาไม่ต้องการที่จะพูดคุยหรือแลกเปลี่ยนความเห็นอะไร ซึ่งปัจจุบันนั้นมีคนที่เป็นฮิคิโคโมริถึงหลักหลายแสนคนเลยทีเดียวในประเทศทางเอเชียและคิดว่าอาจจะมีแนวโน้มสูงขึ้นไปอีกด้วยความกดดันและการแข่งขันในสังคม

อาการฮิคิโคโมรินั้นแบ่งออกได้เป็น 2 แบบ

  • แบบหลีกหนีจากสังคมเพราะไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้ รู้สึกกดดันและทำตัวไม่ถูกจนเกิดอาการต่อต้าน, เกิดเรื่องสะเทือนใจจนไม่สามารถทนอยู่ในสังคมได้
  • แบบมีความชอบหรือความสนใจอันแรงกล้าจนไม่สนใจสิ่งอื่น, ไม่ต้องการสังคมหรือคนพุดคุย ขอแค่ได้มีความสุขกับสิ่งที่ชอบพอ ทำให้เก็บตัวอยู่แต่บ้านและหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ชอบทั้งวัน

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการฮิคิโคโมริ

การเป็นฮิคิโคโมรินั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กวัยเรียนไปจนถึงวัยทำงานซึ่งหากเกิดอาการขึ้นมาแล้วก็จะทำให้กลับไปอยู่ในสังคมได้ยากด้วยเหตุผลหลายๆ ปัจจัยที่ส่งผลให้อาการนี้กำเริบ และสาเหตุที่ก่อให้เกิดเป็นอาการฮิคิโคโมริก็มีดังนี้

  • พบกับความผิดหวังหรือทำให้ใจสลายจากสังคมภายนอกหรือแม้แต่การผิดหวังในตนเอง
  • แรงกดดันในสังคมโลกภายนอกมันร้ายแรงเกิดกว่าจะแบกรับไว้ไหว เรื่องเรียน, ความสามารถรึแม้แต่แนวคิดที่แปลกแยก
  • ถูกรังแกหรือทำให้กลายเป็นตัวประหลาด ทำให้รู้สึกสูญเสียความมั่นใจไม่กล้าออกไปพบเจอผู้คน
  • ปัญหาในครอบครัวที่ส่งผลถึงความรู้สึก ทำให้ไม่ไว้ใจจะเปิดใจกับใคร

Advertisement

จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นฮิคิโคโมริ

การเป็นฮิคิโคโมริหรือฮิกกี้นั้นคือการ ‘หนี’ ออกจากสังคมซึ่งมันจะแตกต่างกันการ ‘นิ่งเฉย’ ต่อสังคมซึ่งการนิ่งเฉยจะคลับคล้ายกับการเป็นคนไม่มีปฏิสัมพันธ์หรือเบื่อการเข้าสังคมมากกว่ารึที่เราเรียกกันติดปากว่าโลกส่วนตัวสูง ในส่วนนั้นสามารถพัฒนาหรือปรับปรุงได้เกี่ยวกับพฤติกรรมแต่อาการฮิคิโคโมรินั้นจะมีความรุนแรงที่ยิ่งกว่าซึ่งหากเด็กๆ ของเรามีอาการในนี้เกินครึ่งก็อาจมั่นใจได้แล้วว่าเขาเป็นฮิกกี้

  • ไม่ยอมออกจากบ้านแม้ว่าจะเป็นแค่การไปที่ใกล้ๆ เป็นระยะเวลาเกิน 6 เดือน
  • ไม่คบใคร ไม่มีเพื่อนเก็บเนื้อเก็บตัว
  • เลี่ยงการพบหน้าแม้แต่คนในครอบครัวเพราะไม่ต้องการให้ใครมาถามไถ่หรือยุ่งกับตน
  • ห้ามใครเข้าไปในห้อง, สามารถอยู่ในห้องได้ทั้งวัน เป็นเดือนๆ ทำเพียงแค่สิ่งที่สนใจอย่าง อ่านหนังสือการ์ตูน, เล่นเกมส์, ใช้งานอินเตอร์เน็ต
  • บางครั้งมีอาการก้าวร้าวหรือต่อต้านอย่างรุนแรงถ้าหากไปพยายามบังคับหรือพาออกมาจากโลกที่เขาคิดว่าสงบสุข ไร้ใครมารบกวน

สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องแยกให้ออกเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ เด็กที่มีโลกส่วนตัวสูงกับเป็นฮิคิโคโมรินั้น แตกต่างกัน ในกรณีของโลกส่วนตัวสูงจะเพียงไม่ชอบออกไปมีสังคมหรือใช้เวลาร่วมกันผู้อื่นแต่ในอาการเหล่านั้นก็ยังสามารถพูดคุยและไม่แสดงอาการต่อต้านอย่างน่ากลัว ต่างกับฮิคิโคโมริที่แม้เพียงพาออกมาจากห้องนอน ก็จะไม่ยอมออกไปเด็ดขาด ข้าวก็ต้องนำไปกินในนั้น

วิธีช่วยให้ลูกหลุดจากอาการฮิคิโคโมริ

หากลองสังเกตแล้วว่าลูกของเรามีอาการหรือเข้าข่าย คุณพ่อคุณแม่หลายๆ ท่านอาจคิดว่าใช้วิธีบังคับ หรือความเป็นผู้ปกครองในการออกคำสั่งจะช่วยให้แก้ได้แต่นั่นกลับจะส่งผลให้ลูกต่อต้านยิ่งกว่าเดิมและอาจลามไปสู่การทำร้ายตัวเองได้ค่ะเพราะอาการฮิคิโคโมริคืออาการเริ่มต้นที่อาจส่งผลไปถึงโรคทางจิตเวชไม่ว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า, โรควิตกกังวล, โรคกลัวการเข้าสังคม ดังนั้นวิธีช่วยเหลือให้ลูกของเรากลับมาอยู่ในสังคมได้อีกครั้งควรปฏิบัติตามดังนี้

  • ไม่คาดหวังหรือบีบบังคับให้เขาเป็นอย่างที่เราต้องการ
  • คิดบวก-พูดบวกกับลูกให้มาก หากมีโอกาสได้พูดคุยให้พูดคุยด้วยเรื่องดีๆ ชวนให้มองแต่สิ่งที่สบายใจ
  • แสดงความรักผ่านการกระทำมากกว่าการพูดเฉยๆ กอดบ้าง หอมบ้าง ทำอาหารที่ชอบให้ทาน
  • รับฟังมากกว่าตั้งคำถามกับลูก แม้จะรู้สึกไม่ถูกใจเราแต่ก็ต้องรับฟังสิ่งที่เขาพูดหรือรู้สึกด้วยความเป็นกลางและไม่ตัดสินแทน
  • ไม่ว่าเขาจะเจอเรื่องอะไรมา ต้องยืนหยัดที่จะอยู่เคียงข้าง ไม่ทิ้งไปไหน

อาการฮิคิโคโมริเป็นอาการที่เกินจากสภาพแวดล้อมและสังคมทำร้ายจนไม่สามารถทำให้เด็กๆ รู้สึกอยากอยู่ในสังคมที่เป็นแบบนี้ ต้องการที่จะหนไปให้ไกล ดังนั้น นี่ไม่ใช่นิสัยจริงๆ ของลูกแต่เป็นเพียงการสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเขาขึ้นมาก็เท่านั้น คุณพ่อคุณแม่จะต้องใจเย็นและพยายามทำความเข้าใจตัวตนของลูกในจุดนี้ค่ะ เพราะถ้าทำได้รับรองว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน

ที่มา : amarinbabyandkids , goodlifeupdate , estopolis ,thaichildcare
 

ขอบคุณที่มาจาก www.parentsone.com/hikikomori-kid/


ฮิคิโคโมริ ซินโดรม โรคเก็บตัวที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตุเมื่อลูกเริ่มหนีห่างจากสังคมฮิคิโคโมริ ซินโดรมฮิคิโคโมริฮิคิโคโมริ คืออะไรโรคเก็บตัวโรคหนีสังคมฮิกกี้โรคฮิกกี้

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

การเลือกโต๊ะที่เป็นมงคล

การเลือกโต๊ะที่เป็นมงคล


เปิดอ่าน 12,354 ครั้ง
Advertisement


:: เรื่องปักหมุด ::

ดื่มชาดำหรือเขียวประจำวันละ3ถ้วย ปัดเป่าอัมพาตไกลร้อยละ21

ดื่มชาดำหรือเขียวประจำวันละ3ถ้วย ปัดเป่าอัมพาตไกลร้อยละ21

เปิดอ่าน 9,130 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
สมุนไพรน่ารู้
สมุนไพรน่ารู้
เปิดอ่าน 15,788 ☕ คลิกอ่านเลย

ครีมเทียม กินมาก อันตรายกว่าที่คิด!
ครีมเทียม กินมาก อันตรายกว่าที่คิด!
เปิดอ่าน 37,313 ☕ คลิกอ่านเลย

นักกฎหมายยันแชร์ภาพดอกไม้ได้ไม่ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่อย่าดัดแปลง
นักกฎหมายยันแชร์ภาพดอกไม้ได้ไม่ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่อย่าดัดแปลง
เปิดอ่าน 14,722 ☕ คลิกอ่านเลย

รู้เท่าทัน ก่อนทานสมุนไพร-อาหารเสริม
รู้เท่าทัน ก่อนทานสมุนไพร-อาหารเสริม
เปิดอ่าน 11,007 ☕ คลิกอ่านเลย

"โมสาร์ท เอฟเฟกต์" เรื่องจริงหรือแค่อิงวิจัย
"โมสาร์ท เอฟเฟกต์" เรื่องจริงหรือแค่อิงวิจัย
เปิดอ่าน 28,444 ☕ คลิกอ่านเลย

แนะนำหนังสือน่าอ่าน
แนะนำหนังสือน่าอ่าน
เปิดอ่าน 10,211 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ปฏิรูปการศึกษา...สังคมได้อะไร ?
ปฏิรูปการศึกษา...สังคมได้อะไร ?
เปิดอ่าน 9,172 ครั้ง

เทคนิคเลือกกระถางต้นไม้ให้เหมาะสม
เทคนิคเลือกกระถางต้นไม้ให้เหมาะสม
เปิดอ่าน 22,310 ครั้ง

เปิดผลวิจัยคนไทยติดแชต กระทบงาน-การเรียนหนัก
เปิดผลวิจัยคนไทยติดแชต กระทบงาน-การเรียนหนัก
เปิดอ่าน 10,512 ครั้ง

ทายนิสัยจากการเล่นเกมส์
ทายนิสัยจากการเล่นเกมส์
เปิดอ่าน 11,062 ครั้ง

สตรีผู้ทรงอิทธิพลปี 2009
สตรีผู้ทรงอิทธิพลปี 2009
เปิดอ่าน 8,223 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ