ตอน พระอภัยมณีและศรีสุวรรณออกจากวัง

|
แต่ปางหลังยังมีกรุงกษัตริย์ |
| สมมุติวงศ์ทรงนามท้าวสุทัศน์ |
ผ่านสมบัติรัตนานามธานี |
| อันกรุงไกรใหญ่ยาวเก้าสิบโยชน์ |
ภูเขาโขดเป็นกำแพงบูรีศรี |
| สพรึบพร้อมไพร่ฟ้าประชาชี |
ชาวบูรีหรรษาสถาวร |
| มีเอกองค์นงลักษณ์อรรครราช |
พระนางนาฏนามประทุมเกสร |
| สนมนางแสนสุรางคนิกร |
ดังกินนรน่ารักลักขณา |
| มีโอรสสององค์ล้วนทรงลักษณ์ |
ประไพพักตรเพียงเทพเลขา |
| ชื่ออภัยมณีเป็นพี่ยา |
พึ่งแรกรุ่นชัณษาสิบห้าปี |
| อันกุมารศรีสุวรรณนั้นเป็นน้อง |
เนื้อดังทองนพคุณจำรุญศรี |
| พึ่งโสกันต์ชัณษาสิบสามปี |
พระชนนีรักใคร่ดังไนยนา ๚ |
พระอภัยมณีเป็นโอรสองค์ใหญ่ของท้าวสุทัศน์กษัตริย์เมืองรัตนา
มีพระอนุชาชื่อศรีสุวรรณ ทั้งสองเป็นเจ้าชายรูปงามน่ารักใคร่
ทั้งสองจากบ้านเมืองไปเรียนวิชาจากทิศาปาโมกข์ เยี่ยงลูกกษัตริย์ทั้งหลาย
พระอภัยมณีเรียนวิชาเป่าปี่ได้เป็นเอก อานุภาพของปี่นั้นพระอาจารย์บอกว่า
| ๏ ถ้าแม้นว่าข้าศึกมันโจมจับ |
จะรบรับสารพัดให้ขัดสน |
| เอาปี่ป่าเล้าโลมน้ำใจคน |
ด้วยเล่ห์กลโลกาห้าประการ |
| คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส |
เกิดกำหนัดลุ่มหลงในสงสาร |
| ให้ใจอ่อนนอนหลับดังวายปราณ |
จึงคิดอ่านเอาไชยเหมือนใจจง ๚ |
ส่วนศรีสุวรรณเลือกเรียนวิชากระบี่กระบองจนเป็นเลิศเช่นกัน
ท้าวสุทัศน์ทราบเรื่องก็โกรธมาก ขับไล่พี่น้องทั้งสองออกจากเมืองไป
เจ้าชายทั้งสองตกใจมากจนสลบต่อหน้าพระที่นั่ง เมื่อฟื้นมาก็รีบออกจากเมือง
| ๏ เผื่อพบพานบ้านเมืองที่ไหนมั่ง |
พอประทังกายาอยู่อาไศรย |
| มีความรู้อยู่กับตัวกลัวอะไร |
ชีวิตไม่ปลดลงคงได้ดี ๚ |