Advertisement
Advertisement
เมื่อใดก็ตามที่คุณเริ่มสังเกตวว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับคู่สนททนาของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเศษอาหารที่ติดอยู่ที่ซอกฟันของเพื่อนซี้ หรือพฤติกรรมที่แย่ๆของเพื่อนร่วมก๊วน หากสิิ่งเหล่านี้ทำให้คุณรู้สึกลำบากใจ และรู้สึกตะขิดตะขวงใจว่าจะใช้คำพูดอย่างไรเพื่อเตือนบุคคลเหล่านี้ ใจหนึ่งคุณรู้สึกอยากจะปกป้องพวกเขาจากความรู้สึกอับอายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่อีกใจคุณก็กลัวว่าจะได้รับความอับอายหากโดนตอกกลับมาด้วยคำพูดเจ็บๆ แบบนี้จะทำยังไงดี??
โชคร้าย ที่มันไม่มีคำตอบที่ตายตัว นี่จึงเป็นเพียงคำแนะนำที่จะบอกคุณว่าเมื่อไหน่ที่คุณควรจะพูดและเมื่อไหร่คุณควรจะเลือกที่จะปล่อยให้ผ่านไป
คุณจะจัดการอย่างไร เมื่อคุณเจอคนประเภท...
1....อาจจะกำลังตั้งครรภ์หรือป่าว?
หากคุณบังเอิญไปพบกับเพื่อนคนหนึ่งเข้าและคุณก็พบว่า หน้าท้องของเธอดูใหญ่ขึ้นกว่าที่คุณเจอเมื่อครั้งก่อนมาก จนคุณชักจะสงสัย ทางที่ดีขอเตือนให้คุณคิดให้ดีก่อนว่า เพื่อนของคุณอาจจะกินมากไปหรือเปล่า แต่ถ้าคุณเห็นว่านั่นยังดูไม่สมเหตุสมผลและคุณก็รู้สึกข้องใจเหลือเกิน อย่างไรก็ตามคุณก็ไม่ควรถามเธอออกไปตรงๆว่าเธอท้องหรือไม่ เพราะหากเพื่อนของคุณท้องจริง เธอย่อมจะเป็นฝ่ายบอกคุณเองเมื่อเธอถึงรู้สึกดีและมีความพร้อมที่จะบอก
2....มีเศษอาหารติดอยู่บนหน้า
ไม่ว่าจะเป็นเพียงเศษพริกชิ้นเล็กๆหรือจะเป็นผักก้อนโตที่ติดอยู่ที่ซอกฟัน ขอให้คุณรีบบอกเพื่อนของคุณทันที เพราะนี่เป็นเรื่องธรรมดามากที่คุณจะสามารถพูดเตือนเพื่อนของคุณได้ โดยคุณอาจพูดกับเพื่อนของคุณคุณอาจบอกว่า “คุณมีบางอย่างติดอยู่ที่...” เพียงแค่นี้เพื่อนของคุณก็รู้แล้วว่าเธอหรือเขาจะต้องจัดการกับมันยังไง
3...กำลังแสดงความคิดเห็นที่ก้าวร้าว
หากคนที่คุณกำลังสนทนาด้วยนั้นใช้ท่าทีหรือมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องเพศ เชื้อชาติ หรือ การแสดงความต้องการบางอย่างที่ดูไม่เหมาะสม และหยาบคาย คุณควรจะพูดบางส่ิงบางอย่างเพื่อตักเตือน แต่ต้องให้แน่ใจว่าคุณพูดของคุณนั้น สั้น กระชับได้ใจความ โดยเฉพาะหากคุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างใกล้ชิด เช่น ในมื้อดินเนอร์ โดยคุณอาจพูดให้คนๆนั้นหยุดและได้สติกลับมาว่า ”หัวข้อที่คุณกำลังพูดถึงนั้นไม่ใช่เรื่องตลก” และมันเพียงพอที่คุณจะหยุดได้แล้ว
4....มีกลิ่นปาก
ถ้าคุณเป็นเพื่อนสนิท หรือเป็นสมาชิกในครอบครัว ก็อาจจะหาวิธีใช้คำพูดเพื่อเตือนได้ไม่ยาก เช่น การเอาลูกอมรสมินต์มาให้แล้วพูดด้วยท่าทีแบบมีอารมณ์ขันไปด้วย หรือถ้าคุณเพิ่งเสร็จจากการรับประทานอาหารมื้อจัดจ้าน ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ หรือน้ำพริกนรก คุณอาจใช้คำพูดติดตลกว่า ไม่ว่าใครที่เพิ่งรับประทานอาหารที่มีกินแรงมาก ย่อมต้องการทำความสะอาดช่องปากทั้งนั้น
แต่ถ้าในกรณีที่เป็นคนที่คุณไม่รู้จัก ขอแนะนำให้คุณเงียบและปล่อยให้เรื่องผ่านไปดีกว่า
5....มีกลิ่นตัว
เรื่องนี้อาจดูเป็นเรื่องที่มีความเป็นส่วนตัวขึ้นมาหน่อย และนี่เองเป็นเหตุผลว่าคุณไม่มีวิธีการพูดใดๆที่จะบอกคนๆนั้นโดยไม่เป็นการหยาบคาย อย่างไรก็ตาม ก็ถือเป็นการดีกว่าถ้าคุณจะพูดเพื่อเตือน เพราะไม่เพียงแต่จะเป็นการดีกับคนที่คุณเตือนแต่ยังรวมถึงตัวคุณด้วย แต่คุณอาจมีวิธีพูด เช่น “ว้าว!คุณเพิ่งกลับมาจากออกกำลังกายใช่มั้ย” จากนั้นค่อยโยนเจ้าประเด็นที่คุณจะพูด ถ้าคุณโชคดีคุณอาจเจอคนที่พร้อททจะรับฟัง แต่ถ้าคนๆนั้นเป็นคนที่คุณไมคุ้นเคย ก็ขอให้คุณเงียบและปล่อยให้ผ่่านไป
6. ...สวมเสื้อที่เป็นซีทรูหรือเปล่า
ผู้หญิงส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญของการเลือกชุดชั้นใน แต่บางครั้งผู้หญิงบางส่วนกลับไม่คิดเช่นนั้น ซึ่งคุณอาจบังเอิญไปเจอผู้หญิงประเภทนี้เข้า ที่ไม่เคยใส่ใจว่าเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่จะบางจนเห็นไปถึงไหน ซึ่งถ้าเห็นแต่สิ่งที่สวยงามก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าดันไปเห็นทะลุชุดชั้นในที่มีีรอยฉีกขาด แถมมีขนาดที่ไม่พอดีเข้าล่ะก็ ไม่อยากจะคิด
นี่เป็นอีกหน่ึงเรื่องหนึ่งท่ีคุณต้องระวัง เพราะหากพูดโดยไม่ระวังแล้วจะเป็นการสร้างความอับอายให้อีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะหากคุณเป็นผู้ชายก็ไม่คงเป็นฝ่ายเข้าไปเตือนเอง แต่ควรหาผู้หญิงมาเป็นคนกลางดีกว่า โดยวิธีการพูดที่แนะนำคือ คุณอาจเข้าไปใกล้ๆผู้หญิงคนนั้น และกระซิบบอกเธอว่า คุณสังเกตเห็นอะไร และเตือนเธอว่าเสื้อที่เธอใส่นั้นบางกว่าที่คิด และคุณคิดว่าหากเป็นคุณๆคิดว่าคุณคงจะต้องการจะรู้ ดังนั้นคุณจึงเลือกที่จะบอกกับเธอ
7....มีบางสิ่งบางอย่างบนเสื้อผ้าที่ผิดปกติไป
วันนี้โชคอาจไม่เข้าข้างเพื่อนของคุณ เพราะกระดุมเสื้อตัวโปรดหรือซิบของเดรสตัวเก่งของเธอดันมาทรยศกันได้ หากคิดกลับกันว่าเป็นคุณ คุณย่อมต้องการที่จะมีใครซักคนช่วยส่งสัญญาณถึงความผิดปกตินี้ แต่จำไว้ว่าคงเป้นการดีกว่าแน่ หากคุณผู้ชายจะเลือกเตือนเฉพาะคุณผู้ชายด้วยกัน สำหรับคุณผู้หญิงก็เช่นเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้คนที่ถูกเตือนรู้สึกอายแล้ว ยังช่วยเซฟตัวเองไปในตัวด้วยว่า ไม่ใช่พวกโรคจิตชอบถ้ำมอง
ข้อมูลจาก http://food.yahoo.com/blog/foxyfestivities/20362/when-to-speak-up-or-shut-up
Advertisement
|
เปิดอ่าน 19,747 ครั้ง |
เปิดอ่าน 17,857 ครั้ง |
เปิดอ่าน 15,387 ครั้ง |
เปิดอ่าน 1,996 ครั้ง |
เปิดอ่าน 28,453 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,909 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,393 ครั้ง |
เปิดอ่าน 3,309 ครั้ง |
เปิดอ่าน 2,895 ครั้ง |
เปิดอ่าน 71,983 ครั้ง |
เปิดอ่าน 14,025 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,019 ครั้ง |
เปิดอ่าน 34,022 ครั้ง |
เปิดอ่าน 13,843 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,334 ครั้ง | |
|

เปิดอ่าน 63,433 ☕ คลิกอ่านเลย |

เปิดอ่าน 48,038 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 14,124 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 9,570 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 11,689 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 9,961 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 11,452 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ 
เปิดอ่าน 14,169 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 4,379 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 60,164 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 8,057 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 9,126 ครั้ง |
|
|